Home > 2018 (Page 34)

บ้านปู อินฟิเนอร์จี ส่องสว่างอนาคตเยาวชนไทยด้วยพลังงานสะอาดในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเรียนรู้ ปูรากฐานสู่การพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืน

หลังจากที่ได้เปิดตัวบริษัทฯ อย่างเป็นทางการไปเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด ในฐานะผู้ให้บริการด้านการวางระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร One Stop Service ด้วยเทคโนโลยีสะอาดและทันสมัย เดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์ด้านการพัฒนาสังคมของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ภายใต้แนวคิด “พลังความรู้ คือ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา” เสริมสร้างรากฐานสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม โครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเรียนรู้ “LIGHT & LEARN” โดยนำความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มาช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลสารสนเทศสำหรับชุมชนไทยภูเขา อันจะเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ และสร้างต้นทุนทางปัญญาที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพของชุมชนในระยะยาวได้อย่างแท้จริง โครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเรียนรู้ “LIGHT & LEARN” มุ่งเน้นการสร้างโอกาสในการเรียนรู้ให้แก่เยาวชนในชุมชนที่ห่างไกลและขาดแคลนไฟฟ้าในศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา แม่ฟ้าหลวง จังหวัดตาก โดยทีมงานจาก บ้านปู อินฟิเนอร์จีฯ ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ออกแบบระบบให้เหมาะสมกับพื้นที่และกำลังการใช้สอย ตลอดจนทำการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมแบตเตอรี่ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่โรงเรียนในโครงการฯ ที่ยากต่อการเข้าถึงและขาดแคลนไฟฟ้าให้มีไฟฟ้าใช้ได้ตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมอบและติดตั้งจานดาวเทียมและโทรทัศน์ เพื่อเป็นสื่อในการเข้าถึงข้อมูลการเรียนรู้ในการศึกษาทางไกล ซึ่งเป็นหนทางไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชน ให้ก้าวไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในภายภาคหน้า นางสมฤดี ชัยมงคล

Read More

ธุรกิจ-อุตสาหกรรมปรับตัว ส่งตลาดแรงงานสะเทือน

การประกาศปิดสาขาของธนาคารพร้อมกับแผนที่จะลดจำนวนพนักงานลงตามแผนพัฒนาในกรอบระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ของธนาคารไทยพาณิชย์ นอกจากจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับการประกาศผลการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ที่มีมติให้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ประจำปี 2561 ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ด้วยอัตรา 308-330 บาทต่อวัน ในอีกด้านหนึ่งยังเกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามปรับตัวของภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรม ที่กำลังถูกท่วมทับด้วยกระแสธารของเทคโนโลยีในยุคสมัยแห่งดิจิทัล ถ้อยแถลงของอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ในงาน SCB VISION 2020 ที่ระบุถึงการ “ลดสาขา” และ “ลดพนักงาน” ลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปี 2018-2020 ของธนาคารไทยพาณิชย์ จากจำนวนสาขาที่มีอยู่ 1,153 สาขาให้เหลือ 400 สาขา และปรับลดจำนวนพนักงานจาก 27,000 คน ให้เหลือ 15,000 คน ในด้านหนึ่งอาจไม่ใช่สิ่งเหนือความคาดหมาย หากแต่กรณีที่ว่านี้กลายเป็นประเด็นร้อน เพราะนี่ถือเป็นการประกาศทิศทางของการเปลี่ยนผ่าน หรือ SCB Transformation อย่างเป็นทางการสู่สาธารณะให้ได้ร่วมรับรู้ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในระบบธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจธนาคารและสถาบันการเงินก็คือเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มในการให้บริการได้ขยับคืบรุกไล่เข้ามามีบทบาทต่อวิถีความคิดและรูปแบบการให้บริการแบบเดิมด้วยอัตราเร่ง และทำให้ปรากฏการณ์แห่งการปิดและลดจำนวนสาขาของธนาคารแต่ละแห่ง กลายเป็นภาพที่ชินตาตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา

Read More

ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ดาบสองคมของเศรษฐกิจไทย

ข่าวการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของภาคแรงงานไทย กำลังเป็นที่จับตามองของหลายฝ่าย ทั้งจากกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่เฝ้ารอให้วาระนี้ถูกนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า และได้รับการอนุมัติเห็นชอบ ขณะที่บรรดานักลงทุนอาจกำลังวิตกว่าหากผลสรุปของที่ประชุม ครม. ไม่คัดค้าน และมีผลให้ค่าแรงอัตราใหม่ต้องบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2561 นั่นหมายถึงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่การแข่งขันดำเนินไปด้วยความยากลำบาก ประเด็นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้ สามารถมองได้ในหลากหลายมิติ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะ คสช. มองว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้น่าจะส่งผลดีต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในห้วงยามที่กำลังต้องการตัวกระตุ้น โดยก่อนหน้านี้ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ แสดงความคิดเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำว่า มีความเหมาะสม เนื่องจากค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้ปรับขึ้นมานานถึง 3 ปี และหากแรงงานได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้น น่าจะส่งผลต่ออำนาจการซื้อของประชาชนมากขึ้น ผู้ประกอบการร้านค้าจะได้รับประโยชน์จากการขายสินค้าได้มากขึ้น เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ทั้งนี้ ผลสรุปของคณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำปี 2561 ที่กำลังเสนอคณะรัฐมนตรีนั้น เป็นการเสนอให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ด้วยอัตรา 5-22 บาท ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 อัตรา ตามแต่ละพื้นที่ โดยอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 308 บาทต่อวัน ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา

Read More

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างสถิติใหม่ด้วยอัตราการเติบโตของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในไทยปี 2560 เป็นประวัติการณ์กว่า 43% เติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ด้วยยอดขายรวมในปี 2560 จากจำนวนการส่งมอบรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และมินิ รวมสูงสุดกว่า 11,030 คัน เติบโตขึ้นถึง 39% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นครั้งแรกที่สร้างสถิติยอดขายรวมต่อปีด้วยตัวเลขหลักหมื่น และเป็นยอดขายต่อปีที่ดีที่สุดของบริษัทสำหรับทั้งสามแบรนด์ โดยเฉพาะ บีเอ็มดับเบิลยู ในประเทศไทย ที่สร้างผลงานน่าประทับใจด้วยตัวเลขอัตราการเติบโตปีต่อปีถึง 43% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก ส่วนในระดับโลก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียม สร้างสถิติยอดขายที่ดีที่สุดในปี 2560 ติดต่อกันเป็นปีที่เจ็ด เติบโตขึ้น 4.1% ด้วยยอดขายรวมถึง 2,463,526 คันทั่วโลก โดยทั้งแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ก็ต่างประสบความสำเร็จและเป็นส่วนหนึ่งของสถิติยอดขายใหม่นี้ ด้วยยอดการส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูกว่า 2,088,283 คันทั่วโลก เติบโตขึ้นถึง 4.2% ปีต่อปี ขณะที่ยอดการส่งมอบรถยนต์มินิ สูงกว่า 371,881 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีที่ 3.2%

Read More

สถานการณ์ที่เลวร้ายลงของการลวนลามทางเพศและการข่มขืนในที่ทำงาน

การถูกลวนลามทางเพศ (Sexual Harassment) เป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสที่จะได้พบเจอในการใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่สาธารณะ ยกตัวอย่างเช่น การที่ผู้หญิงจะต้องเดินผ่านกลุ่มผู้ชายที่นั่งคุยกันอยู่ตรงมุมใดมุมหนึ่งของถนน แน่นอนว่าเมื่อเธอเดินผ่านก็อาจจะโดนแซ็ว หรือพวกเขาอาจจะยืนขวางไม่ให้เธอเดินต่อ หรือร้ายแรงที่สุดเธออาจจะโดนข่มขืนก็ได้ อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อปี 2012 ที่นักเรียนหญิงถูกข่มขืนบนรถเมล์จากกลุ่มเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเมล์คันเดียวกัน ดังนั้นการลวนลามทางเพศสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ทุกเวลา และไม่สามารถคาดคะเนได้เลยว่าในแต่ละสถานการณ์ ความรุนแรงระดับไหนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ สถานการณ์ความรุนแรงเรื่องการลวนลามทางเพศนั้นดูจะเลวร้ายมากขึ้น จะเห็นได้ว่าเราได้รับรู้ข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับผู้หญิงที่ถูกลวนลามในที่สาธารณะมากขึ้น และผู้หญิงที่ต้องตกเป็นเหยื่อเหล่านี้ก็มีอยู่ในทุกประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอังกฤษ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และนิวซีแลนด์ เป็นต้น จากการเปิดเผยเรื่องราวการถูกลวนลามทางเพศในโลกออนไลน์พบว่า ไม่ว่าจะเป็นถนนในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถนนในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย หรือถนนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ล้วนแต่มีผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อถูกลวนลามทางเพศมาแล้วทั้งนั้น เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 องค์การอนามัยโลกได้สรุปไว้ว่า มีผู้หญิงประมาณ 35% จากทั่วโลกในแต่ละปีที่ถูกลวนลามทางเพศหรือถูกข่มขืนอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงชีวิตของพวกเธอ จากการสำรวจขององค์การสหประชาชาติในปี 2016 ที่เมืองวอชิงตัน ดี.ซี. พบว่ามีผู้หญิงถึง 1

Read More

สิมิลัน: เหยื่อการท่องเที่ยวที่ไร้การจัดการ?

ในขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวกำลังดำเนินความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการโหมประโคมส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้คำขวัญที่หวังสร้างกระแสทั้ง “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างลึกซึ้ง” และ “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” หากแต่ข่าวความเป็นไปของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันในช่วงเวลา 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดูจะสร้างมิติที่แตกต่างออกไปจากอย่างสิ้นเชิง ปรากฏการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังหมู่เกาะสิมิลันอย่างหนาแน่น จนเกิดภาวะนักท่องเที่ยวล้นเกาะ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้การดูแลและอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างไม่ทั่วถึงแล้ว ประเด็นที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือสภาพแวดล้อมและทรัพยากรทางธรรมชาติของหมู่เกาะสิมิลัน จะมีความเสี่ยงต่อการถูกทำลายให้เสียหายมากน้อยเพียงใด จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ในด้านหนึ่งอาจจะทำให้หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวระบุถึงผลความสำเร็จในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่ทำให้สิมิลันกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีนที่มีสัดส่วนมากถึงกว่าร้อยละ 90 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ขณะที่ในปีที่ผ่านมา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา กลายเป็นสถานที่ที่สามารถจัดเก็บรายได้จากค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวได้มากถึง 201 ล้านบาท จากการเปิดฤดูท่องเที่ยวประจำปี 2560 (1 พฤศจิกายน 2559-30 เมษายน 2560) รายได้ที่เพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่ผ่านมา ได้รับการบันทึกว่าเป็นสถิติใหม่ในการจัดเก็บรายได้สูงสุดในรอบ 35 ปีนับตั้งแต่มีการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เมื่อปี 2525 และนับเป็นสถานที่ที่จัดเก็บรายได้จากนักท่องเที่ยวได้มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย กระนั้นก็ดี ตัวเลขของรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ย่อมไม่สามารถเป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จของการบริหารจัดการกิจกรรมท่องเที่ยว ที่มุ่งหมายทั้งในมิติของความลึกซึ้งและยั่งยืน ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามนำเสนอได้ ในทางตรงข้ามกลับสะท้อนภาพความบกพร่องในการบริหารจัดการและการเตรียมการที่จะรองรับผลสืบเนื่องที่สามารถคาดการณ์ได้จากปรากฏการณ์ในช่วงปีที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงเดือนมกราคม 2560 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันรายงานว่าสามารถจัดเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวได้มากถึง 57 ล้านบาท

Read More

​“เคทีซี” จับมือ “โรงพยาบาลเวชธานี” เปิดตัวบัตรเครดิตร่วม “KTC – VEJTHANI VISA SIGNATURE” ดูแลรอบด้านของการใช้ชีวิต

​“เคทีซี” จับมือ “โรงพยาบาลเวชธานี” พันธมิตรที่โดดเด่นด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ เปิดตัวบัตรเครดิตร่วม “KTC-VEJTHANI VISA SIGNATURE” บัตรเดียวที่ดูแลรอบด้านของการใช้ชีวิต เวชธานีดูแลด้านสุขภาพ เคทีซีดูแลด้านการใช้จ่ายที่คุ้มค่า ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ครบครันเรื่องการรักษา คาดสมาชิกสนใจสมัครบัตรฯ ไม่ต่ำกว่า 5,000 ราย และส่งผลยอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่โรงพยาบาลเวชธานีปรับตัวสูงขึ้น 20% ​ ​นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบัน คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น และการมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา โรงพยาบาลจึงได้มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป จากที่มาโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคเพียงอย่างเดียว เป็นการปรึกษาเรื่องการมีสุขภาพที่ดี ประกอบกับในปี 2017 ยอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดโรงพยาบาลอยู่ที่กว่า 7,100 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 9% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา และจำนวนสมาชิกที่ใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ในหมวดดังกล่าวรวม 994,000 ราย มากกว่าปีที่ผ่านมา 10% ทำให้เชื่อมั่นว่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในหมวดโรงพยาบาลจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Read More

ททท. เร่งเครื่องสร้างแรงบันดาลใจ ท่องเที่ยววิถีไทย 2561

เพิ่งจบไปหมาดๆ กับงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561” ครั้งที่ 38 ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแทบจะยกจุดเด่นของแต่ละภูมิภาคมานำเสนอไว้ที่สวนลุมพินี เพื่อให้คนกรุง รวมไปถึงนักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศและทำความรู้จักกับประเพณี วัฒนธรรม อาหารพื้นบ้านของไทยในเบื้องต้น ซึ่งผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยุทธศักดิ์ สุภสร คาดหวังว่างานนี้จะเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่านักเดินทางทั้งไทยและต่างชาติ ให้ได้ออกเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวจริง เบื้องต้นที่มีการคาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานไม่ต่ำกว่า 6 แสนคน หากการทำงานของ ททท.ในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ และเป็นไปตามเป้าหมาย ผู้เข้ามาร่วมชมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 38 จำนวนไม่น้อยกว่า 61 เปอร์เซ็นต์ ออกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ นั่นอาจจะหมายถึงตัวเลขรายได้ที่จะได้รับประมาณ 1 ล้านล้านบาท ภายใต้ยุทธศาสตร์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคนใหม่ ผสมผสานกับกรอบโครงของนโยบายรัฐบาลที่ต้องการจะลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม รวมไปถึงความต้องการที่จะปลุกฟื้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก การเติมน้ำมันเพื่อเร่งเครื่อง ฟันเฟืองสำคัญอย่างการท่องเที่ยวในห้วงยามนี้ ดูจะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด แน่นอนว่า ความคาดหวังของภาครัฐในเรื่องที่ต้องการให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการพัฒนาซัปพลายที่จะนำเสนอให้กับเหล่านักท่องเที่ยว ที่ไม่เพียงแต่เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น หากแต่ยังต้องคำนึงถึงนักท่องเที่ยวไทยที่นิยมเดินทางภายในประเทศอีกด้วย และงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ที่ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 38 เป็นส่วนหนึ่งในแผนการที่แม้จะมองว่าไม่ใช่แผนการที่แยบยลอะไรมากนัก หากแต่เป็นการเดินเกมแบบง่ายๆ แต่น่าจะเห็นผลได้ชัดเจน ด้วยรูปแบบของงานที่ยกเอาของดีจากหลายภูมิภาคมาไว้ในใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เริ่มทำความรู้จัก สร้างจุดสนใจ และในที่สุดคือ ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจจนเกิดการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่จริง แน่นอนว่ากว่าจะวัดผลของงานครั้งนี้ได้ก็ต่อเมื่อขึ้นศักราชใหม่แล้ว

Read More

ททท. ชูเมืองรองแคมเปญใหม่ หวังสร้างรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก

ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีรายได้จากหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมการส่งออก การลงทุนจากภาคเอกชน และที่สำคัญคือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย ในหลายยุคหลายสมัย เมื่อประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่เกื้อหนุนต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่รายได้จากการท่องเที่ยวไทยคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ของประเทศ โดยเฉพาะเมื่อศักราชที่ผ่านมา ประเทศไทยมียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยมากกว่า 35 ล้านคน จากตัวเลขดังกล่าวทำให้ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกว่า 2.754 ล้านล้านบาท รายได้รวมขยายตัวขึ้นถึง 9.47 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน ซึ่งเมื่อพิจารณาจากภาพรวมที่ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ได้อธิบายให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวของชาวต่างชาติในปี 2560 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนทั้งสิ้น 35,381,210 คน จำนวนดังกล่าวจะเห็นได้ว่ามีการขยายตัว 8.77 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติคือ 1,824,042.35 ล้านบาท ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศปี 2560 มีจำนวน 152 ล้านคน-ครั้ง เป็นตัวเลขที่ขยายตัวถึง 4.39 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา และรายได้จากการท่องเที่ยวของคนไทยเองประมาณ 930,000 ล้านบาท แม้ว่าตัวเลขทั้งในด้านของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ จะเพิ่มสูงขึ้นจนเป็นปรากฏการณ์

Read More

ฌอง ก็อกโต อาร์ทิสต์หลากแขนง

Column: From Paris ชอบแหวนของการ์ทีเอร์ (Cartier) รุ่นหนึ่ง เป็นทองสามสีไขว้กัน วงหนึ่งเป็นทองขาว อีกวงหนึ่งเป็นทองคำสีเหลืองและวงสุดท้ายเป็นทองสีชมพู เป็นรุ่นชื่อ Trinity รู้สึกว่าเท่ดี ร้านเพชรที่เคยคุ้นในอดีตทำเป็นแหวนก้อยให้ น่ารักมาก จำไม่ได้ว่ายกให้สาวคนไหนแล้ว Trinity เป็นผลงานการออกแบบของฌอง ก็อกโต (Jean Cocteau) แล้วให้ห้างการ์ทีเอร์ทำให้ บางกระแสก็บอกว่าการ์ทีเอร์ทำออกมา บังเอิญให้ฌอง ก็อกโตไปเห็นเข้า เขาชอบใจจึงสั่งทำหลายวง สำหรับสวมเองและมอบเป็นของขวัญใครบางคน ฌอง ก็อกโตเป็นอาร์ทิสต์หลากแขนง เขาเริ่มจากการเขียนบทกวี หนังสือบทกวีเล่มแรกของเขาคือ La lampe d’Aladin เอดูอารด์ เดอ มักซ์ (Edouard de Max) ชอบใจบทกวีของเขา จึงจัดให้มีการอ่านบทกวีที่โรงละครเฟมีนา (Fémina) ผู้ชมชอบใจ ฌอง ก็อกโตในฐานะกวีจึงดังนับแต่นั้น เขาชอบเข้าสังคมคนดัง และกลายเป็นหนุ่มสำอางชื่อดังในยุคนั้น ฌอง ก็อกโตชอบใจผลงานของแซร์จ เดอ ดีอากีเลฟ (Serge de Diaghilev)

Read More