วันศุกร์, มีนาคม 21, 2025
Home > Cover Story > สงครามไข่ชนไข่ ซีพี-เบทาโกร

สงครามไข่ชนไข่ ซีพี-เบทาโกร

“ดัชนีไข่” ยังคงเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดเศรษฐกิจ เพราะถือเป็นโปรตีนพื้นฐานราคาถูกของคนไทยทั้งประเทศ โดยมีการคาดการณ์แนวโน้มราคาช่วงปี 2568 จะอยู่ในระดับ 3.60-4.00 บาทต่อฟอง ปรับขึ้นในช่วงเทศกาลและฤดูกาลสำคัญ แต่อาจไหลลงจากพิษเศรษฐกิจ เพราะยอดการบริโภคไม่เติบโต ทำให้ผู้ประกอบการพยายามเพิ่มมูลค่า งัดกลยุทธ์จุดขายแข่งขันจนกลายเป็นสงครามไข่ชนไข่ 

ถ้าว่ากันถึงไข่ไก่ปกติทั่วไปมีสารอาหารต่างๆ เช่น โอเมก้า 3 กรดไขมันที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเองไม่ได้ ช่วยลดไขมันโคเรสเตอรอลและความดันโลหิต ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ช่วยบำรุงสมองในเรื่องของความจำ มีโปรตีนและกรดอะมิโน ช่วยซ่อมแซมร่างกายและอวัยวะที่สึกหรอ ช่วยเพิ่มมวลของกล้ามเนื้อ มีสารต้านอนุมูลอิสระ แคลเซียม และธาตุเหล็ก

แน่นอนว่า ในตลาดสดมีการขายไข่แบ่งราคาตามขนาด ไม่ได้เน้นจุดขายพิเศษ โดยข้อมูลจากตลาดไท ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งสินค้าเกษตร สำรวจราคาไข่ไก่ เบอร์ 0 ขนาดใหญ่สุด แผง 30 ฟอง ราคาประมาณ 130-145 บาท เบอร์ 1 ราคา 130-140 บาท เบอร์ 2 ราคา 115-120 บาท เบอร์ 3 ราคา 105-110 บาท เบอร์ 4 ราคา 100-105 บาท ไปจนถึงขนาดเล็ก เบอร์ 5 ราคา 90-95 บาท

อย่างไรก็ตาม ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการรณรงค์การเลี้ยงไก่ระบบปลอดกรง หรือ Cage-Free เพื่อยกระดับสวัสดิภาพสัตว์และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอาหารไทย รวมทั้งเชื่อว่า แม่ไก่จะมีอารมณ์ดี สามารถไข่ที่มีคุณภาพสารอาหารมากขึ้น โดยรูปแบบ Cage-Free แม่ไก่ไม่ได้ถูกขังกรงแบบเดิมและมีพื้นที่ภายในโรงเรือน เพื่อกางปีก หรือวางไข่ได้สะดวก สามารถแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติอื่นๆ เช่น คลุกดิน

ขณะเดียวกัน หลายองค์กรระดับนานาชาติได้เพิ่มมาตรฐาน “ไข่ไก่” จากรูปแบบการเลี้ยงอีกหลายประเภท เช่น ไก่เลี้ยงแบบนอกโรงเรือน (Free-Range) ตามมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา แม่ไก่สามารถออกนอกโรงเรือนได้ แต่ยังมีการจำกัดบริเวณ

ส่วน Humane Farm Animal Care (HFAC) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ทำงานเพื่อปรับปรุงชีวิตของสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม เพื่อใช้เป็นอาหาร กำหนดว่า ไข่ Free-range ที่ผ่านการรับรองของ HFAC ต้องมาจากฟาร์มที่มีพื้นที่อย่างน้อย 2 ตารางฟุตต่อไก่หนึ่งตัว และไก่ต้องอยู่กลางแจ้งในสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน

ต่อมาเป็นมาตรฐานไข่จากไก่ที่เลี้ยงในทุ่ง หรือ Pasture-Raised เป็นรูปแบบการเลี้ยงไม่มีกรง สามารถออกมายังพื้นที่กลางแจ้งได้ และทำรังได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงประเภทนี้ ฟาร์มต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเรื่องพื้นที่เลี้ยงต้องมีขนาด 2.5 เอเคอร์ต่อไก่ 1,000 ตัว หรือราว ๆ 108 ตารางฟุตต่อหนึ่งตัว และต้องพาไก่หมุนเวียนไปหาอาหารยังทุ่งอื่นด้วย นอกจากนี้ แม่ไก่ต้องอยู่กลางแจ้งตลอดทั้งปี แต่มีที่พักป้องกันภัยยามค่ำคืน หรือจากสภาพอากาศเลวร้าย

อีกมาตรฐาน ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ได้รับความนิยม คือ ไข่ออแกนิก (Organic) โดยแม่ไก่ต้องได้รับการเลี้ยงดูตามมาตรฐานเดียวกันกับการเลี้ยงในทุ่ง แต่เพิ่มเงื่อนไขการเลี้ยงปราศจากยาฆ่าแมลง สารกำจัดวัชพืช หรือปุ๋ย และไก่ต้องได้รับอาหารออแกนิก ไม่มีสารเคมีเจือปน  ฟาร์มไม่สามารถให้ยาปฏิชีวนะ หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และโครงการเกษตรอินทรีย์แห่งชาติของ USDA ยังเพิ่มเงื่อนไขห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ GMOs ด้วย

เทรนด์ต่างๆ เหล่านี้กระตุ้นให้บริษัทผู้ผลิตรายใหญ่แข่งขันงัดกลยุทธ์สร้างจุดขายดึงดูดกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่มากขึ้น อย่างบริษัท  เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ นอกเหนือจากกลุ่มถาดกระดาษทั่วไป เบอร์ 0, 1 และ 2  ราคาแผงละ 132-176 บาท ซึ่งเป็นไข่จากไก่เลี้ยงในฟาร์มระบบปิด มีระบบป้องกันโรคและการปนเปื้อน ยังเพิ่มไข่ไก่อีกหลากหลายชนิด

เช่น ซีพี ซีเล็คชั่น ไข่ไก่ โอเมก้า เน้นโอเมก้า 3 มากกว่าไข่ปกติ 6 เท่า และ DHA มากกว่าไข่ปกติ 5 เท่า วิตามินอีและซีลีเนียม

ยูฟาร์ม ไข่ไก่สดโอชา จากแม่ไก่สาวช่วงวัยที่สมบูรณ์ อายุ 20-30 สัปดาห์ ซึ่งจะให้ไข่ที่มีรสมัน กลมกล่อม เพราะแม่ไก่กินอาหารสูตรพิเศษ โปรตีนจากธรรมชาติสูงกว่าช่วงวัยอื่น หรือ “Enriched Natural Protein” วิตามินบี 12 สูง และซีลีเนียมสูง ไม่ใช้ฮอร์โมน และปลอดยาปฏิชีวนะ รวมถึงไข่ไก่ เคจฟรี จากแม่ไก่ที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ โปรตีนสูง ไข่แดงมีสีส้มสด นูนสวย ไข่ขาวเป็นวงชัด มีความสดมากกว่าไข่จากแม่ไก่สายพันธุ์เดิมที่เลี้ยงแบบยืนกรงทั่วไป และซีพี ซีเล็คชั่น ไข่ไก่ วิตามินอี ที่มีส่วนช่วยสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ซีลีเนียมและสังกะสี

นายวราราชย์ เรืองศรี ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านกำกับดูแลและประกันการปฏิบัติงานตามข้อกำหนดธุรกิจไก่ไข่ กล่าวว่า ธุรกิจไก่ไข่ของ ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญกับการเลี้ยงสัตว์ในฟาร์มด้วยหลักสวัสดิภาพสัตว์ 5 ข้อ (Five Freedoms of Animals) เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีมนุษยธรรม โดยเฉพาะการเลี้ยงไก่แบบไม่ใช้กรงในโรงเรือนระบบปิด ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของซีพีเอฟ ซึ่งฟาร์มวังสมบูรณ์ จังหวัดสระบุรี เป็นฟาร์มรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฟาร์มไก่ไข่แบบไม่ใช้กรงจากกรมปศุสัตว์

นอกจากนั้น มีการคัดเลือกแม่ไก่ไข่สายพันธุ์พิเศษที่มีความแข็งแรงตามธรรมชาติ มีภูมิต้านทาน ให้ผลผลิตสูง เลี้ยงด้วยธัญพืช และน้ำสะอาด มีความเป็นอยู่สุขสบาย อารมณ์ดี มีการติดตั้งเทคโนโลยีภายในฟาร์ม ให้สามารถตรวจสอบสุขภาพแม่ไก่ได้ทุกวัน ควบคู่กับระบบความปลอดภัยทางชีวภาพเพื่อป้องกันโรคสัตว์ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาหรือฮอร์โมนใดๆ

ทั้งนี้ ผลผลิตไข่ไก่ไร้กรงจะผ่านระบบการเก็บโดยใช้ระบบสายพานลำเลียงออกจากโรงเรือนไปยังห้องเก็บไข่อัตโนมัติ และกระบวนการคัดทำความสะอาดตามมาตรฐานอาหารปลอดภัย ปราศจากการปนเปื้อนของเชื้อซาลโมเนลลา ผ่านการตรวจสอบความสดด้วยเครื่อง Freshness Test ยืนยันค่าความสดใหม่ของ Cage Free Eggs ทุกฟอง

ด้านบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” เน้นจุดแข็งความเป็นแบรนด์  “S-Pure” ระดับซูเปอร์พรีเมียม ไข่ไก่สดปลอดสาร ใช้กรรมวิธีการเลี้ยงแบบธรรมชาติ 100% Natural Pure Process ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะทุกขั้นตอน  รับรองโดย NSF สหรัฐอเมริกา ไม่ใช้ฮอร์โมนและสารเร่งการเจริญเติบโต รับประทานดิบปลอดภัย ปลอดเชื้อซัลโมเนลา

ขณะที่เพิ่มจุดขายแตกไลน์ใหม่ๆ เช่น  ไข่ไก่สด ริชโยล์ค เป็นไข่ไก่สดอนามัยปลอดสารเน้นความพิเศษที่ตัวอาหารเลี้ยงไก่เป็นปาปริก้าจากธรรมชาติทำให้ไข่แดงสีส้มเข้ม และอาหารธัญพืชทำให้ไข่ไร้กลิ่นคาว รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ไข่เสริมวิตามิน “ไวต้าเอ” ได้แก่ ไข่ไก่สดไวต้าเอ เสริมวิตามินเอ วิตามินอี ซีลีเนียม, ไวต้าเอ เสริมวิตามินเอ วิตามินบี 5 ไบโอติน และไวต้าเอ เสริมวิตามินเอ วิตามินบี 12 และวิตามินบี 2 ซึ่งส่วนใหญ่เจาะตลาดแม่บ้านที่ต้องการเสริมสารอาหารให้เด็กๆ

เบทาโกร มี Cage Free Eggs เช่นเดียวกัน โดยย้ำว่า เลี้ยงปล่อยอิสระในโรงเรือนระบบปิดตามหลัก Animal Welfare มีพื้นที่ให้เดินและวิ่งเล่นภายใต้ระบบ Biosecurity ป้องกันโรค ปลอดยาปฏิชีวนะ และสารเร่งฮอร์โมน นอกจากนั้น ยังมีผลิตภัณฑ์ไข่จากแม่ไก่สาว อายุ 18-35 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่ไก่ไข่มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง เริ่มออกไข่เป็นครั้งแรก และสุดท้ายที่กำลังเร่งรุกตลาด คือ Yummy Eggs คัดขนาดพิเศษ มีสัดส่วนไข่แดงมากกว่าไข่ขาว 50% เพื่อให้รสชาติมันนัวกว่าเดิม