ทิศทางของกราฟตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2565 และการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจนถึงปีปัจจุบันยังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ายังไม่กลับมาเทียบเท่าช่วงก่อนโควิด
ทว่า ผู้ประกอบการธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่างเห็นพ้องต้องกัน เมื่อตัวเลขรายได้และผลประกอบการมีทิศทางเป็นบวก บางรายกล้าพูดได้ว่าสถานการณ์ของธุรกิจกลับมาเทียบเท่าหรือเกือบเทียบเท่าช่วงก่อนโควิด
เช่นเดียวกับ บมจ. แกรนด์ แอสเสท โฮเทลล์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ ที่คาดการณ์รายได้ในปี 2566 ไว้ว่า จะฟื้นตัวเทียบเท่าปี 2562 หากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีเป็นไปอย่างที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดการณ์ไว้ว่า จะมีนักท่องเที่ยวในปี 2566 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 25 ล้านคน หรือคิดเป็น 62 เปอร์เซ็นต์ของปี 2562
โดย วิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า “ปี 2566 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวม 6,000 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรม 3,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่บริษัทลงทุนเอง 1,000 ล้านบาท และโครงการร่วมทุน 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากทั้งสองธุรกิจหลัก ส่งผลให้จะมีรายได้เป็น All-Time High หรือรายได้ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา”
ดังนั้น หากวิทวัส วิภากุล จะมองว่าปีนี้เป็นปีทองของแกรนด์ แอสเสท ก็ดูจะไม่ผิดนัก “ปีนี้นับเป็นปีทองของบริษัท เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัว ทำให้ยอดขายและรายได้ของบริษัทกลับมาเติบโต ภาพรวมของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวดีขึ้น ทำให้เราเห็นว่าทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะสามารถ Turnaround ได้อย่างชัดเจน”
นอกจากการที่ไทยยังคงเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวเลือกเป็นอันดับต้นๆ ในการเดินทางครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิดแล้ว ปัจจัยอีกหลายอย่างที่ทำให้ผู้บริหารแกรนด์ แอสเสท มองว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจในห้วงยามนี้ นั่นคือ ทำเลที่ตั้งของโรงแรมในเครือ ได้แก่ Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit, The Westin Grande Sukhumvit, Royal Orchid Sheraton Hotels & Towers, Sheraton Hua Hin Resort & Spa และ Sheraton Hua Hin Pranburi Villas ที่นักท่องเที่ยวจะสามารถเดินทางได้สะดวก หลากหลายช่องทาง รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจ ผู้มาร่วมงานประชุม MICE
ขณะที่แกรนด์ แอสเสท ใช้เวลาช่วงที่ผ่านมาปรับปรุงส่วนต่างๆ ของโรงแรม เพื่อปรับลุคของสถานที่ให้ร่วมสมัยและดึงดูดใจกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่มากขึ้น ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังไทยเป็นกลุ่มที่มีอายุไม่มาก อยู่ในช่วงเริ่มต้นวัยทำงาน และมีความสามารถในการจับจ่ายมากขึ้น
อมรินทร์ นฤหล้า กรรมการ และกรรมการบริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กลุ่มนักท่องเที่ยวอายุน้อยลง น่าจะเป็นผลมาจากฐานรายได้ของคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น ทำให้กล้าที่จะใช้จ่ายมากกว่าคนรุ่นก่อน รวมถึงนักท่องเที่ยวสูงอายุที่เคยมาอาจยังมีความกังวลในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่า นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องปรับโฉมสถานที่ให้บริการของเราให้มีความทันสมัยกว่าเดิม
นอกจากการปรับปรุงพื้นที่เพื่อให้สอดรับกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป แกรนด์ แอสเสท ยังมีแนวนโยบายในการทำงานร่วมกับชุมชน ด้วยการนำผลผลิตที่ได้จากชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงการนำผลิตภัณฑ์จากชุมชนมาเป็นของที่ระลึกเพื่อจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งช่วยให้คนในพื้นที่มีรายได้ และสร้างความภาคภูมิใจในสิ่งที่มี”
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2566 รายได้ธุรกิจโรงแรมและที่พักน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5-6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีมูลค่าประมาณ 3.8 แสนล้านบาท แต่การฟื้นตัวยังไม่ครอบคลุมทุกตลาด เนื่องจากนักท่องเที่ยวยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่กลับเข้าสู่ระดับปี 2562 ขณะเดียวกันการแข่งขันในธุรกิจโรงแรมและที่พักสูง ทำให้ผู้ประกอบการยังไม่สามารถปรับราคาห้องพักขึ้นได้มากนัก ประกอบกับผู้ประกอบการยังต้องใช้กลยุทธ์ด้านราคาในการกระตุ้นตลาดต่อเนื่อง ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการสร้างรายได้ อย่างไรก็ดี ทิศทางตลาดการจัดงานและการประชุมสัมมนาปรับตัวดีขึ้น จะช่วยหนุนรายได้ของผู้ประกอบการ
สำหรับโรงแรมและที่พักที่ฟื้นตัวดีจะเป็นกลุ่มระดับราคาเฉลี่ยไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน เช่น กลุ่ม Economy และ Middle Scale ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น ภูเขา อ่างเก็บน้ำ และชายทะเล ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบที่พัก Resort/Villa ที่พักชุมชน หรือที่พักที่มีลานกางเต็นท์ การท่องเที่ยวแบบแคมปิ้ง และมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำในที่พักและถ่ายภาพ ซึ่งสอดคล้องไปกับพฤติกรรมการท่องเที่ยว เนื่องจากกำลังซื้อ และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Young Traveler และเดินทางมาคนเดียว Solo Traveler ซึ่งมี Budget จำกัด
การตั้งเป้าตัวเลขรายได้ปีนี้ของแกรนด์ แอสเสท ที่ 6,000 ล้านบาท หากรวมกับแผนธุรกิจของบริษัทแม่อย่าง พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ที่ตั้งเป้าการรับรู้รายได้ไว้ที่ 16,000 ล้านบาท จะทำให้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท
โดย วสันต์ ศรีรัตนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) “ปีนี้เป็นปีแห่งรับรับรู้รายได้ โดยเฉพาะโครงการร่วมทุน ซึ่งปีก่อนเราลงทุนอย่างเดียว แต่ปีนี้สามารถเก็บเกี่ยวรายได้เต็มที่ รายได้จากโครงการร่วมทุนคิดเป็นสัดส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวม เป็นผลจากยอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง”
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ยังเตรียมขยายโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่เป็นจุดแข็งของบริษัท โดยจะเปิดโครงการบ้านแนวราบทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่า 16,700 ล้านบาท โดยจะทยอยเปิดตัวโครงการตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท สอดรับกับความต้องการของลูกค้าระดับกลางถึงระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง แผนงานดังกล่าวจะทำให้สัดส่วนยอดขายบ้านลักชัวรีของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เป็น 1 ใน 5 ของผู้นำตลาดบ้านระดับบน
หากพิจารณาแผนโครงการของทั้งแกรนด์ แอสเสท และพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค อาจได้เห็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรมแห่งนี้สยายปีกโชว์ศักยภาพอีกครั้ง และนั่นคงส่งผลให้อุตสาหกรรมอสังหาฯ ไทย มีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น.