วันอาทิตย์, ตุลาคม 6, 2024
Home > Cover Story > เทโร เรดิโอ ปรับโฉม HITZ 955 ครั้งใหญ่ จากคลื่นสุดฮิตบนหน้าปัดสู่ออนไลน์เต็มตัว

เทโร เรดิโอ ปรับโฉม HITZ 955 ครั้งใหญ่ จากคลื่นสุดฮิตบนหน้าปัดสู่ออนไลน์เต็มตัว

หลังจากเข้าสู่โลกดิจิทัลเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ด้วยการเปิดตัวคลื่นเพลงออนไลน์พร้อมๆ กันถึง 4 คลื่น ล่าสุด “เทโร เรดิโอ” ยักษ์ใหญ่ด้านสื่อวิทยุประกาศก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลอีกครั้ง ด้วยการปรับโฉม HITZ 955 จากคลื่นวิทยุสุดฮิตบนหน้าปัดมาสู่โลกออนไลน์อย่างเต็มตัว ภายใต้ชื่อใหม่ “HITZ Thailand…All the hits 24/7” หลังจากเช่าคลื่นวิทยุมานานกว่า 20 ปี เพื่อให้เท่าทันกับกระแสดิจิทัลดิสรัปชัน

คลื่นวิทยุ HITZ 955 หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมคือ “Virgin Hitz” ออกอากาศครั้งแรกในปี 2545 ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนเป็น HITZ 955 ในเวลาต่อมา โดยอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เทโร เรดิโอ จำกัด สำหรับ HITZ 955 ถือเป็นคลื่นวิทยุที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน เน้นจับทุกกระแสที่กำลังฮิต เปิดทั้งเพลงไทยและสากล โดยแบ่งสัดส่วนเป็นเพลงไทย 60% และเพลงสากลอีก 40% มีกลุ่มคนฟังที่หลากหลาย ทั้งพนักงานออฟฟิศ แม่บ้าน นักเรียน และนักศึกษา

จากการจัดอันดับของบริษัท นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช (ประเทศไทย) พบว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา HITZ 955 อยู่ใน Top 10 ของคลื่นวิทยุที่เป็นที่นิยมของผู้ฟังมาอย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปี และถ้าโฟกัสในพื้นที่กรุงเทพฯ และกลุ่มผู้ฟังที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป HITZ 955 ยังครองตำแหน่งอันดับ 3 ในบรรดาคลื่นวิทยุกว่า 40 คลื่น

แต่ทว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด จนทำให้เกิดกระแสดิจิทัลดิสรัปชัน (Digital Disruption) ได้ส่งผลกระทบต่อวงการสื่อวิทยุและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ฟังไปเป็นอันมาก

มีสถิติที่น่าสนใจระบุว่า ในช่วงปี 2558 สัดส่วนการรับฟังเพลงผ่านสมาร์ทโฟนมีเพียง 2% เทียบกับฟังผ่านเครื่องรับวิทยุอยู่ที่ 60% แต่ในปี 2559 การฟังเพลงผ่านสมาร์ทโฟนกลับเพิ่มขึ้นเป็น 58% สวนทางกับการฟังผ่านเครื่องรับวิทยุที่ลดลงเหลือเพียง 31% ซึ่งเห็นได้ว่า ในช่วงระยะเวลาอันสั้น จำนวนคนฟังเพลงผ่านวิทยุลดลงถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

และถ้าโฟกัสเฉพาะกลุ่มผู้ฟังคลื่น HITZ 955 โดยเฉพาะยังพบว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปริมาณผู้ฟังวิทยุผ่านระบบออนไลน์ ทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าของปริมาณผู้ฟังผ่านระบบ FM อีกด้วย และนั่นหมายความว่าเม็ดเงินโฆษณาก็มีแนวโน้มที่จะย้ายฝั่งด้วยเช่นกัน

นั่นทำให้เทโร เรดิโอ ตัดสินใจปรับโฉม HITZ 955 ครั้งใหญ่อีกครั้ง ทรานส์ฟอร์มจากคลื่นสุดฮิตบนหน้าปัดวิทยุสู่การเป็นคลื่นฮิตออนไลน์อย่างเต็มตัว ภายใต้ชื่อและสโลแกนใหม่ “HITZ Thailand…All the hits 24/7 ฮิตทุกเรื่อง ฮิตทุกเพลง ฮิตซ์ไทยแลนด์” หลังจากเช่าคลื่นมานานกว่า 20 ปี

แต่ถ้าย้อนกลับไปจะเห็นว่าเทโร เรดิโอ ได้เริ่มทำคลื่นออนไลน์ควบคู่ไปกับคลื่น FM มาตั้งแต่เมื่อ 8 ปีที่แล้ว โดยในปี 2557-2558 ได้เริ่มทำคลื่นออนไลน์รวดเดียว 4 คลื่น ได้แก่ Rad Radio, Rock on Radio, Tofu Radio และ STAR FM นั่นทำให้ ณ ขณะนั้น เทโร เรดิโอ มีรายการวิทยุรวมแล้ว 6 คลื่น ได้แก่ คลื่น FM จำนวน 2 คลื่น (Eazy FM 105.5 และ HITZ 955) และคลื่นออนไลน์อีก 4 คลื่น

และในช่วงเวลาเดียวกันสถานีวิทยุบางแห่งก็เริ่มคืนคลื่นความถี่และหันมาออกอากาศออนไลน์กันแบบเต็มตัว โดยปี 2560 บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ตัดสินใจคืนคลื่นความถี่ 94 เปลี่ยนช่อง Chill FM มาเป็นคลื่นออนไลน์ในชื่อ Chill Online ที่สามารถรับฟังได้ทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ด้าน COOLfahrenheit ในเครือ RS ก็หันมาทำออนไลน์ควบคู่ไปกับการออนแอร์ด้วยเช่นกัน

เนล ทอมป์สัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทโร เรดิโอ จำกัด เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดดิจิทัลดิสรัปชันอย่างที่เห็นในปัจจุบันนั้น บริษัทแม่อย่าง “เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” มีการเตรียมความพร้อมเพื่อพัฒนาทุกบริษัทในเครือของเทโรสู่การเป็นดิจิทัล รวมถึงเทโร เรดิโอ ซึ่งเป็นมีเดียที่สำคัญของกลุ่มเทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์

“ตลอด 8 ปีที่เทโร เรดิโอเริ่มต้นทำรายการออนไลน์ เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลง เห็นแนวโน้มของผู้ฟัง ซึ่งพบว่าการเติบโตของผู้ฟังมาจากทางออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ เลยตัดสินใจว่าจะเอาแรงและทรัพยากรทั้งหมดของเรามาดูแลเรื่องออนไลน์ให้แข็งแรง เพราะคนฟัง HITZ ประมาณ 60% ฟังจากกรุงเทพฯ อีก 40% ฟังจากหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด เพราะฉะนั้นการหันมาลุยออนไลน์น่าจะเป็นสิ่งที่ดีเพราะไปได้กว้างกว่า ถือเป็นการพัฒนาไปอีกระดับหนึ่งของเทโร เรดิโอ ภายใต้สโลแกนของเราที่ว่า on air, online, on ground เช่น โปรโมชันต่างๆ และ on stage อีเวนต์ที่เราจะจัดควบคู่กับโปรโมชัน เพื่อให้ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม” เนล ทอมป์สัน กล่าว

ในขณะที่ ลาวัณย์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้จัดการทั่วไปของเทโร เรดิโอ อีกหนึ่งหัวเรือใหญ่ เปิดเผยต่อว่า เทโร เรดิโอ มีการปรับตัวเพื่อรับมือกับกระแสดิจิทัลดิสรัปชันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าใครติดตามจะเห็นว่า ในช่วงแรกๆ ของการเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล คลื่นวิทยุของเทโรเป็นเจ้าแรกที่นำเอา Facebook มาเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการทำโปรโมชันให้ผู้ฟังเข้ามาร่วมสนุก

ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการจัดการระบบออนไลน์ในการจัดเก็บข้อมูลผู้ฟังผ่านการสะสมคะแนนการฟัง หรือที่เรียกว่า “Tero Rewards” โดยผู้ฟังสามารถนำคะแนนที่ได้จากการฟัง 1 นาที เท่ากับ 1 คะแนน มาร่วมสนุกในกิจกรรมของแต่ละคลื่นได้ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ฟัง มียอดผู้ร่วมสนุกกว่า 20,000 คนต่อเดือน นับเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ฟังแบบเข้าถึงโดยตรง และถือเป็นสัญญาณที่ดีของการพัฒนาระบบออนไลน์อย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

แพลตฟอร์มเปลี่ยน แต่ความบันเทิงไม่เปลี่ยน
สำหรับคลื่นออนไลน์ HITZ Thailand…All the hits 24/7 ผู้ฟังสามารถรับฟังได้ทั้งทางเว็บไซต์ www.teroradio.com และแอปพลิเคชัน Tero Radio ดีเดย์ออกอากาศแบบออนไลน์เต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะปรับเปลี่ยนจากคลื่นวิทยุไปสู่ออนไลน์เต็มตัว แต่งานนี้ลาวัณย์มั่นใจว่าคุณภาพและความบันเทิงยังคงเต็มเปี่ยม ทั้งกิจกรรมร่วมสนุกและโปรโมชันดีๆ ที่จะมีทุกเดือน เช่น ลุ้นเที่ยวฟรี พร้อมชมคอนเสิร์ตระดับโลกทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้จุดแข็งด้านพันธมิตรของเทโร เรดิโอ และเทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ที่จะเข้ามาช่วยเสริมความแกร่งให้กับคลื่นได้ อย่าง Live Nation Tero บริษัทร่วมทุนระหว่างเทโรและ Live Nation ซึ่งเป็นบริษัทจัดการคอนเสิร์ตยักษ์ใหญ่ของโลก ที่สามารถสนับสนุนบัตรในการชมคอนเสิร์ตระดับโลกทั้งในและต่างประเทศได้ เป็นต้น

ดีเจคือแม่เหล็กที่สำคัญ
คุณลาวัณย์มักพูดอยู่เสมอว่า เสน่ห์ของวิทยุคือการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ฟังและผู้จัดรายการ หรือ ดีเจ ซึ่งสตรีมมิ่งทั่วๆ ไปไม่มี การฟังวิทยุแล้วรู้สึกอินไปกับดีเจเหมือนเรามีเพื่อนสนิทเพิ่มอีกหนึ่งคน นี่คือเสน่ห์ของวิทยุ และดีเจเปรียบเสมือนพรีเซ็นเตอร์ให้กับคลื่นนั้นๆ

ซึ่ง HITZ Thailand ยังคงมีดีเจที่มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่นเป็นแม่เหล็กหลักของรายการ ทั้ง “ดีเจส้มญ่า-นพนันท์ ปัญญาภาส” ดีเจสาวที่เชี่ยวชาญเพลง Asian Pop และร่วมงานกับ HITZ 955 มานานถึง 10 ปี และ “ดีเจจ็อบ-พงศกร ศรีถาพร” ดีเจหนุ่มอารมณ์ดี เป็นกันเอง ที่มาพร้อมเสียงนุ่มที่เป็นเอกลักษณ์

โดยทั้งคู่ต่างเห็นพ้องตรงกันว่า การปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะนำมาซึ่งโอกาสที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ ที่หลุดออกจากกรอบเดิมๆ อีกทั้งยังเป็นการขยายฐานผู้ฟัง เพราะการเป็นออนไลน์ทำให้ผู้ฟังไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกรุงเทพฯ ตามคลื่น FM แต่ยังขยายไปได้ทั่วประเทศ ในทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต และที่สำคัญคือพวกเขาเชื่อมั่นว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ต้องสนุกขึ้นอย่างแน่นอน

นอกจากนั้นเทโร เรดิโอ ยังพยายามดึงคาแรกเตอร์ของดีเจเพื่อนำมาพัฒนาเป็นคอนเทนต์ในแพลตฟอร์มที่แตกต่างกันออกไป ทั้ง Youtube, TikTok และ IG Live เป็นต้น

ปัจจุบันเทโร เรดิโอ มีคลื่นวิทยุ FM 1 คลื่น และคลื่นออนไลน์ 5 คลื่นได้แก่ คลื่น EAZY FM 105.5 คลื่นเพลงสากลอันดับหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่มีฐานผู้ฟังที่เหนียวแน่น โดยออกอากาศคู่ขนานพร้อมกันทุกแพลตฟอร์มทั้งทางคลื่นวิทยุ FM, ออนไลน์ทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน รวมถึงไลฟ์สดทาง Facebook

สำหรับคลื่นออนไลน์มีจำนวน 5 คลื่น ครอบคลุมทุกแนวเพลง ได้แก่ 1. HITZ Thailand…All the hits 24/7 คลื่นเพลงฮิตทั้งไทยและสากล เน้นกลุ่มคนฟังรุ่นใหม่ 2. STAR FM Thailand คลื่นเพลงฟังสบายและเพลงฮิตแบบไม่ซ้ำตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมง เป็นที่นิยมในหมู่พนักงานออฟฟิศ

3. TofuPOP Radio คลื่นเพลงเอเชียนทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน เป็นเสมือนคอมมูนิตี้ของชาว KPOP, JPOP และ CPOP 4. Rock On Radio คลื่นเพลงร็อกและอินดี้ร่วมสมัยทั้งไทยและเทศ เป็นคลื่นเดียวในไทยที่รวมเพลงของศิลปินร็อกและอินดี้มาไว้ 5. Rad Radio คลื่นเพลงแดนซ์และ EDM สำหรับคอปาร์ตี้ ซึ่งคลื่นออนไลน์ทั้งหมดนี้สามารถรับฟังได้ทั้งทางเว็บไซต์ www.teroradio และแอปพลิเคชัน Tero Radio

ในการทรานส์ฟอร์มคลื่นวิทยุจากหน้าปัดสู่โลกดิจิทัลเต็มตัวในครั้งนี้ เทโร เรดิโอ ยังได้รีแบรนดิ้งภาพลักษณ์ใหม่ขององค์กรให้ชัดเจนขึ้น ด้วยการปรับโลโก้ของคลื่นวิทยุทุกคลื่นในเครือใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เป็นที่จดจำ

รวมถึงตั้งเป้าพัฒนาระบบและนำเสนอคอนเทนต์ให้ทันทุกสถานการณ์ และสะท้อนตัวตนของเหล่าดีเจในแต่ละคลื่น ด้วยคอนเซ็ปต์การออกแบบที่เน้นความเป็นกันเอง เข้าถึงได้ง่าย ตรงกับไลฟ์สไตล์ในการฟังเพลงของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ตรงตามสโลแกนที่วางไว้อย่าง “Right People in the Right Place” ควบคู่ไปกับโลกดิจิทัลแต่อัดแน่นด้วยคุณภาพเต็มคลื่นเช่นเดิม

อาจจะเห็นว่าในช่วงโควิดเทโรดูเงียบๆ ไป แต่ภายใต้ความเงียบนั้นเรากำลังเตรียมความพร้อมในการทำงานเพื่อการเปลี่ยนแปลงในวันนี้ วันที่เราเห็นว่าทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม และที่สำคัญมันจะสนุกมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน” เนล ทอมป์สัน กล่าวทิ้งท้าย.