วันศุกร์, มกราคม 17, 2025
Home > New&Trend > KCG ไม่ได้มีดีแค่คุกกี้กล่องแดง พร้อมขึ้นแท่นผู้นำอาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์

KCG ไม่ได้มีดีแค่คุกกี้กล่องแดง พร้อมขึ้นแท่นผู้นำอาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์

บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ 2501 โดย “วิจัย วิภาวัฒนกุล” และน้องชาย “ตง ธีระนุสรณ์กิจ” จากเดิมใช้ชื่อว่า “กิมจั๊วพาณิชย์” ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น “เคซีจี” ในภายหลัง

โดยในช่วงแรกเริ่มดำเนินธุรกิจทางด้านการนำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารสำเร็จรูปจากต่างประเทศ จนมาถึงปัจจุบันได้มีการพัฒนาจนธุรกิจเติบโต กลายเป็นทั้งผู้นำเข้า ผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภครายใหญ่ของเมืองไทย มีผลิตภัณฑ์ใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ในกลุ่มสินค้าประเภทเนยและชีส ธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนประกอบอาหารและเบเกอรี รวมถึงธุรกิจผลิตภัณฑ์บิสกิตหรือขนมสําเร็จรูปต่างๆ อาทิ คุกกี้ แยมผลไม้ เยลลี่สำเร็จรูป รวมแล้วกว่า 2,000 SKUs โดยประกอบด้วยแบรนด์ต่างๆ มากมาย ทั้ง ‘อิมพีเรียล’ แบรนด์คุกกี้กล่องแดงในตำนาน, ‘อลาวรี่’ แบรนด์ผลิตภัณฑ์เนยและชีส ที่มียอดขายอันดับ 1 ยาวนานถึง 8 ปีซ้อน, ‘ซันควิก’ น้ำผลไม้เข้มข้นจากธรรมชาติ ที่สร้างยอดขายในไทยกว่า 800,000 ขวดต่อปี

ล่าสุด KCG ออกมาตอกย้ำความเป็นผู้นำอีกครั้ง ด้วยการประกาศความสำเร็จของการดำเนินงานในปี 2567 ขึ้นแท่นผู้นำผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ หลังจากที่ได้ดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ 7 Business Pillars ตามที่เคยประกาศไว้เมื่อต้นปีมาอย่างต่อเนื่อง

โดยยุทธศาสตร์ 7 Business Pillars นั้น เป็นกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่ประกอบด้วยการพัฒนาน 7 มิติ ได้แก่

1. สร้างการเติบโตทางธุรกิจ (Growth)
2. พัฒนาบุคลากร (People)
3. การขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูลและเทคโนโลยี (Innovation Data & Tech)
4. การขยายตลาดส่งออก (Export)
5. ยกระดับศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าที่ทันสมัยและครบวงจร (Supply Chain & Inventory)
6. ยกระดับการผลิตโดยใช้ระบบอัตโนมัติ (Production& Automation)
7. การส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (Sustainable Development)

ที่น่าสนใจคือ หลังจากดำเนินตามยุทธศาสตร์  7 Business Pillars มาอย่างเข้มข้นตลอดทั้งปี พบว่า ปี 2567 KCG สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างน่าสนใจ

3 มิติแห่งความสำเร็จ และ 3 แนวทางแห่งอนาคต

ดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2567 เป็นอีกปีที่ KCG ประสบความสำเร็จใน 3 มิติด้วยกัน ได้แก่

1. การสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

  • โดยเป็นผู้นำด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์ Dairy Products ในกลุ่มเนยและชีสอันดับ 1 ในประเทศไทย ซึ่งในไตรมาส 3/2567 สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์เนยได้ถึง 55% และผลิตภัณฑ์ชีส 31.6% รวมยอดขายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมมูลค่า 1,063.4 ล้านบาท โดย KCG ยังเป็น Top 3 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับการประกอบอาหารและเบเกอรี (FBI) ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ประกอบการทำเค้กและแพนเค้กมีส่วนแบ่งการตลาด 14.2% และผลิตภัณฑ์ยีสต์มีส่วนแบ่งการตลาด 9.2% รวมยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับการประกอบอาหารและเบเกอรี (FBI) อยู่ที่ 507.8 ล้านบาท ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ Biscuits มีส่วนแบ่งการตลาด 26.1% มูลค่าราว 181.4 ล้านบาท

  • การสร้างการเติบโตผ่านสินค้าในปี 2567 ที่เป็นหลักไมล์ที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ Dairy Products มีการเปิดตัว ‘แดรี่โกลด์ ชีสกะเพรา’ ที่เกิดจากสิ่งที่ KCG ทำมาตลอดคือ “Fusion” ตั้งแต่การนำวัตถุดิบอาหารตะวันตกเข้ามาในประเทศไทย การเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารตะวันตกในประเทศไทยสำเร็จ จนถึง ‘แดรี่โกลด์ ชีสกะเพรา’ ที่ผสานความอร่อยระหว่างรสชาติท้องถิ่นดั้งเดิม (Localization) และความทันสมัย (Modernization) ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกและรสชาติ ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ Food and Bakery Ingredients มีการนำเข้าวัตถุดิบที่หลากหลายมากขึ้น เช่น เนื้อ ล็อบสเตอร์ และโคลคัท กลุ่มผลิตภัณฑ์ Biscuits มี IMPERIAL Edible Cookie Cup แก้วกาแฟกินได้ ทำจากคุกกี้อิมพีเรียลสูตรพิเศษ ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความยั่งยืน รสชาติ และประสบการณ์ของผู้บริโภค ซึ่งสร้างความตื่นเต้นตั้งแต่เวอร์ชันต้นแบบในงาน Thaifex 2567

  • การสร้าง Dynamic ผ่านช่องทางจัดจำหน่าย มีการเพิ่มสัดส่วนช่องทางจำหน่ายแบบ B2C มากขึ้น จากเดิมที่เน้นทาง B2B เป็นหลัก โดยสัดส่วนลูกค้าในปีนี้แบ่งเป็น B2C 53% B2B 43% และ Export 4% ซึ่งที่ผ่านมา KCG มีความแข็งแกร่งในช่องทางการขายแบบ B2B เป็นพื้นฐาน แต่ปีนี้สามารถขยายสัดส่วนลูกค้า B2B และ B2C ให้เติบโตใกล้เคียงกัน

2. SUPPLY CHAIN & INNOVATION

  • การเปิด KCG Logistics Park

    • การลงทุนกว่า 350 ล้านบาท เปิดตัว KCG Logistics Park ในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้า และคลังสินค้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของตลาด ทั้งยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบทั้ง 77 จังหวัด โดยเป็นการต่อยอดมาจาก 3 สาขาก่อนหน้าที่ เชียงใหม่ ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานี ซึ่งปัจจุบัน KCG Logistics Park สามารถเปิดใช้ได้อย่างเต็มศักยภาพ 95%

    • KCG มีระบบ Supply Chain & Inventory ที่รองรับ 3 กลุ่มสินค้าหลักของ KCG ได้แก่ Dairy Products, Food and Bakery Ingredients (FBI) และ Biscuits เพื่อจัดเก็บสินค้าในโซนอุณหภูมิที่เหมาะสม และรักษาคุณภาพ ความสดใหม่ของสินค้า ก่อนส่งถึงมือผู้บริโภค

3. SUSTAINABLE AWARDS

  • Sustainability Disclosure Acknowledgement : KCG ได้รับคัดเลือกประกาศชื่อ Sustainability Disclosure Acknowledgement จากสถาบันไทยพัฒน์

  • รางวัล Investors’ Choice Award ด้วยคะแนน 100 เต็ม เป็นเพียง 1 ใน 3 บริษัทเท่านั้นที่ผ่านการประเมินคุณภาพและสามารถได้รับรางวัลในปีนี้

สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2568 เพื่อต่อยอดความสำเร็จของปี 2567 นั้น แม่ทัพใหญ่แห่ง KCG กล่าวไว้ว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2568 KCG จะดำเนินธุรกิจใน 3 แนวทางหลัก คือ 1. การสานต่อยุทธศาสตร์ 7 Business Pillars 2. ความเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้งเพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและบริการ 3. การต่อยอดนวัตกรรมที่ตอบโจทย์โมเดิร์นไลฟ์สไตล์

“ปี 2567 ถือเป็นปีแห่งความภูมิใจของ KCG ซึ่งความสำเร็จในปี 2567 เกิดจากการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวอย่างเข้มข้น จนเกิดผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ดังนั้นในปี 2568 นี้ KCG จะยังคงสานต่อยุทธศาสตร์ 7 Business Pillars อย่างต่อเนื่องและเข้มข้นในทุกภาคส่วนขององค์กร”

ทำความเข้าใจผู้บริโภคเพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและบริการ

จากการเฝ้าสังเกตผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด ทำให้ KCG ได้เรียนรู้ว่า ผู้บริโภคในปัจจุบันให้คุณค่ากับอาหารที่มากกว่าความอิ่มอร่อย ซึ่งแนวทางในการพัฒนาสินค้าและบริการของ KCG ในปี 2568 จะต้องตอบโจทย์ผู้บริโภคใน 4 มิติ คือ

FOOD FOR SELF EXPRESSION อาหารเพื่อบ่งบอกตัวตน – ทุกวันนี้ผู้บริโภคใช้อาหารเป็นการสื่อสารตัวตนผ่านโซเชียลมีเดีย อาหารเป็นสื่อที่บ่งบอกตัวตนของผู้บริโภคว่าเป็นคนแบบใด พิถีพิถันแค่ไหน ดังนั้น สินค้าและบริการของ KCG จะต้องช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกถึงการเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่

FOOD FOR CONNECTING PEOPLE อาหารเพื่อเชื่อมโยงผู้คน – อาหารเป็นสื่อกลางในการสร้างความสัมพันธ์ของผู้คน ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคมีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่แตกแขนงไปมากกว่าเดิม มีเพื่อนที่มีความสนใจเฉพาะ มี Networking ต่างๆ ที่ทำให้ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ดังนั้น อาหารจึงควรทำหน้าที่ให้คนมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

FOOD TO HEAL YOUR BODY & MIND อาหารเพื่อฮีลกายและใจ – เทรนด์การรักษาสุขภาพยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ ดังนั้น อาหารจึงควรเสิร์ฟทั้งความสุขต่อร่างกายและจิตใจไปพร้อมกัน เพื่อทำให้ผู้บริโภครู้สึกดีต่อตัวเอง และไม่รู้สึกผิดที่จะรับประทาน

FOOD TO SAVE THE WORLD อาหารเพื่อช่วยให้โลกดีขึ้น – ผู้บริโภคมีความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การทำผลิตภัณฑ์อาหารจึงต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมไปด้วย ทั้งในเชิงที่มาของวัตถุดิบที่ต้องได้คุณภาพ และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน


การต่อยอดนวัตกรรมที่ตอบโจทย์โมเดิร์นไลฟ์สไตล์

ความสำเร็จของ KCG ในปี 2567 เกิดจากการพัฒนานวัตกรรมอย่างเข้มข้น ซึ่ง KCG เห็นได้จากการตอบรับของ “แดรี่ โกลด์ ชีสกะเพรา” ซึ่งทำให้การรับประทานชีสมีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งในปี 2568 KCG จะมุ่งให้ความสำคัญกับนวัตกรรมต่อไป ทั้งในเรื่องรสชาติ วิธีการรับประทาน ฯลฯ ซึ่งทีม R&D ถือเป็นจุดแข็งของ KCG อีกด้วย รวมทั้งการเสาะแสวงหาแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพจากทั่วโลกที่จะมาเติมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตฟอลิโอของ KCG โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าพรีเมียม

เช่นเดียวกับการเข้าถึงคนรุ่นใหม่จากกลยุทธ์ Partnership ซึ่งที่ผ่านมา KCG เคยจับมือกับ GREYHOUND CAFÉ ในการนำเสนอเมนู “ชีสบอร์ด” เป็นเมนูประจำการเฉลิมฉลอง ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้บริโภคได้รับประทานชีสในรูปแบบที่หลากหลาย พร้อมไปกับการเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ไปด้วย ซึ่งในปี 2568 ที่จะถึงนี้ KCG จะยังคงหาวิธีในการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ให้ได้มากขึ้นต่อไป

นอกจากนั้น การที่ KCG มี Celebrity Chef อยู่ในองค์กร เช่น เชฟบิ๊บ–ชัชชญา รักตะกนิษฐ Vice-President ของ KCG Creative Center , เชฟเมย์–พัทธนันท์ ธงทอง,เชฟพลอย–ฐาติกานต์ ตัณฑจินนะ KCG Ambassador Chef ถือเป็นกุญแจสำคัญในการคิดค้นวิธีการนำเสนออาหารให้ตอบโจทย์โมเดิร์นไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะยิ่งช่วยให้ผู้บริโภคมีความเข้าใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของ KCG ได้ดียิ่งขึ้น

“การเน้นย้ำคุณภาพของผลิตภัณฑ์จาก KCG และการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ KCG ยังคงสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ และทำให้ทุกคนเห็นว่า KCG ไม่ได้มีดีแค่คุกกี้อิมพีเรียลกล่องแดง แต่ยังมีผลิตภัณฑ์คุณภาพในพอร์ตฟอลิโอจากทั่วโลก” คุณดำรงชัยกล่าว