วันเสาร์, พฤศจิกายน 9, 2024
Home > On Globalization > สถานการณ์ Covid-19

สถานการณ์ Covid-19

Column: From Paris

Convid-19 นี่ร้ายจริงๆ ร้ายกว่าที่ใครๆ จะคาดคิด การระบาดที่รุนแรงทำให้เกิดการปิดประเทศทั่วโลก นอกจากวิกฤตด้านสาธารณสุขแล้ว ยังเกิดวิกฤตด้านเศรษฐกิจและสังคม

ใช่แต่ไทย เศรษฐกิจฝรั่งเศสก็อิงการท่องเที่ยวด้วย เมื่อปราศจากนักท่องเที่ยวเสียแล้ว ธุรกิจแฟชั่นและสินค้าหรู โรงแรม ร้านอาหารต่างได้รับผลกระทบหมด การท่องเที่ยวฝรั่งเศสพึ่งนักท่องเที่ยวจากจีนและสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก

ฝรั่งเศสล็อกดาวน์ประเทศเป็นเวลา 2 เดือน ใครสายป่านสั้นก็หมดลมหายใจ เมื่อเลิกล็อกดาวน์ สิ่งที่เห็นทั่วไปคือร้านค้าหลายแห่ง โดยเฉพาะร้านอาหารถือโอกาสปรับปรุงร้านเพื่อเปิดใหม่ให้สดใสยิ่งขึ้นและเพื่อรองรับมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขจำนวนไม่น้อยปิดตัวถาวรเลย เห็นได้ชัดในย่านที่เคยคับคั่งด้วยนักท่องเที่ยว แถววิหาร Notre-Dame de Paris ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกไม่มีทีท่าว่าจะเปิดใหม่ ร้านอาหารขนาดใหญ่ริมแม่น้ำแซน (Seine) ประกาศเซ้งร้าน ย่าน Saint-Germain-des-Prés แถวถนน rue Guisarde ซึ่งอยู่ในละแวกโบสถ์ Saint-Sulpice ร้านอาหารหลายแห่งปิดเงียบ ให้เสียดายร้านอาหารอิตาเลียน Alfredo Positano ที่เคยมีลูกค้าคับคั่ง กลับปิดตาย แต่อีกหลายร้านกลับมาเปิดใหม่อย่างคึกคัก ด้วยว่าปิดถนน แล้วตั้งโต๊ะกลางถนนเลย เหลือทางเดินนิดหน่อย

เมื่อรัฐบาลฝรั่งเศสอนุมัติให้ร้านอาหารเปิดบริการได้ โดยต้องรักษาระยะห่างระหว่างโต๊ะ แรกทีเดียวให้แต่ละโต๊ะตั้งห่าง 2 เมตร ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับร้านอาหารเล็กๆ จึงลดลงเหลือ 1 เมตร ถึงกระนั้นก็สร้างความบีบคั้นแก่ผู้ประกอบการ พนักงานในร้านต้องสวมหน้ากากอนามัย และถุงมือ ลูกค้าเดินเข้าร้านต้องสวมหน้ากาก และหากต้องการไปห้องน้ำก็ต้องสวมหน้ากากเดินไป รัฐอนุญาตให้ร้านอาหารตั้งโต๊ะด้านนอกได้ ขยายพื้นที่บริการบนทางเท้า และปิดถนนมิให้รถวิ่งบางสายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ร้านอาหาร ลูกค้าพอใจจะนั่งด้านนอกมากกว่าในร้าน

ซึ่งในช่วงหน้าร้อนย่อมทำได้ นึกไม่ออกว่าเมื่อฤดูหนาวมาถึง จะทำอย่างไร ในเมื่อมีการพูดถึงการห้ามตั้งเครื่องทำความร้อนบริเวณด้านนอกที่เรียกว่า terrasse ลูกค้าจำต้องไปแออัดในร้านกันหมด การตั้งโต๊ะหน้าร้านนี้ใช่ว่าทุกร้านจะทำได้ ร้านที่มีทางเท้าแคบๆ ย่อมเสียเปรียบ ยกเว้นไปตั้งโต๊ะอีกฟากหนึ่งของถนน ดังกรณีของร้านอาหารญี่ปุ่นแถวถนน Sainte-Anne ร้านอาหารที่มีสวนหย่อมอยู่ข้างหน้า ได้โอกาสไปตั้งโต๊ะตรงสวนเลย ดังเช่นแถว Place Dauphine ใกล้ๆ สะพาน Pont-Neuf

เหล่านี้เป็นเพียงร้านเล็กๆ ภัตตาคารหรูติดดาว Michelin ใช่ว่าจะสามารถอยู่รอด เพราะพึ่งลูกค้ากระเป๋าหนักจากสหรัฐอเมริกา และนักท่องเที่ยวอื่นๆ

โรงแรมหรูปราศจากลูกค้า แต่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดแม้จะมีรายได้เพียงน้อยนิดก็ตาม โรงแรม Crillon มี food-truck จอดอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมแถว Place de la Concorde โรงแรม Ritz มีเคาน์เตอร์หน้าโรงแรมแถว Place Vendôme ขายขนมที่ปรุงโดยเชฟของโรงแรม โรงแรมหรูทั้งสองแห่งไม่มีลูกค้าเลยหลังจากเกิดโรคระบาด ยังมองไม่เห็นโอกาสที่จะฟื้นตัว จำต้องลดมาตรฐานหรูมาขายอาหารและขนมสำหรับ “ชาวบ้าน” ที่เดินผ่านไปมาหรือผู้ที่ทราบข่าวและมุ่งตรงไปซื้อเพราะหวังลิ้มรสมือของเชฟดัง

วิกฤตการณ์ Convid-19 ที่เกิดตั้งแต่เดือนมีนาคม โรงแรมหรูหวังว่าเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ สถานการณ์คงจะดีขึ้น ทว่าโรคระบาดยืดเยื้อจนถึงฤดูร้อน หลายแห่งหวังว่าเดือนกรกฎาคมคงจะมองเห็นแสงสว่าง ความหวังค่อยๆ ริบหรี่ กันยายนเป็นเดือนที่ฝรั่งเศสเรียกว่า la rentrée หมายถึงการกลับมาทำงานและการกลับเข้าโรงเรียนหลังจากที่ไปพักร้อนและปิดเทอมนาน ชีวิตจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งเมื่อถึง la rentrée แต่แล้ว Convid-19 ก็กลับมาอาละวาดอีกหลังจากซบเซาไปหลายเดือน โรงแรมหรูทั้งหลายที่ควรจะเริ่มต้นใหม่ในวันที่ 24 สิงหาคมหรือ 1 กันยายน

มองไม่เห็นการหวนคืนของนักท่องเที่ยว ห้องพักที่ว่างเปล่า ภัตตาคารและบาร์ที่ปิดตาย พนักงานตกอยู่ในภาวะว่างงาน อย่ากระนั้นเลย หากิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นขวัญกำลังใจของพนักงานทั้งมวล โรงแรม Ritz และ Crillon จึงเบิกโรงเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม เปิดกิจกรรมขายอาหารและขนมฝีมือของเชฟใหญ่ดังกล่าว

อันที่จริงลูกค้าของโรงแรม Crillon เป็นชาวยุโรป 30 เปอร์เซ็นต์ซึ่งยังสามารถเดินทางไปมาได้ โรงแรมจึงรับลูกค้า 10-20 เปอร์เซ็นต์ในช่วงแรก ส่วนลูกค้าโรงแรม Ritz 45 เปอร์เซ็นต์เป็นชาวอเมริกัน ซึ่งคงอีกนานกว่าที่ชาวอเมริกันจะเดินทาง ส่วนโรงแรม Peninsula นั้นคาดว่าสามารถเปิดได้วันที่ 1 ตุลาคม ฝ่ายบริหารของ Peninsula คิดว่าไม่ควรรีบเปิดเพราะอาจมีเหตุให้ปิดอีก

ฝ่ายโรงแรม Plaza Athénée แม้จะไม่มีลูกค้า แต่ค่าใช้จ่ายจำเป็นยังมีอยู่ เช่น ค่าไฟ ค่าทำความสะอาด ค่าทำสวน เป็นต้น โรงแรมเปิดบริการวันที่ 1 กันยายน แต่เห็นว่าสถานการณ์ยังคงลำบากจนกว่าจะมีวัคซีนซึ่งคาดว่าในเดือนกรกฎาคม 2021

ในฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อมากขึ้นวันละหลายพันคน แต่แปลกที่สถานการณ์ไม่ได้ “โฉ่งฉ่าง” เหมือนเมื่อแรกระบาด อาจเป็นเพราะผู้ติดเชื้อเป็นวัยรุ่นและหนุ่มสาว ซึ่งมีภูมิต้านทานมากกว่าผู้สูงอายุ จึงไม่มีอาการหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ถึงกระนั้นรัฐบาลก็ไม่วางใจ จึงออกมาตรการให้หลายจังหวัดสวมหน้ากากในที่สาธารณะ รวมทั้งปารีสและจังหวัดใกล้เคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางใต้ของฝรั่งเศสหลังจากที่นักท่องเที่ยวไปชุมนุมกันคับคั่ง

ฝรั่งเศสไม่ต้องการล็อกดาวน์ประเทศอีก เพราะที่ผ่านมาประเทศก็เสียหายมาก

ใส่ความเห็น