ช่วงเวลาหนึ่ง แอปหาคู่ เป็นแอปพลิเคชันที่คนรุ่นใหม่ คนโสด ต้องโหลดติดมือถือ กลายเป็นเทรนด์การมองหาความสัมพันธ์ในแบบคู่รัก โดยเฉพาะในช่วงปี 2019-2024ที่แอปพลิเคชันหาคู่อยู่ในฝั่งขาขึ้น ทั้ง Tinder, Coffee Meets Bagel, Bumble ส่งผลให้ธุรกิจหาคู่เติบโตอย่างมากในด้านผู้ใช้งานและรายได้
แม้ว่าปัจจุบัน แอปหาคู่จะมีความนิยมลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังครองใจคนโสด ซึ่ง 5 แอปที่ยังถูกพูดถึงบนโลกโซเชียล ในไทยปี 2567 คือ Tinder 77% Coffee Meets Bagel 12% Her 8% Bumble 2% และ Omi 1%
Tinder เป็นแอปพลิเคชันที่คนโสดทั่วโลกรู้จักและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท Match Group ที่มีบริษัทในเครืออีก 45 บริษัท และมีมูลค่าธุรกิจ 472,000 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าใกล้เคียงกับธนาคารกสิกรไทย
แอป Tinder เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งในช่วงแรกที่แอปพลิเคชันเริ่มต้นใช้งาน ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดไปใช้ได้ฟรี ขณะที่รายได้นั้นมาจากค่าโฆษณา ก่อนจะเริ่มใส่โมเดลธุรกิจเข้าไปในแอปพลิเคชันเมื่อมีการตอบรับจากจำนวนผู้ใช้บริการที่มากขึ้น นั่นคือ การเพิ่มบริการพิเศษ ผู้ใช้ต้องเสียเงินเพิ่มสำหรับการเป็นสมาชิกรายเดือน ซึ่งค่าสมาชิกในระดับ Tinder Plus เริ่มต้นที่ราคา 9.99-19.99 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแล้วแต่ช่วงอายุของผู้ใช้บริการ และมีการจ่ายเพิ่มหากต้องการเพิ่มระดับไปที่ Tinder Gold อยู่ที่ 4.99 ดอลลาร์สหรัฐ
ต้องบอกว่าบริษัท Match Group ที่บริหารงาน Tinder นั้น ยังมีแอปพลิเคชันหาคู่ หรือบริษัทอื่นในเครืออีกจำนวนไม่น้อย เช่น Match.com, OkCupid
และด้วยมูลค่าธุรกิจหลักแสนล้านของ Match Group ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีบริษัทเล็กๆ ในเครืออีก 45 บริษัท และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแอป Tinder ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีแรก ซึ่งเป็นการยืนยันว่า Tinder สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในเรื่องการเชื่อมต่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนได้อย่างแท้จริง
ล่าสุด เมลิสซ่า ฮ็อบลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Tinder ให้ข้อมูลภาพรวมการเดตในปี 2567 รวมถึงเทรนด์ที่คนโสดน่าจะให้ความสำคัญในปี 2568 ว่า คนโสดจะมีแนวคิดใหม่ที่มีความชัดเจนมากขึ้น ในเรื่องการมองหาความสัมพันธ์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
“ปัจจุบัน Tinder มียอดการดาวน์โหลดแอปมากกว่า 630 ล้านครั้ง มีการ Match มากกว่าหนึ่งแสนล้านครั้ง และให้บริการผู้ใช้งานประมาณ 50 ล้านคนต่อเดือน อีกทั้งยังเป็นแอปที่มีการใช้งานใน 190 ประเทศทั่วโลก ขณะที่คนโสดในปัจจุบันมีการเปิดใจยอมรับและมีความตั้งใจในการหาคู่มากขึ้น โดยเฉพาะความกล้าที่จะเปิดเผยสิ่งที่ตัวเองต้องการ และกล้าพอที่จะปฏิเสธสิ่งที่คิดว่าไม่ใช่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิด 3 เทรนด์ใหม่ คือ Loud Looking ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนแบบตะโกน, Kiss-met ความสัมพันธ์แบบรักนี้ชะตาลิขิต และ Nano-ships นิยามความสัมพันธ์ในทุกระดับ”
ปัจจุบัน กลุ่ม GenZ กลายเป็นกลุ่มผู้ใช้หลักของแอปพลิเคชันหาคู่ เรียกได้ว่าเป็น Gen ที่คุ้นเคยกับการใช้แอปเนื่องจากไลฟ์สไตล์และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในชีวิตประจำวัน
“60% ของผู้ใช้งานเป็นกลุ่ม GenZ ที่มีความต้องการสร้างความสัมพันธ์กับผู้คน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่มีความชัดเจน”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลคือ ปัญหาการหลอกหลวงผ่านแอปพลิเคชัน ที่ไม่เฉพาะเจาะจงแค่ Tinder เท่านั้น ปัญหานี้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้มีผู้เลิกใช้แอปหาคู่เพิ่มขึ้น
ข้อมูลระบุว่า ผู้ใช้แอปหาคู่ 31% ตัดสินใจยกเลิกการใช้แอป เนื่องจากความผิดหวังในความสัมพันธ์ รวมถึงประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกเสียเวลา ความไม่ปลอดภัย ซึ่งตรงกับการสำรวจของ Frobes Health ที่พบว่า ปัจจุบันมีผู้คนมากกว่า 78% รู้สึกเหนื่อยล้ากับการใช้แอปหาคู่ เนื่องจากไม่ประสบความสำเร็จในความรัก
นอกจากแอปพลิเคชันหาคู่แล้ว ปัจจุบันแพลตฟอร์มออนไลน์เริ่มใส่ฟีเจอร์เกี่ยวกับการมองหาความสัมพันธ์เข้ามา ทำให้กลายเป็นทางเลือกใหม่ เช่น Facebook
ขณะที่แนวทางป้องกันอาชญากรทางไซเบอร์ที่แฝงตัวเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ใช้บริการแอปพลิเคชัน ผู้บริหาร Tinder อธิบายว่า “เรามีการพัฒนาเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับอาชญากรไซเบอร์ด้วยการใช้เครื่องมือที่ช่วยลดจำนวนแอคเคานต์สแปมบนแพลตฟอร์ม บริษัทมีการลงทุนพัฒนาเครื่องมือนี้เพื่อทำให้ระบบแมชชีนเลิร์นนิ่งทำงานเชิงรุกอย่างมีประสิทธิภาพในการตรวจจับ ป้องกัน และลบแอคเคานต์สแปมในหน้าโพรไฟล์ที่อยู่บนแพลตฟอร์มของ Match Group ทั่วโลก
ซึ่ง Tinder ปล่อยฟีเจอร์ต่างๆ บนหน้าโพรไฟล์ เช่น การยืนยันรูปถ่ายด้วยการวิดิโอเซลฟี่ การบล็อกโพรไฟล์ และวิดีโอแชตบนแอป ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้จะยังมีอยู่ในแอป รวมถึงแบรนด์อื่นๆ ในเครือของ Match Group” เมลิสซ่า ฮ็อบลีย์ เสริม
อาชญากรไซเบอร์พัฒนารูปแบบการสื่อสารเพื่อหลอกลวงผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตั้งแต่การส่งอีเมล ส่งข้อความ โทรศัพท์ รวมถึงบริษัทแอปพลิเคชันหาคู่
ข้อมูลจาก Match Group บริษัทเจ้าของแอป Tinder ระบุว่า ทุกๆ นาทีจะมีแอคเคานต์สแปมเฉลี่ย 44แอคเคานต์ และถูกลบออกจากแพลตฟอร์มเพื่อลดจำนวนแอคเคานต์ที่ต้องสงสัยที่อาจเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ โดยมีการบล็อกแอคเคานต์ระหว่างการลงทะเบียนเพื่อสมัครใช้แอป
นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคมปี 2568 ได้มีการลบแอคเคานต์บอตและสแปมเกือบ 5 ล้านแอคเคานต์ ออกจากแพลตฟอร์มอัตโนมัติ ก่อนที่บัญชีมิจฉาชีพเหล่านั้นจะเข้าสู่ระบบ หรือหลังจากสมัครใช้งานในเวลาไม่นาน
แม้จะมีผู้ใช้แอปหาคู่ลดน้อยลงไปบ้าง จากการไม่ประสบความสำเร็จในการหาคู่ แต่ดูเหมือน Tinder จะหาทางปิดช่องโหว่ที่เป็นรอยร้าวในแอปที่ส่งผลในทางลบแก่แอปลงได้ และต้องบอกว่า ในสังคมไทยปัจจุบัน แอปหาคู่ยังคงเป็นที่ต้องการของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะในกลุ่ม GenZ รวมถึงกลุ่มความหลากหลายทางเพศ แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีตัวเลขมูลค่าของธุรกิจในกลุ่มนี้อย่างชัดเจน แต่ความนิยมคงยังไม่ลดหายไปง่ายๆ แน่นอน.
