วันอังคาร, ตุลาคม 8, 2024
Home > Cover Story > CPN เปิดศึกดูดคนเข้าห้าง ดัน “มิกซ์ยูส+The 1 Biz”

CPN เปิดศึกดูดคนเข้าห้าง ดัน “มิกซ์ยูส+The 1 Biz”

แม้การคลายล็อกเปิดโอกาสให้นักชอปแห่จับจ่ายในห้างสรรพสินค้ามากขึ้น แต่บรรดาผู้ประกอบการค้าปลีกต่างทุ่มงบอัดกลยุทธ์รัวๆ เพื่อปลุกความมั่นใจ ท่ามกลางกระแสความหวั่นวิตกเรื่องการแพร่ระลอก 5 โดยเฉพาะค่ายเซ็นทรัลพัฒนา (ซีพีเอ็น) ที่มีศูนย์การค้ามากถึง 34 แห่ง บริหารพื้นที่ให้เช่ากว่า 1.8 ล้านตารางเมตร ซึ่งทุกตารางเมตรหมายถึงเม็ดเงินรายได้ทั้งสิ้น

การสร้างแรงดึงดูดจึงเป็นโจทย์ใหญ่ เพราะไม่ใช่แค่การฝ่าปัจจัยลบวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 ล่าสุดเกิดสถานการณ์น้ำท่วมมากกว่า 30 จังหวัด พื้นที่การเกษตรเสียหาย บวกกับปัญหาน้ำมันแพงขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อกำลังซื้อ รวมถึงการต่อสู้ในสงครามชอปปิ้งออนไลน์ที่แย่งชิงกลุ่มลูกค้าไปจำนวนมากและกลายเป็นเทรนด์บริโภคหลักของผู้คนทุกเพศ ทุกวัย

อย่างไรก็ตาม ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซีพีเอ็นเร่งวางทิศทางการพัฒนาโครงการรูปแบบมิกซ์ยูสอย่างต่อเนื่องและช่วงต้นปี 2564 วัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ออกมาประกาศเดินหน้า 4 โครงการมิกซ์ยูส แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ได้แก่ โครงการเซ็นทรัล ศรีราชา จะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคมนี้ โครงการเซ็นทรัล อยุธยา จะเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน 2564 โครงการเซ็นทรัล จันทบุรี จะเปิดให้บริการช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 และโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค จะเปิดภายในปี 2566-2567

หากนับมูลค่าลงทุน 3 โครงการแรกอยู่ที่ 13,900 ล้านบาท ส่วน ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งจับมือกับกลุ่มดุสิตธานี มูลค่าการลงทุน 46,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทเข้าซื้อหุ้นของบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) จากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ขยายพอร์ต Super Regional Mall เพิ่มเป็น 2 แห่ง คือ เซ็นทรัล เวสต์เกต และเมกาบางนา นอกจากนี้ สามารถบรรลุสัญญากับสำนักทรัพย์สินจุฬาฯ เข้าบริหารพื้นที่โครงการ Block A ย่านสยามสแควร์ ระยะยาว 30 ปี

ขณะที่ปัจจุบัน ซีพีเอ็น บริหารจัดการศูนย์การค้า 34 แห่ง อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ ต่างจังหวัด 18 โครงการ อยู่ในมาเลเซีย 1 โครงการ ศูนย์อาหาร 30 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 2 แห่ง โครงการที่พักอาศัยอีก 18 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL PAHOL 34 และ BELLE GRAND RAMA 9

โครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN พิษณุโลก (ทาวน์โฮม) นินญา กัลปพฤกษ์ (บ้านแฝด) โครงการนิยาม บรมราชชนนี (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี) และโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ได้แก่ นีรติ เชียงราย และนีรติ บางนา

วัลยาย้ำว่า หลังจากนี้เป้าหมายการขยายโครงการจะมากกว่าการเปิดสาขาศูนย์การค้า โดยวาง 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. การบุกเบิกเมืองด้วยโมเดล Fully-Integrated Mixed-Use Developments ที่แข็งแกร่ง 2. การพัฒนาโครงการเพื่อทุกไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต ชูวิถีอัตลักษณ์ของเมือง (Customer-Centric Design Thinking and Marketing) และ 3. เน้นการลงทุนกับคู่ค้าในระยะยาว (Tenant-Centric Business Partnership)

ดังนั้น ด้านหนึ่ง ซีพีเอ็น ลุยโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วยศูนย์การค้า คอนเวนชั่นฮอลล์ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ออฟฟิศและโรงแรม เพื่อปลุกจุดขายความเป็น Center of Life สร้างฮับหลากหลาย เช่น สปอร์ตฮับ เพ็ทฮับ ดึงดูดผู้คนออกจากบ้าน ออกจากออนไลน์ มาใช้ชีวิตและหาประสบการณ์ใหม่ๆ

อีกด้าน เร่งดึงดูดพันธมิตรที่แห่ไปปักหมุดตามพื้นที่นอกห้าง โดยล่าสุดงัด Business Model ใหม่ ภายใต้แนวคิด Scaling Up Your Business อัดงบการตลาด 1,000 ล้านบาท เพิ่มกลยุทธ์เร่งการเติบโตให้กลุ่มผู้เช่า 3 ด้าน

กลยุทธ์ที่ 1 ENABLE to scale up your business ผลักดันการขยายธุรกิจไปกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลทุกแห่ง ทำ Brand Experience โดยเชื่อว่า การมีหน้าร้านยังมีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า และการพัฒนาโครงการในรูปแบบ Fully-Integrated Mixed-Use Development ขยายตามเมืองเศรษฐกิจต่างๆ สร้างโครงการที่อยู่อาศัยติดกับศูนย์การค้า สามารถเพิ่มกลุ่มลูกค้าอีกหลายเท่า หรือคาดว่า ปี 67 จะมีจำนวนโครงการและจำนวนลูกบ้านเพิ่มขึ้นเท่าตัว

กลยุทธ์ที่ 2 ENSURE excellent services, facilities and synergies มี services & facilities ส่วนกลางที่พร้อมให้บริการลูกค้า วางแผนการตลาดช่วยดันยอดขายและสร้างแบรนด์ การทำ CRM Marketing เปิดหลักสูตรส่งเสริม SMEs ใช้ Influencer & KOLs Networking ของศูนย์การค้าเรา ทำ pop-up store ให้แบรนด์แฟชั่นสามารถเข้าไปในจังหวัดต่างๆ และเปิดแพลตฟอร์มใหม่สร้างยอดขายให้ร้านค้า

กลยุทธ์ที่ 3 EMPOWER with Big Data ใช้กลไก The 1 ที่มีฐานข้อมูลลูกค้าและ The 1 Biz เป็นเครื่องมือช่วยให้ร้านค้าต่างๆ สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบ Loyalty ของ The 1 โดยลูกค้าสามารถใช้แต้ม สะสมแต้ม และเข้าถึงโปรโมชั่นของร้านค้า เปิดช่องให้ร้านค้าเข้าถึงฐานลูกค้ามากขึ้น

ปัจจุบันฐานข้อมูลสมาชิกร้านค้าเครือเซ็นทรัลมีกว่า 2,000 แบรนด์ เชื่อมโยงผ่านแอปพลิเคชัน The 1 ที่มีลูกค้ากว่า 18 ล้านราย และ The 1 Biz จะช่วยรวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าให้คู่ค้าสร้างแคมเปญการตลาดต่างๆ โดยคาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปี 64 จะมีร้านค้าผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่รายเล็ก เข้าร่วม The 1 Biz รวมกว่า 240 แบรนด์ รวมกว่า 1,000 ร้านค้า เท่ากับจะมีการแลกเปลี่ยน Big Data อีกมหาศาล

เหนือสิ่งอื่นใด ซีพีเอ็นต้องการพิสูจน์ให้เห็นถึงแรงดึงดูดของศูนย์การค้าและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คน ขาดไม่ได้ ไม่มาไม่ได้ ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายต้องวัดกลยุทธ์ที่ว่า “ใหม่” จะมัดใจกลุ่มเป้าหมายได้จริงหรือไม่

4 โปรเจกต์มิกซ์ยูสของซีพีเอ็น

• เซ็นทรัล ศรีราชา
o ปั้นเมือง New S-Curve ซึ่งเป็น Promising City เมืองอนาคตไกล ผลักดันศักยภาพศรีราชาเป็น Center of EEC ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘Inspiring Si Racha – The Innovation Oasis’
o ประกอบด้วยศูนย์การค้า คอนเวนชั่นฮอลล์ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ออฟฟิศและโรงแรม บนที่ดิน 27 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท
o ตัวโครงการอยู่ใจกลางเมือง มีกำลังซื้อหนาแน่นด้วยแบรนด์บิ๊กอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยกว่า 61,000 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 1.5-6 ล้านบาท โรงแรม โรงเรียน โรงพยาบาลและนิคมอุตสาหกรรม 11 แห่ง ตอบโจทย์การเป็น #1 destination ของทุก community ทั้ง food, fashion, family, sport, pet, innovation
o เป็น Innovation Hub ดึงดูด Start-Up และ Digital Nomad เป็นเมือง New S-Curve มีตัวเลขเงินลงทุนใน EEC สะพัดกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ในช่วงปี 2017-2022
o กลุ่มเป้าหมายหลากหลายและกำลังซื้อสูง ได้แก่ ชาวศรีราชากว่า 580,000 คน ชุมชน Japanese Expat มีชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติอาศัยอยู่ราว 40,000 คน กลุ่มคนญี่ปุ่นระดับ Top management เงินเดือนสูง เฉลี่ย 100,000-200,000 บาทต่อเดือน ตั้งใจทำให้ศรีราชาเป็นเหมือน Little Yogohama

• เซ็นทรัล อยุธยา
o คอนเซ็ปต์ “อัศจรรย์อยุธยา” ยกระดับเมือง UNESCO World Heritage ให้ทั่วโลกรู้จัก
o ประกอบด้วย ศูนย์การค้า Tourist Attraction โรงแรม ที่พักอาศัยและคอนเวนชั่นฮอลล์ บนที่ดิน 47 ไร่ มูลค่าโครงการ 6,200 ล้านบาท
o Young Affluent & Urban Vibes กลุ่มคนรุ่นใหม่มีกำลังซื้อสูง จากฐานข้อมูล The 1 ของกลุ่มเซ็นทรัล และกลุ่ม unmet need กว่า 180,000 คน ที่เข้ามาชอปในชานเมืองกรุงเทพฯ เฉลี่ย 6 ครั้งต่อเดือน
o ประชากรกลุ่มเป้าหมายเกือบ 2,500,000 คน (อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท สุพรรณบุรี) ประชากรแฝงจากนิคมอุตสาหกรรมอีก 5 แห่งกว่า 166,000 คน มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำกว่า 56 โครงการ กว่า 5,700 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 1.5-3 ล้านบาท
o กลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ โดยอยุธยามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมเยือนมากกว่า 8 ล้านคน มีแผนทำ International marketing กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

• เซ็นทรัล จันทบุรี
o บุกตลาด Blue Ocean มิกซ์ยูสหนึ่งเดียวในจันทบุรี ประกอบด้วยศูนย์การค้า Local market ที่พักอาศัย 247 ยูนิต โรงแรม 158 ยูนิต Social Park บนที่ดิน 46 ไร่ มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท
o โครงการแรกในต่างจังหวัดที่ทำ Sport Destination พื้นที่ Multi-Purpose กว่า 4,000 ตร.ม.
o มีประชากรกลุ่มเป้าหมายมากกว่า 1,800,000 คน (จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี สระแก้ว) เมืองกำลังเติบโต มีสถานศึกษาถึง 45 แห่ง โรงแรม 29 แห่ง และที่พักอาศัย 24 แห่ง
o เมืองท่องเที่ยว Rising star มีจุดเด่นทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม ชุมชนเก่า มีคาเฟ่ และร้านอาหารสุดชิคมากมาย จำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติกว่า 2.47 ล้านคนต่อปี

• ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค
o โครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบมิกซ์ยูส ประกอบด้วย โรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน พื้นที่รวม 440,000 ตร.ม. บนที่ดินกว่า 23 ไร่ ตรงมุมถนนสีลม – พระราม 4 ภายใต้แนวคิด “Here for Bangkok” สะท้อนวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาโครงการที่ดีที่สุดเพื่อคนกรุงเทพฯ

ใส่ความเห็น