สตาร์บัคส์ ประเทศไทย สร้างแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ด้วยการเปิดตัว “สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก” แฟลกชิพสโตร์แห่งที่ 4 ที่พ่วงตำแหน่งร้านกาแฟสีเขียว หรือ Greener Store ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยพื้นที่รวมกว่า 860 ตารางเมตร
ปี 2567 เป็นอีกหนึ่งปีที่ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ยังคงสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการขยายสาขาทะลุ 500 สาขาทั่วประเทศ และยังสานต่อพันธกิจเพื่อชุมชนในการสนับสนุนชุมชนชาวไร่กาแฟอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดร้าน ‘Community Store’ แห่งที่ 3 ณ สตาร์บัคส์ เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ล่าสุดสตาร์บัคส์ตอกย้ำความสำเร็จในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดตัว ‘สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก’ ร้านกาแฟสีเขียว (Greener Store) ที่ใหญ่ที่สุด และแฟลกชิพสโตร์แห่งที่ 4 ในประเทศไทย ณ วัน แบงค็อก โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed-use ที่น่าจับตาแห่งยุค
“สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก” ถือเป็นสาขาที่ 517 ในไทย เป็นแฟลกชิพสโตร์แห่งที่ 4 ต่อจากสาขาสยามสแควร์ วัน, เซ็นทรัล เวิลด์ และสตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ เจ้าพระยา ริเวอร์ฟร้อนท์ (ไอคอนสยาม) ตั้งอยู่บริเวณชั้น G ในอาคาร The Storeys ณ โครงการวัน แบงค็อก อภิมหาโปรเจ็กต์ใจกลางกรุงเทพฯ
โดยเป็นร้านแบบ 2 ชั้น ที่มีพื้นที่รวมกว่า 860 ตารางเมตร สามารถรองรับลูกค้าได้สูงสุดถึง 230 ที่นั่ง ที่สำคัญยังเป็นร้านกาแฟสีเขียว (Greener Store) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ที่มีการใช้นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนมาผสมผสานในการออกแบบ ได้แก่ จุดรีไซเคิลขยะครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย ระบบการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของโครงการ วัน แบงค็อกในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายตลาดและความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของสตาร์บัคส์
การออกแบบที่ผสานวัฒนธรรมกาแฟจากภาคเหนือของไทยและศิลปะท้องถิ่น
ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบของ สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก อย่าง คุณธนาศักดิ์ กุลรัตนรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวถึงเบื้องหลังการออกแบบร้านนี้ว่า “การออกแบบของ สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมกาแฟอันหลากหลายของภาคเหนือของไทย และบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาของทำเลใจกลางเมือง สตาร์บัคส์ได้สร้างพื้นที่ที่สะท้อนถึงความงดงามและประเพณีของเรา ร้านนี้ยังเป็นสถานที่ต้อนรับใจกลางกรุงเทพฯ ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของสตาร์บัคส์ในการเชื่อมต่อผู้คนผ่านกาแฟที่มีคุณภาพท่ามกลางพื้นที่ที่มีความสวยงาม ทุกรายละเอียดตั้งแต่การออกแบบพื้นที่ไปจนถึงงานศิลปะ ล้วนบอกเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมท้องถิ่นและความยั่งยืน”
โดยการออกแบบภายในร้านทั้งสองชั้นได้รับแรงบันดาลใจจากทิวเขาที่เป็นพื้นที่เพาะปลูกกาแฟในภาคเหนือของประเทศไทย และที่อยู่ของชุมชนชาวเขาที่มีชีวิตชีวา จนกลายมาเป็นแนวคิดการออกแบบที่เรียกว่า “เรือนยอดไม้ใหญ่” หรือ Tree Top Canopy ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่ใช้ในการเพาะปลูกกาแฟ โดยชั้นแรกของร้านเป็นตัวแทนของต้นกาแฟ ซึ่งอุทิศให้กับการชงและเสิร์ฟกาแฟ ส่วนชั้นบนสะท้อนถึงเรือนยอดไม้
ศิลปะสิ่งทอประดับเพดานโดย Ease Studio
ภายในร้านตกแต่งด้วยงานศิลปะจากศิลปินชาวไทย มีไฮไลท์สำคัญได้แก่ผลงานสิ่งทอบนเพดานโดย Ease Studio ซึ่งงานแขวนแต่ละชิ้นจำลองมาจากเมล็ดกาแฟ โดยใช้การไล่ระดับสี การจัดวางเป็นชั้น ๆ และใช้เทคนิคการทอเพื่อแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนและลุ่มลึกของรสชาติกาแฟ
โดยการออกแบบบริเวณพื้นที่ชั้นล่าง ได้รวบรวมเอกลักษณ์ของชาวเขาทางภาคเหนือของประเทศไทยเอาไว้ เพื่อเป็นการยกย่องการเพาะปลูก งานฝีมือ และประเพณีต่าง ๆ ของชาวเขา ส่วนบริเวณพื้นที่ชั้นบนสะท้อนถึงพื้นที่ปลูกกาแฟและทรงของพุ่มไม้ ที่เป็นสัญลักษณ์ของต้นไม้ที่ให้ร่มเงาทำให้เกิดสภาวะที่เหมาะสมในการเพราะปลูกกาแฟอาราบิกาทางภาคเหนือของประเทศไทย รวมถึงภาพจิตรกรรมฝาผนังในห้อง Community room โดยศิลปิน ภาวิษา มีศรีนนท์ (PABAJA) ที่เน้นย้ำถึงความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ปลูกกาแฟที่สำคัญ ทั้งละตินอเมริกา แอฟริกา และเอเชียแปซิฟิก
ผนังอิฐเล่นระดับ
อีกหนึ่งไฮไลท์คือผนังอิฐทั้งชั้นบนและชั้นล่างที่เรียงตัวได้อย่างน่าสนใจ โดยได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจากภูมิทัศน์ที่ปลูกกาแฟของภาคเหนือในประเทศไทยและสถาปัตยกรรมอิฐ ผนังมีลัษณะเป็นขั้นบันไดที่โดดเด่นด้วยลวดลายของอิฐที่ถูกจัดวางอย่างพิถีพิถัน ทำให้เกิดการมองเห็นหลากหลายมิติ เปลี่ยนแปลงไปตามมุมมองของผู้ชม
ผนังอิฐบริเวณชั้นล่างสะท้อนภาพนาขั้นบันไดอันเป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือ เมื่อลูกค้าเดินขึ้นไปชั้นบนจะรู้สึกเสมือนเดินขึ้นไปบนนาขั้นได เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนลูกค้าจะพบกับงานก่ออิฐซึ่งแสดงให้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย
ร้านสตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก ประกอบด้วยโซนหลักต่างๆ ดังนี้
“บริเวณบาร์เครื่องดื่มหลัก” บาร์เครื่องดื่มหลักนำเสนอเมนูเครื่องดื่มและอาหารที่คุ้นเคยจากสตาร์บัคส์ รวมถึงเมนูเครื่องดื่มจากเมล็ดกาแฟ Signature Espresso Roast สุดคลาสสิก หรือ ม่วนใจ๋ เบลนด์ เมล็ดกาแฟสตาร์บัคส์สัญชาติไทย ที่ได้รับการพัฒนาโดยความร่วมมือของชุมชนชาวไร่กาแฟทางภาคเหนือของไทย โดยรายได้ 10 บาทจากการจำหน่ายเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดกาแฟม่วนใจ๋ เบลนด์ทุกแก้วจะนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวไร่กาแฟ ผ่านมูลนิธิพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน (Integrated Tribal Development Foundation)
“บาร์ Starbucks Reserve™” นำเสนอความหลากหลายของเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของสตาร์บัคส์ จากเมล็ดกาแฟ Starbucks Reserve™ คุณภาพเยี่ยม หายาก ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่หมุนเวียนมาให้เลือกสรรมากมายผ่านวิธีการชงที่หลากหลาย ทั้งเครื่องชงไซฟอน (Siphon) และเคเม็กซ์ (Chemex) หรือการชงแบบพัวร์โอเวอร์ (Pour Over)
นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ยังยกระดับประสบการณ์สตาร์บัคส์ที่พิเศษไปอีกขั้นด้วยนวัตกรรมเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ OVISO™ ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์สุดเท่ ตัวเครื่องทำเอสเพรสโซ่ได้รับการออกแบบให้ซ่อนอยู่ด้านล่าง (bottom-fill) พร้อมเทคโนโลยีการทำฟองนมที่เป็นสิทธิบัตรของสตาร์บัคส์ ถูกติดตั้งไว้บนเคาน์เตอร์ได้อย่างโดดเด่น
“บาร์ทีวาน่า” บาร์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มชาหลากหลายรสชาติ อาทิ ราสเบอร์รี่ แบล็ค ที แซงเกรีย (Raspberry Black Tea Sangria) ซันเซ็ท (Sunset) และ ลิ้นจี่ เอิร์ล เกรย์ ที (Lychee Earl Grey Tea)
“โซนขนมแบบอบใหม่ในร้าน” นำเสนอเมนูขนมอบสดใหม่ เช่น แซนด์วิช Open-faced หลากหลายรสชาติเฉพาะที่สาขาสตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก, ครัวซองส์เนยสด (Butter Croissant) ทาร์ตแอบเปิ้ลฝรั่งเศส (Baked French Apple Tart) และช็อกโกแลตทวิสต์ (Chocolate Twist)
“บาร์ Mixologist” บาร์ที่นำเสนอนวัตกรรมและการผสมเครื่องดื่มไว้อย่างเต็มรูปแบบ
“ห้องประชุม 2 ห้อง” ตามคอนเซปต์ The Third Place หรือ บ้านหลังที่สาม พื้นที่ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน
“ที่นั่งแบบสเตเดียม” พื้นที่นั่งอเนกประสงค์ให้ลูกค้าได้ผ่อนคลาย สะท้อนถึงทัศนียภาพอันงดงามของไร่กาแฟที่ตั้งอยู่บนภูเขา การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากพื้นที่ปลูกกาแฟเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของทั้งสตาร์บัคส์และชาวไร่กาแฟที่จะมอบความรื่นรมย์จากการดื่มกาแฟผ่านเมล็ดกาแฟ
“บาร์คอนดิเมนต์” (Condiment Bar) รวบรวมนวัตกรรมการออกแบบที่ยั่งยืน พื้นที่รีไซเคิลขยะแบบครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งสตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก เป็นสาขาแรกที่มี Condiment Bar ที่ส่งเสริมให้ลูกค้าล้างแก้วและเทเครื่องดื่มที่เหลือทิ้ง พร้อมทิ้งขยะในที่ที่เหมาะสม
จุฑาทิพย์ เก่งมานะ ผู้จัดการด้านผลกระทบทางสังคมและความยั่งยืน สตาร์บัคส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก เป็นร้านที่พิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราต่อการดูแลสิ่งแวดล้อม ทุกองค์ประกอบของร้านนี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยคำนึงถึงความยั่งยืน ตอกย้ำถึงความทุ่มเทของสตาร์บัคส์ต่อแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เราเชื่อว่าร้านแห่งนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคตที่สำคัญของร้านสตาร์บัคส์ทั่วทั้งประเทศไทย”
ซึ่งสตาร์บัคส์ ประเทศไทย มีแผนเปิดร้าน Greener Store ให้ครบ 20 สาขาภายในสิ้นปี พ.ศ. 2567 เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายด้านความยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ได้เปิดตัว “LITTLE CHOICES. BIG CHANGES.” แคมเปญเพื่อความยั่งยืน เพื่อเชิญชวนให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืน ด้วยการมอบส่วนลด 10 บาทสำหรับลูกค้าที่นำแก้วส่วนตัวมาใช้ที่ร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาทั่วประเทศโดยเป็นกิจกรรมที่สตาร์บัคส์ทำมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้สตาร์ปัคส์ ตั้งเป้าหมายระดับโลกในการรับรอง Greener Stores 10,000 แห่งทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2568 เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้น้ำ และขยะฝังกลบลง 50% ภายในปี พ.ศ. 2573