นอน: ชะลอวัยได้ดีที่สุด

 

 

ผลการศึกษาพบว่า การอดนอนทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นเร็วขึ้นจริง ผลที่เห็นได้ชัดที่สุดและเป็นที่รู้กันมานานแล้ว คือ เมื่ออดนอน คุณมีขอบตาดำคล้ำอย่างที่เรียกกันสนุกปากว่า “ตาหมีแพนด้า” หรือมีอาการบวม หรือผิวมีรอยย่น การศึกษาทำโดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างผู้หญิง 60 คนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้อดนอน ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งได้นอนเต็มอิ่ม ปรากฏว่ากลุ่มหลังมีคุณภาพผิวดีขึ้นร้อยละ 100 ขณะที่กลุ่มอดนอนมีผิวเหี่ยวย่นมากขึ้น ยืดหยุ่นน้อยลง และผิวไม่เรียบ

 

ปกติแล้ว ขณะที่คุณนอนพักผ่อนในเวลากลางคืน ผิวหนังจะมีการเปลี่ยนแปลงด้วยการเข้าสู่กระบวนการผลัดผิวใหม่ ทำให้มีเลือดไหลเวียนมาหล่อเลี้ยงมากขึ้น ร่างกายผลิตน้ำมันน้อยลง และมีการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอที่เกิดขึ้นในช่วงเวลากลางวัน 

 

ดังนั้น จงอย่าพลาดโอกาสในการนอนให้เต็มอิ่ม เพื่อบำรุงผิวพรรณและชะลอวัยทุกคืน !

 

แม้รู้กันดีและรู้มานานแล้วว่า การออกกำลังกายมีคุณกับร่างกายอย่างเอกอุ กระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ ก็ยังออกประกาศแนะนำว่า ให้ชาวอเมริกันทุกคนออกกำลังกายระดับปานกลางให้ได้สัปดาห์ละ 150 นาทีเป็นอย่างน้อย

 

เมื่อคุณมีอายุมากขึ้น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น ด้วยการป้องกันการเป็นโรคความดันโลหิตสูง ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด และโรคเกี่ยวกับสมอง

 

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสมอง เพราะทำให้มีเลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น สารสื่อประสาทสื่อสารกันได้ดีขึ้น ทำให้อารมณ์แจ่มใส ป้องกันการเกิดภาวะซึมเศร้า ทำให้ความจำและการเรียนรู้ดีขึ้น ที่สำคัญคือ เพิ่มความหนาแน่นของมวลสมอง 

 

การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างพลังสมองได้ตลอดชีวิตเลยทีเดียว

 

การทดลองของผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่า หากให้ผู้เป็นโรคนอนไม่หลับ ใช้ถุงประคบเย็นประคบที่ศีรษะ พวกเขาจะหลับได้เร็วกว่าผู้ไม่เคยมีปัญหาการนอนหลับด้วยซ้ำ

 

ที่เป็นอย่างนี้เพราะถุงประคบเย็นทำให้สมองส่วนที่เรียกว่า “คอร์เท็กซ์กลีบหน้าผากส่วนหน้า” (prefrontal cortex) ทำงานช้าลง ตามปกติแล้ว เมื่อคุณเข้านอน สมองส่วนนี้จะทำงานช้าลงโดยอัตโนมัติ แต่ในกรณีผู้เป็นโรคนอนไม่หลับ สมองส่วนนี้กลับทำงานมากขึ้น ดังนั้น จึงต้องประคบเย็นเพื่อให้สมองทำงานช้าลง

 

นักวิทยาศาสตร์รู้มาระยะหนึ่งแล้วว่า น้ำบีทรูทช่วยลดความดันโลหิตได้ เพราะมีไนเตรทที่ช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว แต่การวิจัยครั้งล่าสุดระบุแน่ชัดว่า น้ำบีทรูทช่วยลดความดันโลหิตได้เร็วมาก โดยน้ำบีทรูทหนึ่งแก้วขนาด 250 มิลลิลิตร ลดความดันโลหิตได้ 10 มิลลิเมตรปรอทในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง และยังคงออกฤทธิ์ได้ตลอดทั้งวันด้วย

 

Julie Dargan แห่ง Juice Master Australia แนะนำว่า ดื่มน้ำน้ำบีทรูทเพียวๆ อาจมีรสชาติไม่ถูกปากนัก “ให้ผสมกับน้ำสับปะรดหรือน้ำแอปเปิล จะช่วยให้รสชาติดีขึ้นและดื่มได้ง่ายขึ้น”

 

ส่วนประกอบของโรสแมรีที่เรียกว่า 1,8 – cineole หรือยูคาลิปตอล ทำให้อัตราการสลายตัวของสารสื่อประสาทอะซิติลโคลีนเกิดขึ้นช้าลง ซึ่งช่วยทำให้คุณมีความจำดีขึ้น

 

การทดลองที่มหาวิทยาลัยนอร์ทอัมเบรีย ประเทศอังกฤษ ยืนยันได้ด้วยการให้กลุ่มตัวอย่างนั่งในห้องที่มีกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยโรสแมรีนาน 10 นาที ปรากฏว่าพวกเขามีความจำเกี่ยวกับอนาคตดีขึ้น (เช่น จำได้ว่าต้องส่งบัตรอวยพรวันเกิดให้คุณป้า)

 

ผลการศึกษาของสเปนระบุว่า เมื่อให้กลุ่มตัวอย่างดื่มน้ำแตงโมก่อนออกกำลังกาย พวกเขาไม่มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายแต่อย่างใด ผิดกับกลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับยาหลอกคือเครื่องดื่มที่ไม่คิดว่าเป็นน้ำแตงโม พวกเขากลับมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย

 

ศาสตราจารย์ Encarnita Aguayo ผู้ทำการทดลองครั้งนี้อธิบายว่า น้ำแตงโมมีกรดอะมิโน L– citrulline ซึ่งช่วยเร่งให้กล้ามเนื้อปล่อยกรดแลคติกออกมา ทำให้ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายได้

 

นอกจากนี้ เมื่อร่างกายเปลี่ยนกรดอะมิโน L– citrulline เป็นกรดอะมิโน L– arginine แล้ว จะมีบทบาทสำคัญมากในการควบคุมระดับความดันโลหิตของคุณ  

 

ฟังดูน่าประหลาดใจ แต่เป็นเรื่องจริง ที่นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโบนาเวนเจอร์ รัฐนิวยอร์กพบว่า การได้วาดรูปขนมหวานหรืออาหารไขมันสูง ทำให้ผู้วาดรู้สึกมีความสุขมากขึ้น อาจเป็นเพราะการวาดรูปอาหาร เข้าไปกระตุ้นศูนย์ความพอใจของสมอง 

 

แต่คำอธิบายกระจ่างชัดที่สุดเกี่ยวกับผลการศึกษาชิ้นนี้ คือ การวาดรูปไม่ทำให้พวกเขารู้สึกหิวมากขึ้น หากแต่ช่วยลดความอยากอาหารได้ด้วยการทำให้คุณรู้สึกเบิกบานใจ

 

เป็นคำแนะนำจากนักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบว่า เราจดจำและนึกข้อมูลใหม่ๆ ที่เพิ่งเรียนรู้ในวันก่อนได้ดีขึ้น ถ้าเลือกจำช่วงก่อนเข้านอนแทนช่วงเวลาอื่น 

 

นั่นเป็นเพราะสมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ในการรวบรวมข้อมูลที่ป้อนให้ในช่วงก่อนคุณผล็อยหลับไป

 

Melanie McGrice นักกำหนดอาหารให้คำแนะนำว่า เมื่อคุณเกิดอาการคลื่นเหียนเพราะเมารถ ยาแก้เมารถคงช่วยไม่ได้แน่หากเกิดอาการนั้นขึ้นแล้ว 

 

“แต่การรับประทานอะไรก็ได้ที่มีส่วนผสมของขิงอาจช่วยได้ เพราะขิงช่วยแก้อาการคลื่นเหียนได้อย่างชะงัด อาจอธิบายสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ แต่เป็นไปได้ว่า gingerol ซึ่งเป็นสารที่พบในขิง เข้าไปยับยั้งไม่ให้ร่างกายปล่อยสารเคมีที่ก่อให้เกิดอาการคลื่นเหียน”

 

และถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถหาขิงมาช่วยบรรเทาอาการได้ … อย่ากังวล … การทดลองในอังกฤษบ่งชี้ว่า หากคุณหายใจเข้าและออกอย่างช้าๆ และลึก จะช่วยลดอาการคลื่นเหียนได้เช่นกัน

 

แต่ไม่ได้หมายความให้คุณเลิกดื่มเครื่องดื่ม นักวิจัยหมายถึงเครื่องดื่มที่มีอุณหภูมิตั้งแต่ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไปต่างหาก พวกเขาพบว่า ชาวอิหร่านและอเมริกาใต้ ผู้ซึ่งนิยมดื่มเครื่องดื่มร้อนจัด มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำคอสูงขึ้น

 

ทฤษฎีที่อธิบายกรณีนี้คือ ความร้อนก่อให้เกิดอาการอักเสบที่บริเวณลำคอ ซึ่งเชื่อมโยงกับการเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งนั่นเอง

 

 

เรียบเรียง: ดรุณี แซ่ลิ่ว