Column: AYUBOWAN
แม้ว่าศรีลังกาจะประกาศและได้รับสถานะการเป็นรัฐเอกราชที่พ้นจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1948 หากแต่ร่องรอยจากอิทธิพลทางการค้าที่เป็นมรดกตกทอดมาจากยุคอาณานิคมที่ยาวนานกลับหยั่งรากลึกและขยายโอกาสครอบคลุมองคาพยพทางธุรกิจและเศรษฐกิจของศรีลังกาอย่างไม่อาจเลี่ยง
ภาพแห่งความจำเริญที่ดำเนินไปภายใต้กรอบโครงของอดีตบรรษัทที่ประกอบการโดยนักธุรกิจชาวอังกฤษในครั้งกาลเก่า ไม่เพียงแต่ปรากฏให้เห็นอดีตที่รุ่งเรือง แต่กำลังผลักดันศรีลังกายุคใหม่ให้ก้าวหน้าไปไกลอีกด้วย
มรดกของบรรษัทจากอังกฤษในอดีตที่ยังปรากฏให้เห็น และขยายตัวครอบครองบริบททางธุรกิจของศรีลังกาอย่างกว้างขวางและทรงพลังที่สุดในห้วงยามปัจจุบัน คงไม่มีองค์กรใดจะโดดเด่นเท่ากับความเป็นไปของ John Keells Holdings ที่แผ่ขยายกิ่งก้านสาขาทางธุรกิจปกคลุมพื้นที่ตั้งแต่กิจการโรงแรม พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โลจิสติกส์และขนส่ง มาจนถึงอุตสาหกรรมการผลิตอาหารเครื่องดื่ม เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ต ไปจนถึงการให้บริการด้านสารสนเทศและการเงิน
เรียกได้ว่ามีธุรกิจครอบคลุมวิถีชีวิตเกือบจะทุกระนาบของสังคมศรีลังกาเลยทีเดียวก็ว่าได้ ยังไม่นับรวมการเป็นบรรษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ศรีลังกา ที่มีมูลค่าการตลาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งและยังจดทะเบียนซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ลักเซมเบิร์ก (1994) ซึ่งนับเป็นองค์กรธุรกิจจากศรีลังการายแรกที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ
ประวัติความเป็นมาของ John Keells Holdings หรือ JKH เริ่มต้นขึ้นในปี 1870 จากนักธุรกิจสองพี่น้องชาวอังกฤษ Edwin และ George John ริเริ่มจัดตั้งบริษัทผู้แทนการค้าและโบรกเกอร์ในนาม E.John & Co. เพื่อดำเนินการเป็นผู้แทนการค้าชาและส่งออกชาจากดินแดนอาณานิคมไปยังตลาดโลก
ธุรกิจของ E.John & Co. เติบโตไปพร้อมกับการดำเนินไปของทั้งอาณานิคมอังกฤษและกิจการชาในดินแดนแห่งนี้ กระทั่งในปี 1948 เมื่อศรีลังกาได้รับเอกราช E.John & Co. ก็เติบโตรุกเข้าหาโอกาสใหม่ๆ ด้วยการควบรวมกิจการกับ 2 บริษัทโบรกเกอร์ (William Jas and Hy Thompson & Co และ GeoWhite & Co.) ที่มีฐานอยู่ในลอนดอน จัดตั้งเป็นบริษัท E. John, Thompson, White & Co. Ltd.
โอกาสทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในยุคหลังอาณานิคมเปิดช่องทางให้ บริษัท E. John, Thompson, White & Co. Ltd. เติบโตและขยายกิจการออกไปอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษ 1950-1960 แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้องค์กรธุรกิจแห่งนี้กลายเป็นประหนึ่งสัญลักษณ์และตัวแทนของธุรกิจเอกชนชั้นนำของศรีลังกา เกิดขึ้นเมื่อหน่วยธุรกิจที่ลงหลักปักฐานอยู่ในโคลัมโบมาอย่างยาวนานในนาม Keell & Waldock Ltd, ถูกผนวกเข้ามา และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชื่อเป็น John Keell Thompson White Ltd.
การเปลี่ยนแปลงของศรีลังกามาสู่การเป็นสาธารณรัฐในช่วงปี 1972 และการเปิดรับระบบการค้าเสรีแทนการผูกขาดโดยกลไกรัฐนับตั้งแต่ช่วงปลายของทศวรรษ 1970 เป็นประหนึ่งปัจจัยเร่งและกระตุ้นเร้าให้อาณาจักรธุรกิจของ JKH ขยายตัวออกไปอย่างไร้ขีดจำกัด
การเติบโตขึ้นของธุรกิจท่องเที่ยวศรีลังกา ที่มีนัยความหมายประหนึ่งแหล่งรายได้ที่จะหล่อเลี้ยงภาพรวมเศรษฐกิจของสาธารณรัฐ กลายเป็นโอกาสที่เปิดกว้างในการลงทุน ซึ่ง JKH ไม่รีรอหรือปล่อยโอกาสให้หลุดมือ หากแต่เข้าครอบครองสัดส่วนการถือหุ้นใน Walkers Tours & Travels ผู้ประกอบการท่องเที่ยวชั้นนำของศรีลังกาในขณะนั้นเข้ามาประกอบส่วนในการสร้างอาณาจักรธุรกิจที่ยิ่งใหญ่เมื่อปี 1973
ในปีต่อมา (1974) บรรษัทธุรกิจในนาม John Keell Thompson White Ltd. จดทะเบียนเป็นบรรษัทมหาชนพร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่เหลือเพียง John Keells PLC และเป็นการเริ่มต้นประวัติศาสตร์ยุคใหม่ขององค์กรธุรกิจที่ขยายตัวและมีแขนงธุรกิจกว้างไกลในเวลาต่อมา
จังหวะและโอกาสใหม่ของ JKH เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อตลาดหลักทรัพย์ศรีลังกาในนาม Colombo Stock Exchange (CSE) ถือกำเนิดขึ้นในปี 1985 และนำไปสู่การปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์และโครงสร้างทางธุรกิจโดยรวมของศรีลังกาไปโดยปริยาย โดยในปี 1986 องค์กรธุรกิจในนาม John Keells Holdings Ltd. (JKH) ก็ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อสวมทับองคาพยพทั้งหมดของ John Keells PLC และเข้าจดทะเบียนใน CSE ท่ามกลางความต้องการจองซื้อหุ้นเกินกว่าจำนวนที่จัดสรรไว้อย่างล้นหลาม
นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา JKH ได้ขยายธุรกิจรุกคืบไปในเกือบจะทุกสาขาโดยเฉพาะสันทนาการ ท่องเที่ยวและโรงแรม ภายใต้ธงนำในชื่อ Cinnamon Hotels & Resorts ซึ่งไม่เพียงเฉพาะครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของศรีลังกาเท่านั้น หากยังขยายไปสู่มัลดีฟส์ และการรุกทำตลาดจัดการการท่องเที่ยวอย่างครบวงจร (Destination Management Company: DMC) ไปพร้อมกันด้วย
นอกจากนี้ JKH ยังรุกเข้าจัดตั้งสถาบันการเงินนาม Nations Trust Bank ในปี 1999 ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการเพิ่มเครื่องมือและสูตรสำเร็จในการขยายองคาพยพทางธุรกิจให้ครอบคลุมรอบด้านสำหรับกิจกรรมอื่นๆ ที่จะตามมาในอนาคตด้วย
ความสำเร็จของ JKH ในการขยายอาณาจักรธุรกิจที่มีรายได้รวมกว่าปีละ 1 แสนล้านศรีลังการูปี ทั้งจากธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ มีสัดส่วนร้อยละ 20 ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมมีสัดส่วนร้อยละ 23 ธุรกิจการเงินการธนาคารสัดส่วนร้อยละ 14 โดยมีธุรกิจอาหารเครื่องดื่มและค้าปลีกมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 30 สะท้อนโอกาสและการขยายตัวของ JKH ในอนาคตได้ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสการบริโภคและรูปแบบชีวิตใหม่ๆ ที่สังคมศรีลังกากำลังปลูกสร้างขึ้น
Susantha Ratnayake ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ JKH ซึ่งใช้ชีวิตการทำงานกับ JKH มานานกว่า 40 ปีและเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการชาแห่งชาติและประธานหอการค้าศรีลังกา ให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า แม้ JKH จะมีพื้นฐานและประวัติที่ยาวนาน แต่สำหรับบริบทใหม่ของศรีลังกาที่กำลังเปิดกว้างรองรับการขยายตัวเข้ามาของผู้ประกอบจากภายนอกและผู้ประกอบการรายใหม่ที่เป็นผลผลิตของสังคมศรีลังกา JKH ไม่สามารถยึดโยงกับแบบแผนปฏิบัติหรือความสำเร็จในอดีตครั้งเก่าได้อีกแล้ว
หากนี่คือช่วงจังหวะเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงและสร้างสำนึกใหม่เพื่อก้าวเดินต่อไปข้างหน้าในฐานะช้างใหญ่ที่จะก้าวย่างเดินนำขบวนแถวในสังคมธุรกิจที่มีผลกระทบเกี่ยวเนื่องกับผู้คนแวดล้อมกว้างขวางมากขึ้นนี้ ก่อนที่จะถูกทิ้งร้างไว้เบื้องหลังในฐานะคนแคระที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ทันกับสถานการณ์
เป็นบทสัมภาษณ์ที่ทั้งกระตุ้นเตือนคนรุ่นใหม่ในสังคมศรีลังกาและบอกกล่าวการเป็นเสาหลักทางธุรกิจของ JKH ในห้วงยามแห่งการเปลี่ยนแปลงที่กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็วของศรีลังกานี้ได้อย่างลงตัวและมีนัยความหมายชวนให้คิดไม่น้อยเลย