ฟาสต์ฟูดยักษ์ใหญ่ A&W เร่งเดินหน้าขยายช่องทางเจาะกลุ่มลูกค้า โดยล่าสุดผุดโปรเจกต์นำร่องส่งเมนูยอดฮิต Waffle All Day กระจายเข้าร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” เพื่อเสิร์ฟอาหารถึงมือลูกค้าให้ง่ายที่สุดและเร็วที่สุด ลดผลกระทบจากมาตรการคุมเข้มล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว ซึ่งมีแนวโน้มว่าศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) อาจต้องขยายการบังคับใช้และปิดร้านอาหารในศูนย์การค้ายืดเยื้อต่อไป
แน่นอนว่า หากเปรียบเทียบช่องทางโมเดิร์นเทรดทั้งหมด กลุ่มร้านสะดวกซื้อ หรือคอนวีเนียนสโตร์ มีเครือข่ายกว้างขวางครอบคลุมผู้คนทุกเซกเมนต์ ซึ่งเซเว่นอีเลฟเว่นภายใต้การบริหารของบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) มีสาขามากกว่า 12,000 สาขา และยังวางแผนสยายปีกยึดพื้นที่ชุมชนทั่วประเทศ ทำให้ A&W สามารถต่อยอดกลยุทธ์ขั้นต่อไปและมีโอกาสเติบโตมากขึ้นด้วย
ที่สำคัญ ในยุคโควิดระบาดอย่างหนักและวิถี New Normal ผู้คนต่างงดการเดินทางและหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ แม้ ศบค. ผ่อนผันให้ร้านอาหารในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าสามารถให้บริการดีลิเวอรีได้ แต่ต้องเสียค่าขนส่ง ขณะที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นให้บริการดีลิเวอรีฟรี เพียงแค่ลูกค้าสั่งซื้อสินค้ารวมกันมากกว่า 100 บาทเท่านั้น
นางสาวหลุยส์ เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON ผู้บริหารเครือข่ายฟาสต์ฟูด A&W ในประเทศไทย เปิดเผยกับ “ผู้จัดการ 360” ถึงความจำเป็นและเป้าหมายในการขยายช่องทางขายผ่านร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น เนื่องจาก A&W มีสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 24 สาขา และ Food Truck กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ อีก 4 คัน เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น
บริษัทจึงต้องการเพิ่ม Brand Awareness ให้คนรู้จักและจดจำแบรนด์ A&W (เอ แอนด์ ดับบลิว) ความอร่อยสไตล์อเมริกันมากขึ้น จึงริเริ่มโปรเจกต์นำร่องส่งสินค้าที่เป็นจุดแข็งอย่างวาฟเฟิล (Waffle) ที่เชื่อว่า เมื่อพูดถึง A&W ความผูกพันของกลุ่มลูกค้าจะรับรู้ได้เลยว่าจะได้รับประทานวาฟเฟิลที่รสชาติดีที่สุดได้ทุกเวลาที่ร้านสะดวกซื้อ ง่ายและอุ่นร้อน
“เรามองถึงการนำสินค้าและเสิร์ฟความอร่อยไปยังกลุ่มลูกค้าให้ได้มากยิ่งขึ้น โดยร่วมมือกับเซเว่นอีเลฟเว่น เริ่มต้นจาก 18 สาขาในช่วงแรก ในกรุงเทพฯ และชลบุรี จนล่าสุดตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ขยายเพิ่มอีก 27 สาขา รวมเป็น 45 สาขา และวางแผนขยายเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต เน้นทำเลใกล้แหล่งคนพลุกพล่าน แหล่งสำนักงานออฟฟิศ กลุ่มคนทำงาน พนักงาน สถานศึกษา และใกล้ชุมชน ซึ่งมีกลุ่มที่สนใจอาหารประเภทพร้อมรับประทาน รวมถึงกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย เนื่องจากตั้งใจให้เป็น All Day Waffle ที่สามารถรับประทานได้ทั้งวัน สะดวก อร่อย ในราคาเบาๆ”
สำหรับเมนูนำร่องรายการแรก Waffle All Day มี 3 รสชาติ ได้แก่ วาฟเฟิลไก่สไปซี่ วาฟเฟิลฟิชแอนด์ชีส และวาฟเฟิลไก่ย่างเทอริยากิ ราคา 49 บาท โดยเป็นเมนูที่บริษัทครีเอตเฉพาะการวางจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่นเท่านั้น ราคาจึงไม่เท่ากับเมนูวาฟเฟิลหน้าร้าน A&W ซึ่งตั้งแต่เริ่มวางจำหน่าย ผู้บริโภคให้ความสนใจในระดับที่ดี เกิดการบอกต่อในโลกออนไลน์ เนื่องด้วยเป็นครั้งแรกของ A&W ที่ผู้บริโภคสามารถหาซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อ
นอกจากนี้ หากโปรเจกต์นำร่องได้รับฟีดแบ็กจากผู้บริโภคดีมากขึ้น บริษัทมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน เพื่อวางจำหน่ายเพิ่มขึ้น ภายใต้การ Research & Develop สินค้าตามความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ช่วงปลายปี 2562 บริษัทได้พัฒนาโมเดลร้านอาหาร A&W ขนาดเล็ก ภายใต้ชื่อ A&W Express ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โดยเปิดให้บริการสาขาแรก ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สาขานวมินทร์ ซอย 3 ใกล้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) บางนา จำหน่ายเมนูต่างๆ ไม่ต่างจากร้านสาขามาตรฐาน เช่น รูทเบียร์ วาฟเฟิล เคอรี่ฟรายส์ ไก่ทอด และเมนูใหม่ๆ เพื่อเจาะผู้บริโภคทุกกลุ่มที่เข้ามาบริการในร้าน เซเว่นอีเลฟเว่น
จุดเด่นสำคัญ คืองบประมาณการลงทุนน้อยลงจากพื้นที่ร้านขนาดเล็ก สามารถหาทำเลที่ตั้งที่มีจำนวนผู้ใช้บริการสูง สร้างโอกาสในการขยายสาขาได้มากยิ่งขึ้น สามารถเพิ่มฐานลูกค้า เนื่องจาก A&W อยู่ในตลาดมานาน ลูกค้าส่วนใหญ่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป การปรับโมเดลใหม่จะสร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าใหม่ มิหนำซ้ำยังปลุกภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัยและสอดรับกับความต้องการของคนรุ่นใหม่มากขึ้น ไม่ใช่แค่เปิดสาขาในศูนย์การค้าขนาดใหญ่
ทั้งนี้ จาก 24 สาขาล่าสุด A&W มี 10 สาขาอยู่ในศูนย์การค้า ได้แก่ สยามสแควร์ ไบเทคบางนา เดอะสตรีทรัชดา ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ศูนย์การค้าเทอร์มินัล 21 อโศก บริโอ พุทธมณฑล สาย 4 โฮมโปรกัลปพฤกษ์ Terminal 21 พัทยา ห้างไอที สแควร์ และโฮมโปร ศรีนครินทร์ ซึ่งมีทั้งร้านขนาดมาตรฐานกับร้าน S&T จำหน่ายเฉพาะของหวานและเครื่องดื่ม และมี 1 สาขาเปิดในร้านสะดวกซื้อสาขาเอแบค บางนา (นวมินทร์ 3)
ขณะที่อีก 13 สาขา เปิดในสถานีบริการน้ำมัน โดยอยู่ในปั๊ม ปตท. 8 แห่ง ได้แก่ สาขาธรรมศาสตร์รังสิต สาขาสุขาภิบาล 3 สาขาวิภาวดี 30 สาขาพระราม 2 กม. 14 สาขาบางใหญ่ สาขาพระราม 2 กม. 35 สาขาพหลโยธิน กม. 96 และสาขาเทพารักษ์
อยู่ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก 4 แห่ง ได้แก่ สาขาปั๊มบางจาก เอกมัย สาขากาญจนาภิเษก-บางบอน สาขาพหลโยธิน กม. 57 และสาขาสุขุมวิท 62 ส่วนอีกสาขาอยู่สถานีบริการน้ำมันเชลล์ บางนา-กม. 6
ผู้บริหารโกลบอลฯ ยังกล่าวว่า นอกจากการเจาะทำเลและช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ แล้ว บริษัทพยายามสร้างสรรค์เมนูใหม่ให้กลุ่มลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง บางเมนูดึง Oriental ของความอร่อยสไตล์อเมริกัน และเมนูตามเทศกาลต่างๆ เพื่อสร้างสีสันกระตุ้นกลุ่มลูกค้าเสริมจุดแข็งเมนูซิกเนเจอร์หลัก
ปัจจุบันเมนูของ A&W ได้รับการพัฒนามากขึ้น โดยแบ่งอาหารกลุ่มหลัก ประกอบด้วยกลุ่มไก่ทอดที่มีจุดขายและจุดแข็ง คือ ชิ้นใหญ่กว่า กรอบกว่า และชุ่มฉ่ำกว่า
กลุ่มข้าว ได้แก่ ข้าวปลาทอดซอสเทอริยากิ ข้าวไก่ทอดโกลเด้นอโรมาซอสเทอริยากิ ข้าวแจ่วไก่ ข้าวไก่กริลด์ซอสเทอริยากิ ข้าวลาบไก่กรอบ ข้าวปลาลุยสวน และเมนูใหม่ล่าสุด ข้าวปลานึ่งมะนาว
กลุ่มเบอร์เกอร์ที่มีให้เลือกทั้งแป้งบันและเบอร์เกอร์วาฟเฟิล เนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อหมูคุโรบูตะและเนื้อวัว
กลุ่มสแน็ก ได้แก่ เคอร์ลี่ฟรายส์ เมจิกฟรายส์ นักเก็ตไก่ นักเก็ตปลา ชีสสติ๊ก แร็ปแอนโรล ชีสโรล
กลุ่มเครื่องดื่มที่มีรูทเบียร์และรูทเบียร์โฟลตเป็นซิกเนเจอร์สำคัญ รวมถึงกลุ่มวาฟเฟิลและไอศกรีม ซึ่งล่าสุดเปิดตัวเมนู “วาฟซ่า” วาฟเฟิลสไตล์พิซซ่า หน้าฮาวายเอี้ยนและหน้าเบคอนชีส
ต้องถือว่าการจับมือกับเซเว่นอีเลฟเว่น ทั้งในแง่โมเดลใหม่ A&W Express และการส่งเมนูขึ้นเชลฟ์จำหน่ายสินค้าล้วนตอกย้ำถึงโอกาสการขยายความร่วมมือสเต็ปต่อไป เพราะอย่าลืมว่า กลุ่มโกลบอล คอนซูเมอร์ยึดกุมช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน “อีซี่โก” (EZYGO) ในเซเว่นฯมาอย่างยาวนานแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น การรุกเงียบของ A&W เป็นปฏิบัติการใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องทุ่มทุนเปิดสาขา ไม่มีต้นทุนพนักงานจำนวนมาก และสร้างชั่วโมงการจำหน่ายยาวนานมากกว่า ซึ่งไม่ใช่แค่ความพยายามพลิกวิกฤตโควิดเป็นโอกาสปลุกยอดขายขนานใหญ่ แต่ยังหมายถึงการเปิดสงครามการช่วงชิงส่วนแบ่งและรุกฐานลูกค้าคู่แข่งด้วย