เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เมื่อใดก็ตามที่ภาครัฐประกาศแนวนโยบายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางคมนาคม พื้นที่โดยรอบของโครงการจะถูกกลุ่มทุนให้ความสนใจและเริ่มปักหมุด แหแหนกันหาหนทางเข้าไปจับจองอาณาเขต ด้วยหวังว่าจะพัฒนาโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ไปพร้อมๆ กัน
และด้วยการคาดการณ์จากนักลงทุนด้านอสังหาฯ ทำให้พื้นที่ตลอดแนวเส้นทางรถไฟฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนหน้าไป การนำสิ่งอำนวยความสะดวก ความทันสมัย และสิ่งที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายได้ จึงเป็นเป้าประสงค์หลักของบรรดาผู้ประกอบการที่เล็งเห็นศักยภาพของพื้นที่ดังกล่าว
ย่านบางใหญ่ น่าจะอธิบายให้เห็นชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่การคมนาคมที่สามารถเข้าถึงได้เท่านั้น ทว่า สิ่งที่ตามมาทำให้พื้นที่บางใหญ่เปลี่ยนไปจากเดิม
นับตั้งแต่การเปิดทดลองเดินรถเสมือนจริงของเส้นทางส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพงถึงท่าพระ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2562 ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำว่า พื้นที่เก่าแก่ที่รถไฟใต้ดินจะวิ่งผ่าน กำลังจะเปลี่ยนไป
ย่านเยาวราชกลายเป็นพื้นที่เนื้อหอมไปโดยปริยาย นับตั้งแต่รัฐบาลประกาศเส้นทางการพัฒนารถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย และด้วยอิทธิพลอันทรงเสน่ห์ของย่านเก่าแก่แห่งนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครต่อใครอยากจะเข้ามาหาพื้นที่สำหรับการลงทุน
แม้จะเป็นไปไม่ได้ ที่จะหาพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับการลงทุนด้านอสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัย ทว่า ยังมีธุรกิจอื่นๆ อีกมากมายที่อาจจะน่าลงทุนและเหมาะสมกับพื้นที่แห่งนี้
ดังเช่นที่กลุ่ม BDMS ที่สบโอกาสทองจับอาคารสำนักงานเดิมของสหธนาคารให้เป็นโรงพยาบาลไชน่าทาวน์ จากนั้นก็ทรานส์ฟอร์มสู่โรงพยาบาลสมิติเวชไชน่าทาวน์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาด 59 เตียง สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่
การมาถึงของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินทำให้ราคาที่ดินย่านเยาวราชมีราคาขายอยู่ที่ตารางวาละ 1.4-1.6 ล้านบาท เมื่อพิจารณาราคาที่ดินย่านนี้จะเห็นได้ว่า ตัวเลขราคาไม่ต่างจากย่านธุรกิจของไทยสักเท่าไร
ความยาวของถนนเยาวราชเพียง 1.4 กิโลเมตร อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่การเปลี่ยนชื่อจากเดิมที่เคยใช้ว่า ถนนยุพราช และเป็นแหล่งทำกินของชาวจีนที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมา ซึ่งเมื่อรัชกาลที่ 5 ตัดสินใจสร้างถนนเพื่อให้การค้าในย่านนี้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า “ถนนเยาวราช”
เยาวราชถูกเปลี่ยนหน้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้จะเคยมีศูนย์การค้ามาเปิดกิจการแต่ก็ไม่สามารถยืนระยะอยู่ในถนนแห่งนี้ได้ถาวร ทำให้ภาพจำของถนนเยาวราช คือย่านที่เต็มไปด้วยร้านขายทอง อาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์ หรือสินค้าสำหรับการไหว้เจ้า
หลายคนกำลังจับตาว่า เยาวราชจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากแค่ไหน โครงการที่อยู่อาศัยแนวตั้งหรือคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่จะเกิดขึ้นได้ไหม คำถามนี้คนที่จะตอบได้น่าจะเป็นผู้คนในพื้นที่
ที่ปัจจุบันคนรุ่นแรกของย่านนี้ส่วนใหญ่ย้ายออกจากพื้นที่ไปแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นสองหรือรุ่นสาม ที่แม้จะยังคงดำเนินธุรกิจบนย่านนี้ ทว่ารูปแบบของธุรกิจถูกปรับเปลี่ยนไปตามกระแสสังคม
Hostel หรือ Home Office เริ่มถูกพัฒนามากขึ้นบนถนนเยาวราช โดยเหล่าทายาทรุ่นที่สองหรือสาม นั่นจะทำให้อนาคตของเยาวราชถูกเปลี่ยนอีกครั้ง การปัดฝุ่นอาคารพาณิชย์ที่ร้างไร้ผู้คนถูกปรับให้พร้อมสำหรับการรองรับนักท่องเที่ยว และมีความเป็นไปได้ว่า ในอนาคตกลุ่มนักธุรกิจในย่านเก่าแห่งนี้อาจเป็นทุนนอกที่ได้กลิ่นอันหอมหวานของเยาวราช เฉกเช่นที่เคยเกิดขึ้นที่อำเภอเมืองปาย หรือเชียงคาน
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA เผยว่า เมื่อมีการพัฒนาโครงการขึ้นมา การซื้อขายราคาตลาดจะสูงถึง 1.8-1.9 ล้านบาทต่อตารางวา
สาเหตุที่ราคาที่ดินย่านนี้กลับมาสูงขึ้นนั้น เป็นเพราะแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่เปิดให้บริการไปแล้ว และย่านนี้มีถึง 2 สถานี คือ สถานีสามยอดและสถานีวัดมังกร ยิ่งจะทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น อีกทั้งมีการนำที่ดินผืนเก่าออกมาพัฒนาในรูปแบบมิกซ์ยูส คือ I’m Chinatown สไตล์ Modern Chinese อยู่บริเวณหัวมุมถนนผดุงด้าว ที่นับว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของย่านนี้ในรอบ 30 ปี มีมูลค่าราว 3,000 ล้านบาท พื้นที่ขนาด 40,000 ตารางเมตร เป็นโครงการที่บริการครบวงจรรายแรกและรายเดียวในย่านเยาวราช ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ศูนย์การค้าแต่ยังมีโรงแรม “อาศัย” (ASAI) โรงแรมแนวคิดใหม่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างเครือดุสิตและคอนโดมิเนียมที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมที่ขายหมดแล้ว เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัยด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานศิลปะดั้งเดิมของตึก หรือสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่อดีตหวังดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในย่านนี้มากขึ้น จากที่ก่อนหน้าจะมีเฉพาะบูติกโฮเต็ล ส่วนคอนโดมิเนียมจะอยู่ถัดออกมาทางย่านสามย่านและหัวลำโพง
การเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในย่านเยาวราช เกิดจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคือ รถไฟฟ้าเส้นทางส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่เยาวราชเท่านั้นที่กำลังจะถูกเปลี่ยนหน้า ทว่าทุกพื้นที่ตลอดแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน กำลังได้รับการพัฒนา
อีกหนึ่งพื้นที่ที่กำลังจะถูกเปลี่ยนแปลง นั่นคือ เวิ้งนาครเขษม บนพื้นที่ 14 ไร่ ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี โดยชุมชนเดิมแห่งนี้จะถูกพัฒนาให้เป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ในอนาคต และอีกแปลงคือหัวมุมวัดตึกที่กลุ่มสิริวัฒนภักดีจะพัฒนาตึกแถวเก่าให้เป็นอาคารพาณิชย์ที่ทันสมัยขึ้นจำนวน 58 คูหา
รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะเป็นตัวแปรสำคัญให้ย่านเก่าแก่และเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างเยาวราชเปลี่ยนไป และเหมือนว่าอานิสงส์การมาถึงของรางเหล็กที่รองรับรถไฟฟ้า จะแผ่ขยายไปยังพื้นที่โดยรอบด้วยเช่น เวิ้งนาครเขษม เจริญกรุง เสือป่า
แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือชุมชนเก่าที่ยังคงยืนหยัดบนสัมมาชีพที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจะต้านทานอิทธิพลความเปลี่ยนแปลงนี้ได้หรือไม่ หรือสุดท้ายแล้วเงินทุนที่เข้ามาจะทำให้มนต์เสน่ห์ของย่านเก่าถูกลบภาพจำในอดีตและแทนที่ด้วยสีสันและความคึกคัก