Home > Vanida Toonpirom (Page 24)

Sourdough Bread ขนมปังเปรี้ยว ถูกปากคนรักแป้ง โดนใจสายคราฟท์

นอกจากโชกุปัง (Shokupan) ขนมปังนุ่มสไตล์ญี่ปุ่น และครัวซองต์กรอบนอกฉ่ำเนยจากฝรั่งเศสที่เข้ามาสร้างกระแสความอร่อยจนทำให้บรรดาผู้ชื่นชอบขนมนมเนยต้องเสาะหามาลิ้มลองกันแล้ว ขนมปังชื่อชวนน่าสงสัย อย่าง “ขนมปังซาวโดวจ์” ก็กำลังเข้ามาสร้างกลุ่มแฟนคลับของตัวเองอยู่อย่างเงียบๆ แต่กลับโดนใจใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะเหล่าคนรักแป้งและสายคราฟท์ทั้งหลาย ในกระบวนการทำขนมปังธรรมดาทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนมปังที่เป็นอุตสาหกรรมมักใช้ยีสต์สำเร็จรูปในการทำให้ขนมขึ้นฟู เพราะรวดเร็วไม่ต้องใช้เวลามาก และคุมรสชาติได้ตามที่ต้องการ แต่ขนมปังซาวโดวจ์ (Sourdough Bread) นั้นกลับแตกต่าง เพราะเป็นขนมปังที่หมักจากหัวเชื้อธรรมชาติ ที่เรียกว่า Sourdough Starter ซึ่งเกิดจากการเพาะเลี้ยงยีสต์เอง จนได้เป็นขนมปังที่มีเอกลักษณ์ทั้งเนื้อสัมผัส รสเปรี้ยวที่ติดปลายลิ้น และมีประโยชน์ต่อร่างกาย ขนมปังซาวโดวจ์หรือขนมปังเปรี้ยว เป็นขนมปังเก่าแก่ อาจเรียกว่าเป็นขนมปังสูตรโบราณก็ว่าได้ เพราะมีมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณช่วงประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสต์กาล โดยเชื่อกันว่าเจ้าขนมปังชนิดนี้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญจากยีสต์ธรรมชาติที่ปะปนอยู่ในอากาศ ก่อนที่ชาวอียิปต์จะพัฒนาจนได้เป็นขนมปังเปรี้ยวที่มีเอกลักษณ์อันเกิดจากการหมักด้วยยีสต์ที่เกิดจากการบ่มเชื้อ จากอียิปต์ ขนมปังซาวโดวจ์ได้กลายเป็นที่นิยมของชาวยุโรปในยุคต่อๆ มา รวมถึงสหรัฐอเมริกาที่ขนมปังเปรี้ยวชนิดนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่คนงานเหมืองในยุคตื่นทองของซานฟรานซิสโก จนกลายเป็นอาหารคู่ยุคตื่นทอง และถือเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของซานฟรานซิสโก แม้แต่ตัวนำโชคหรือมาสคอตของทีมอเมริกันฟุตบอล San Francisco 49ers ยังมีชื่อเล่นว่า “Sourdough Sam” เลยทีเดียว นอกจากนั้น ซานฟรานซิสโกยังมีร้านขนมปังซาวโดวจ์ที่เก่าแก่และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่าง “Boudin

Read More

“ระเฑียร ศรีมงคล” กับภารกิจปั้น XSpring สะพานเชื่อมโลกการเงินแบบเดิมสู่โลกดิจิทัล

“เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล” กางแผนธุรกิจ รุก Digital Financial Service พร้อมเป็นสะพานเชื่อมโลกการเงินแบบเดิมสู่โลกการเงินดิจิทัล ตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจร ด้วย 3 ปัจจัยแกร่ง “พันธมิตร– เงินทุน-ไลเซนส์” ภายใต้การนำทัพของมืออาชีพด้านการเงินอย่าง “ระเฑียร ศรีมงคล” เรียกว่าเป็นความเคลื่อนไหวในแวดวงการเงินที่น่าจับตา เมื่อบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ประกาศเปลี่ยนชื่อ เป็นบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (XPG) หรือ XSpring เพื่อให้สอดคล้องกับการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน ไปเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ตามมาด้วยการเพิ่มทุน จากสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิม 3,094 ล้านบาท สู่การเพิ่มทุนอีก 7,111 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีเงินทุนในมือกว่า 10,000 ล้านบาท โดยมีบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

Read More

เยียวยาจิตใจด้วย Kitchen Therapy เมื่อการเข้าครัว ไม่เพียงทำให้ท้องอิ่ม

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า สภาพการณ์ปัจจุบันทำให้เราอยู่ในสภาวะ “จิตตก” ได้ง่ายๆ ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ต้องนั่งลุ้นกันทุกวัน สภาพเศรษฐกิจที่ดูน่าเป็นห่วง ประกอบกับการที่ต้องอยู่กับบ้านนานๆ ล้วนแล้วแต่ทำให้สภาพจิตใจเราย่ำแย่ไปตามๆ กัน หลายคนจึงต้องหาวิธีปลอบประโลมจิตใจ ควบคู่กับหาวิธีป้องกันตัวเองจากโรคระบาดทางกาย บางคนเลือกที่จะปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง เลี้ยงสัตว์ หรือออกกำลังกายเพื่อเป็นการเยียวยาจิตใจ แต่บางคนก็เลือกที่จะใช้การเข้าครัว ทำอาหาร อบขนม เป็นการผ่อนคลายแทน เห็นได้จากกระแสหม้อทอดไร้น้ำมันพร้อมเมนูสร้างสรรค์ต่างๆ ที่อวดโฉมอยู่บนโซเชียลมีเดีย แต่การทำอาหารที่บางคนเลือกใช้เป็นวิธีผ่อนคลายหรือเป็นงานบ้านที่ต้องทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันของใครอีกหลายๆ คนนั้น กลับส่งผลดีต่ออารมณ์และจิตใจได้มากกว่าที่เราคิด และยังเป็นหนึ่งในวิธีการบำบัดปัญหาทางด้านอารมณ์และพฤติกรรม รวมถึงสภาวะซึมเศร้า ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในชื่อ “การบำบัดด้วยการทำอาหาร” หรือ Kitchen Therapy การศึกษาทางจิตวิทยาในหัวข้อ “Everyday creative activity as a path to flourishing” ของ แทมลิน คอนเนอร์ (Tamlin S. Conner) นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยโอทาโก (University of

Read More

จับตาฟิตเนส ธุรกิจหมื่นล้าน ในวันที่กำลังกระอักเพราะพิษโควิด

ธุรกิจฟิตเนสเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การระบาดในระลอกแรก จนถึงระลอกล่าสุดที่ดูจะหนักหนาสาหัสและอาจทำให้ผู้ประกอบการกว่าครึ่งจำต้องโบกมือลา ก่อนการอุบัติขึ้นของโรคโควิด-19 ธุรกิจฟิตเนสถือเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดและมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด อันเนื่องมาจากเทรนด์ของคนในสังคมปัจจุบันที่หันมาใส่ใจในเรื่องการรักษาสุขภาพและออกกำลังกายกันมากขึ้น ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่รายย่อยต่างก้าวเข้าสู่สังเวียน เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจและช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดก้อนโต ข้อมูลย้อนหลังจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า รายได้รวมของกลุ่มธุรกิจฟิตเนสในช่วงปี 2558-2560 เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยถึง 12.40% ต่อปี ฟิตเนสรายย่อยเปิดตัวมากขึ้นและกระจายตัวอยู่ในย่านชุมชนเพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการออกกำลังกายใกล้บ้าน ในขณะที่ฟิตเนสรายใหญ่ยังคงมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูล ณ ปี 2562 พบว่า มูลค่าตลาดโดยรวมของธุรกิจฟิตเนสอยู่ที่ 9,000-10,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 10%-12% ต่อปี และคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องถ้าไม่ประสบกับวิกฤตโควิด-19 อย่างในปัจจุบัน การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้รัฐออกมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการสั่งปิดสถานที่ออกกำลังกายและฟิตเนสเป็นการชั่วคราว เพราะมองว่าเป็นสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด โดยเป็นธุรกิจแรกๆ ที่ต้องปิดกิจการตามมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่กลับเป็นกลุ่มท้ายๆ ที่จะสามารถกลับมาเปิดให้บริการตามปกติได้ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างผลกระทบโดยตรงต่อผู้ให้บริการฟิตเนสทั้งรายใหญ่และรายย่อยอย่างถ้วนหน้า ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ฟิตเนสจำนวนไม่น้อยมีรายได้ต่อเดือนเท่ากับ “ศูนย์” ในขณะที่รายจ่ายยังคงเท่าเดิม ศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ฟิตเนสต้องแบกรับค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทั้งค่าเช่า

Read More

Limited Education แก้ปัญหาผ่านแบรนด์ เปลี่ยนการศึกษาไทยให้เป็นของ (ไม่) ลิมิเต็ด

เสื้อยืดสีขาวที่มีตัวอักษรโย้เย้สะกดชื่อแบบผิดๆ ถูกๆ อยู่บนตัวเสื้อ หรือ ป้าย “ขนมปังเนยโสด” ที่อยู่บนกล่องขนมปังเนยสดของร้านขนมหวานชื่อดังอย่าง After You คงเคยผ่านตาของใครหลายคน แม้มุมหนึ่งอาจจะดูน่ารัก ดึงดูดความสนใจ ประหนึ่งการตลาดรูปแบบใหม่ แต่แท้ที่จริงแล้ว ภายใต้ตัวอักษรเหล่านั้นกำลังสะท้อนความจริงของปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่ฝังลึกอยู่ในสังคมไทย “ความเหลื่อมล้ำ” เป็นคำที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยครั้ง แต่โดยส่วนมากมักนึกถึงความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจหรือรายได้เป็นหลัก เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้เป็นปัญหาที่เห็นภาพเด่นชัดในสังคมไทย ทว่าช่องว่างของรายได้และทรัพย์สินที่เกิดขึ้นไม่เพียงส่งผลทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำด้านต่างๆ ในสังคม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา” ที่โอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพถูกจำกัดด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจ ปัญหาเรื้อรังที่ฝังลึกอยู่ในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ตัวอักษรโย้เย้และคำสะกดผิดที่อยู่บนเสื้อยืดสีขาวและกล่องขนมข้างต้น คือหนึ่งในความพยายามที่จะลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ผ่านโครงการ “Limited Education” ที่เป็นดั่งพื้นที่รวบรวมสินค้า Limited Edition จากแบรนด์ดังต่างๆ ที่เห็นความสำคัญและพร้อมที่จะเข้ามาร่วมกันเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทย โดยเชื่อว่าความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไทยจะลดลงได้ เมื่อเกิดพื้นที่แห่งความร่วมมือจากทุกคน ที่ร่วมกันสร้างสรรค์ อุดหนุน และส่งต่อประเด็นปัญหา ผ่านสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษโดยใช้คำที่สะกดผิดจากลายมือจริงของเด็ก ที่ดูผ่านๆ หลายคนคงคิดว่าเป็นลายมือของเด็กประถม แต่แท้ที่จริงแล้วทุกตัวอักษรและทุกข้อความที่ปรากฏอยู่บนผลิตภัณฑ์เหล่านั้น เป็นฝีมือของเด็กระดับมัธยมต้น ที่กำลังเผชิญกับปัญหาทางการศึกษา ขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ทำให้อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ตามเกณฑ์ที่ควรจะเป็น “จากสถิติปี 2563 เราพบว่า

Read More

เสริมโภชนาการที่ดี ติดเกราะป้องกันให้ร่างกายสู้โควิด

เรียกว่าหายใจหายคอไม่ทั่วท้องกันเลยทีเดียว เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในแต่ละวันที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง ต่างคนต่างหาวิธีป้องกันตัวเองกันอย่างเข้มข้นเพื่อให้รอดปลอดภัยจากไวรัสตัวร้าย ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ลดการเดินทางและกักตัวอยู่กับบ้านเพื่อลดความเสี่ยง แต่นอกเหนือจากมาตรการป้องกันตัวเองข้างต้นแล้ว การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงเพื่อเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่โควิด-19 กำลังมาเคาะประตูบ้านอยู่ในขณะนี้ ระบบภูมิคุ้มกันที่ดีส่วนหนึ่งมาจากภาวะโภชนาการที่ดี โดยการเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อให้ได้รับปริมาณสารอาหารแต่ละชนิดให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ซึ่งการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุลเพื่อสร้างโภชนาการที่ดีนั้น เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้ ผักและผลไม้คือแหล่งวิตามินและใยอาหารชั้นดี ผักและผลไม้คือสิ่งที่ไม่ควรขาด และควรบริโภคให้ได้ครบทุกวัน เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย และนับเป็นความโชคดีที่เมืองไทยมีพืชผักและผลไม้หลายชนิดให้เลือกบริโภคได้ตลอดทั้งปี ผลไม้หลากชนิดไม่ว่าจะเป็น ส้ม ฝรั่ง แอปเปิล ส้มโอ กล้วย สับปะรด มะละกอ ผลเบอร์รี่ต่างๆ นับเป็นแหล่งวิตามินชั้นดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “วิตามินซี” ที่ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรง ซึ่งผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีอันดับต้นๆ เมื่อเทียบน้ำหนักต่อ 100 กรัม คือ มะขามป้อม มีวิตามินซี 276 มิลลิกรัม, ฝรั่ง 160 มิลลิกรัม, กีวี 105 มิลลิกรัม, ลิ้นจี่ 71.5 มิลลิกรัม, มะละกอ 62

Read More

พัสดุล้น-ส่งของล่าช้า วิกฤตซ้อนวิกฤตของขนส่งไทย?

ช่วงที่ผ่านมาขนส่งไทยกำลังเผชิญปัญหาและความท้าทายอย่างหนัก ภาพกล่องพัสดุตกค้างที่ไม่สามารถส่งถึงมือผู้รับได้ภายในกำหนดถูกวางกองเต็มโกดัง บางส่วนเป็นผลไม้สดที่กำลังเน่าเสีย ได้ถูกเผยแพร่ลงบนสื่อโซเชียล เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมเสียงสะท้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับแวดวงขนส่งไทยไม่น้อย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงและมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาครัฐออกมาตรการคุมเข้มเพื่อลดการแพร่ระบาด สถานประกอบการ ร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าถูกสั่งปิดชั่วคราว หลายธุรกิจต้องย้ายตัวเองมาอยู่บนออนไลน์ รวมไปถึงผู้ที่ได้รับกระทบจากการเลิกจ้างส่วนหนึ่งต่างผันตัวเองกลายมาเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เพื่อประคับประคองให้รอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ในขณะที่ผู้บริโภคเองก็หันมาสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้น ทั้งจากมาตรการล็อกดาวน์ งดการเดินทาง และเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ จนการซื้อของออนไลน์กำลังกลายเป็น New Normal ของผู้คนในปัจจุบันไปแล้ว ซึ่งนั่นย่อมส่งผลให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและขนส่งพัสดุเติบโตตามไปด้วย ปีที่ผ่านมาธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยเติบโตแบบก้าวกระโดดและนับเป็นธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุด ข้อมูลวิจัย “เศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำปี 2563 จาก Google, Temasek และ Bain & Company ระบุว่า มูลค่าตลาดของอีคอมเมิร์ซพุ่งสูงถึง 9,000 ล้านดอลลาร์ หรือราวกว่า 270,000 ล้านบาท และถือเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตโควิดอย่างนี้ แต่การแพร่ระบาดล่าสุดที่ขยายเป็นวงกว้างจนมีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงถึงวันละ 17,000-18,000 คนต่อวัน ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทขนส่งพัสดุด้วยเช่นกัน พนักงานขนส่งพัสดุบางส่วนติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ศูนย์รับและกระจายพัสดุมีพนักงานไม่เพียงพอ และบางสาขาถูกสั่งปิดชั่วคราว ในขณะที่จำนวนพัสดุยังคงหลั่งไหลเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดความชะงักงันของระบบขนส่ง เกิดปัญหาการคัดแยกและทำให้จัดส่งพัสดุล่าช้าตามมา พัสดุจำนวนมากตกค้างอยู่ภายในโกดังไม่สามารถจัดส่งให้ถึงมือผู้รับได้ตามกำหนด

Read More

การเดินทางของ “อาหารส่วนเกิน” จากผู้ให้ส่งถึงมือผู้รับ

“อาหารที่มูลนิธิเอามาให้มันช่วยเราได้เยอะ อย่างผักนี่เอาไปต้มจืดก็กินได้หลายมื้อแล้ว ยิ่งช่วงโควิดอย่างนี้มันช่วยได้มากจริงๆ” เสียงจากชาวชุมชนมักกะสัน ขณะกำลังช่วยกันลำเลียงอาหาร ทั้งผักสด ผลไม้ ออกจากรถเก็บความเย็นของมูลนิธิเอสโอเอสที่นำอาหารที่ได้รับบริจาคมาส่งต่อให้กับชุมชน แต่ละวันเรามีอาหารส่วนเกินที่เกิดจากการผลิตที่เกินความจำเป็นอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งอาหารจากไลน์บุฟเฟต์ ร้านอาหาร ผักผลไม้ที่ไม่สวย อาหารกระป๋อง และอาหารแช่แข็งที่ถูกถอดออกจากชั้นวางในซูเปอร์มาร์เก็ตตามมาตรฐานของห้างร้านแม้จะยังไม่หมดอายุก็ตาม อาหารเหล่านี้กลับถูกทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์ ซึ่งจากรายงานขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่า แต่ละปีทั่วโลกมีอาหารที่ถูกทิ้งถึง 1 ใน 3 ของอาหารที่ถูกผลิตขึ้นทั้งปี ขณะเดียวกันกลับมีกลุ่มคนที่ขาดแคลนและไม่สามารถเข้าถึงอาหารเพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน มูลนิธิ สโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (Scholars of Sustenance: SOS) หรือ เอสโอเอส ประเทศไทย จึงเข้ามาทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการนำส่วนหนึ่งของอาหารส่วนเกินเหล่านั้นไปส่งมอบให้กับผู้ที่ขาดแคลน ทั้งตามชุมชน สถานสงเคราะห์ เพื่อไม่ให้อาหารถูกทิ้งอย่างไร้ประโยชน์ ในทุกๆ เช้า ณ ที่ทำการของมูลนิธิเอสโอเอส เหล่า Food Rescue Ambassador หรือผู้พิทักษ์รักษ์อาหาร ที่ทำหน้าที่เก็บกู้และส่งต่ออาหารส่วนเกินที่ได้รับบริจาคมาให้แก่ชุมชนต่างๆ จะคอยตระเตรียมความพร้อมในการออกไปรับอาหาร โดยทยอยนำตะกร้าพร้อมกล่องสำหรับบรรจุอาหารลำเลียงขึ้นรถเก็บความเย็นจำนวน 4 คัน

Read More

มูลนิธิ SOS กับภารกิจ กอบกู้ “อาหารส่วนเกิน” เติมเต็มความหิว

ทุกวันนี้โลกของเราผลิตอาหารที่มากพอจะเลี้ยงคนได้ถึงหมื่นล้านคน ในขณะที่ประชากรบนโลกมีเพียง 7.8 พันล้านคน แต่กระนั้นยังมีกลุ่มคนอีกกว่า 1 พันล้านคนที่ยังขาดแคลนและไม่สามารถเข้าถึงอาหารที่มีประโยชน์ได้ ในขณะที่เราผลิตอาหารได้จำนวนมาก แต่ทำไมยังมีผู้คนที่ขาดแคลนและหิวโหยอยู่จำนวนไม่น้อย? “อาหารส่วนเกิน” ที่ถูกผลิตขึ้นมาเหล่านั้นถูกส่งไปที่ใด? รายงานจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เปิดเผยว่า ในแต่ละปีทั่วโลกมีอาหารที่ถูกทิ้งราวๆ 1.3 ล้านตัน หรือ 1 ใน 3 ของอาหารที่ถูกผลิตขึ้นทั้งปี ที่กลายเป็น “ขยะอาหาร” ทั้งที่ยังใช้ประโยชน์ได้ ถูกนำไปทิ้งในบ่อฝังกลบ หมักหมมจนก่อให้เกิดก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจก สาเหตุของภาวะโลกร้อน และถ้าขยะพลาสติกเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สังคมให้ความสำคัญ ขยะอาหารที่ส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารและสิ่งแวดล้อมก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถนำอาหารส่วนเกินเหล่านี้ไปส่งต่อให้กับผู้ที่ขาดแคลน เพื่อทำให้อาหารที่ผลิตออกมามีประโยชน์อย่างสูงสุด แทนที่จะกลายเป็นขยะอาหารที่สูญเปล่าและก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมา “สาเหตุหลักของอาหารเหลือทิ้งหรือขยะอาหารคือการจัดการอาหารที่ไม่เป็นระบบ การซื้อกักตุนไว้เกินความจำเป็น มาตรฐานการบริโภค การคัดมาตรฐานสินค้าเกษตรที่ต้องดูดีสวยงาม ทำให้บ่อยครั้งอาหารที่ยังบริโภคได้ ผัก ผลไม้ ที่รูปร่างไม่สวยต้องถูกทิ้งเป็นขยะอย่างน่าเสียดาย ซึ่งการจะแก้ปัญหาอาหารเหลือทิ้งอย่างยั่งยืนนั้น คือการสร้างทัศนคติที่ดี ตระหนักรู้ และรับผิดชอบในการบริโภค รวมถึงสร้างระบบการจัดการอาหารเหลือที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมูลนิธิ SOS มองเห็นถึงความสำคัญตรงนี้ จึงเข้ามาเป็นตัวกลางในการส่งต่ออาหารส่วนเกินเหล่านี้ไปยังผู้ที่ขาดแคลน โดยใช้ระบบโลจิสติกส์ที่เรามีความชำนาญ

Read More

“สะพานเขียว” สีเขียวเชื่อมย่าน สะพานเชื่อมเมือง

ทางเดินลอยฟ้าทาสีเขียวสบายตาขนาบข้างด้วยรั้วสแตนเลสทอดผ่านชุมชนเก่าแก่และศาสนสถานใจกลางย่านธุรกิจของเมือง เชื่อมสวนสาธารณะขนาดใหญ่สองแห่งเข้าไว้ด้วยกัน มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่เป็นระยะ และถูกโอบล้อมด้วยตึกสูงรอบด้าน ที่รู้จักกันในชื่อ “สะพานเขียว” กำลังอยู่ในความสนใจของผู้คนจำนวนไม่น้อย ในฐานะพื้นที่สาธารณะสำหรับพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่หลายสถานที่ถูกสั่งปิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 การได้ออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านจึงกลายเป็นสิ่งที่ใครหลายคนถวิลหา “สะพานเขียว” อาจจะเป็นที่รู้จักของใครหลายคน แต่ในขณะเดียวกันใครอีกหลายคนยังคงไม่รู้ถึงการมีอยู่ของพื้นที่สาธารณะใจกลางเมืองแห่งนี้ แม้ว่าจะถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 2543 แล้วก็ตาม สะพานเขียวเป็นโครงสร้างทางเดินและจักรยานยกระดับที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District – CBD) ของกรุงเทพฯ เชื่อมระหว่างสวนลุมพินีสวนสาธารณะแห่งแรกของประเทศและสวนเบญจกิติเข้าด้วยกัน โดยมีจุดเริ่มต้นที่สี่แยกสารสินพาดผ่านชุมชนโปโล ชุมชนโบสถ์มหาไถ่ และชุมชนร่วมฤดี แหล่งพักอาศัยของชาวบ้านหลายร้อยครัวเรือน คร่อมคลองไผ่สิงโต ข้ามทางด่วนเฉลิมมหานคร ทอดยาวไปจนถึงปากซอยโรงงานยาสูบ ระยะทางรวมทั้งสิ้น 1.3 กิโลเมตร นับเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายและซับซ้อนทั้งในเชิงของมิติเศรษฐกิจและสังคม และเป็นสกายวอล์กแห่งแรกๆ ของกรุงเทพฯ แต่ก่อนจะเป็นสะพานเขียวอย่างในทุกวันนี้ ในอดีตสะพานเขียวทำหน้าที่เป็นเส้นทางสัญจรของผู้คนที่ใช้เดินทางไปมาระหว่างแยกสารสินและซอยโรงงานยาสูบ และใช้เพื่อการออกกำลังกายของคนในพื้นที่บ้าง โดยมีการใช้งานพลุกพล่านเพียงช่วงเช้าและยามเย็น แต่แทบไร้การใช้งานในช่วงเวลากลางวัน เพราะความร้อนระอุของเมือง รวมถึงโครงสร้างของสะพานที่ไร้ที่กันแดดกันฝน และร่มเงาจากต้นไม้ที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ไม่เอื้อกับการออกมาทำกิจกรรมต่างๆ อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางคืน เพราะตลอดเส้นทางกว่า 1.3 กิโลเมตร ค่อนข้างเปลี่ยว ไฟส่องสว่างมีไม่เพียงพอ เป็นแหล่งมั่วสุมและเอื้อต่อการเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ จึงยากที่จะปฏิเสธว่าสะพานเขียวเป็นพื้นที่อันตรายในภาพจำของใครหลายคน

Read More