วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
Home > Cover Story > บัตรกรุงไทยเดินหน้าเปิดตัวบัตรใหม่ พร้อมดัน MAAI by KTC ออกสู่ตลาด

บัตรกรุงไทยเดินหน้าเปิดตัวบัตรใหม่ พร้อมดัน MAAI by KTC ออกสู่ตลาด

ถือเป็นช่วง 4 เดือนแรกของปีที่คึกคักไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี ที่เดินหน้าธุรกิจด้วยการเปิดตัวบัตรใหม่อย่างต่อเนื่อง เจาะทุกกลุ่มลูกค้า พร้อมเร่งเครื่องโมเดลธุรกิจใหม่อย่าง MAAI by KTC ให้บริการลอยัลตี้ แพลตฟอร์มแบบครบวงจร

ต้นปีที่ผ่านมา เคทีซีประกาศแผนการดำเนินธุรกิจของปีนี้ โดยตั้งเป้าสร้างผลกำไรนิวไฮอีกครั้ง พร้อมดันพอร์ตให้เกินแสนล้านบาท ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. ออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง “MAAI by KTC” ลอยัลตี้ แพลตฟอร์มแบบครบวงจรสำหรับพันธมิตรธุรกิจ 2. ปรับเป้าพอร์ตสินเชื่อมีหลักประกัน “เคทีซี พี่เบิ้ม” เป็น 11,500 ล้านบาท และ 3. เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของธุรกิจบัตรเครดิต และขยายกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม ซึ่งล่าสุดเริ่มมีความเคลื่อนไหวต่างๆ ออกมาให้เห็นเป็นระยะ

เปิดตัวบัตรใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย

การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจบัตรเครดิตและการขยายกลุ่มลูกค้าสู่ระดับพรีเมียม คือหนึ่งในกลยุทธ์หลักของปีนี้ ดังนั้นตั้งแต่ต้นปีมา เราจึงเห็นเคทีซีทยอยเปิดตัวบัตรเครดิตรูปแบบใหม่ๆ เจาะกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป

เริ่มจากการเปิดตัว “บัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท-KTC JCB Ultimate” เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียม โดยจับมือกับ เจซีบี ประเทศไทย ซึ่งเป็นบัตรเครดิตรายแรกในประเทศที่ได้ออกบัตรเครดิตระดับสูง โดยกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่มีรายได้ 50,000 บาทขึ้นไป ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว ชอบร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง และนิยมชอปปิ้งออนไลน์ ตั้งเป้าปีแรกมีผู้สมัคร 5 หมื่นใบ และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร (Spending) ราว 2,300 ล้านบาท

ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บัตรกรุงไทย เปิดเผยว่า กลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าระดับบนที่มีรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาท/เดือนขึ้นไป เป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาเสริมพอร์ต และทำให้เคทีซีมีฐานลูกค้าที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มลูกค้าระดับบนมีกำลังซื้อสูง และมีพฤติกรรมจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง โดยใช้จ่ายเฉลี่ยมากกว่ากลุ่มลูกค้าทั่วไปราวๆ 1 เท่า หรือยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 20,000 บาท/เดือน เมื่อเทียบกับกลุ่มลูกค้าทั่วไปของเคทีซี ที่มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 10,000 บาท/เดือน

อีกทั้งยังทำให้พอร์ตบัตรเครดิตของเคทีซีมีคุณภาพดีขึ้น เพราะกลุ่มลูกค้าระดับบนมีความสามารถในการชำระหนี้และมีวินัยในการจับจ่ายใช้สอย ทำให้ประเด็นในส่วนของการผิดนัดชำระหนี้ไม่น่ากังวลมากนัก โดยในปีนี้เคทีซีตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าบัตรเครดิตระดับบนเพิ่มเป็น 35-40% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30%

สำหรับเคทีซีและเจซีบี ประเทศไทย ถือเป็นพันธมิตรกันมายาวนาน ที่ผ่านมามีการเปิดตัวบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี แพลทินัม เมื่อปี พ.ศ. 2549 ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยที่ชื่นชอบในความเป็นญี่ปุ่นเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีจำนวนบัตรทั้งสิ้น 200,000 ใบ

ส่วนบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่นั้น ก็ตรงกับกลยุทธ์การตลาดของเคทีซีในปีนี้ ที่เน้นการขยายฐานสมาชิกใหม่ไปยังกลุ่มระดับบนมากขึ้น ซึ่งสิทธิพิเศษที่นำมาจูงใจจะเน้นไปที่การรับคะแนน KTC FOREVER 2 เท่าเมื่อใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศทั่วโลก, บริการห้องรับรองรอยัล ซิลค์ เลาจน์ (Royal Silk Lounge) จำนวน 2 ครั้งต่อปี นอกเหนือจากสิทธิพิเศษกับบริการแอร์พอร์ต เลาจน์ ที่สนามบินในประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 28 แห่ง และเจซีบี พลาซ่า เลาจน์ (JCB Plaza Lounge) บริการห้องรับรองใน 9 ประเทศและบริการเลขาส่วนตัวผ่านเจซีบี พลาซ่า (JCB Plaza) ทั่วโลก และมอบประกันอุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ ด้วยวงเงินประกันคุ้มครองสูงสุด 20,000,000 บาท

หลังเปิดตัวบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท ไปไม่นาน เคทีซีเคลื่อนไหวต่อด้วยการผนึกกำลังกับ “อโกด้า” แพลตฟอร์มการท่องเที่ยว และ “มาสเตอร์การ์ด” บริษัทเทคโนโลยีด้านการชำระเงิน เปิดตัว “บัตรเครดิตเคทีซี-อโกด้า มาสเตอร์การ์ด” ตามมาติดๆ และถือเป็นบัตรเครดิตร่วม (Co-Branded Card) ใบแรกในเอเชียที่เน้นเรื่องสิทธิพิเศษด้านการท่องเที่ยว เพื่อตอบรับเทรนด์การท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว

สำหรับบัตรเครดิตเคทีซี-อโกด้า มาสเตอร์การ์ด จะเน้นมอบสิทธิพิเศษในการจองโรงแรม ห้องพัก บัตรโดยสารการบิน และบริการอื่นๆ ด้านการเดินทางท่องเที่ยว ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลของอโกด้า

ซึ่งนี่ไม่ใช่ความร่วมมือครั้งแรกระหว่างเคทีซีและอโกด้า เพราะตลอด 17 ปีที่ผ่านมา เคทีซีได้ออกแคมเปญพิเศษร่วมกับอโกด้ามามากกว่า 50 รายการ โดยในช่วงสถานการณ์ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ จะมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในการจองโรงแรมและที่พักผ่านอโกด้าเป็นอันดับต้นๆ ของหมวดท่องเที่ยว

อีกหนึ่งพันธมิตรอย่างมาสเตอร์การ์ดก็มีเทคโนโลยีด้านการชำระเงินที่ปลอดภัย เป็นที่มั่นใจของผู้บริโภค และมีเครือข่ายในกว่า 210 ประเทศ การร่วมมือของทั้ง 3 องค์กรจึงค่อนข้างจะลงตัว และถูกมองว่าจะเป็นตัวช่วยเร่งการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทย เพราะส่วนลดและสิทธิพิเศษของบัตรน่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้คนไทยต้องการออกเดินทางอีกครั้ง

สำหรับบัตรเครดิตเคทีซี-อโกด้า มาสเตอร์การ์ด ประกอบด้วย 3 ประเภทบัตร ได้แก่ 1. บัตรเครดิต เคทีซี เอ็กซ์-อโกด้า เวิลด์ รีวอร์ดส มาสเตอร์การ์ด 2. บัตรเครดิตเคทีซี-อโกด้า เวิลด์ รีวอร์ดส มาสเตอร์การ์ด และ 3. บัตรเครดิตเคทีซี-อโกด้า แพลทินัม มาสเตอร์การ์ด

ด้านสิทธิประโยชน์มีทั้งการได้รับส่วนลดในการจองโรงแรมและห้องพักทั่วโลก รับคะแนน KTC FOREVER เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร รวมถึงแลกคะแนนเป็น AgodaCash ได้อีกด้วย

ระเฑียรคาดว่าภายใน 5 ปี จะมีจำนวนสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี – อโกด้า มาสเตอร์การ์ดอยู่ที่ราวๆ 150,000 ใบ

เร่งเครื่องธุรกิจใหม่ “MAAI by KTC” ลอยัลตี้ แพลตฟอร์มครบวงจรแบบ B2B

นอกเหนือจากการเปิดตัวบัตรใหม่เพื่อขยายฐานสมาชิกแล้ว เคทีซียังรุกธุรกิจใหม่อย่าง MAAI by KTC หรือ “มาย” ออกสู่ตลาด หลังจากประกาศเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นบริการที่ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญในการทำระบบคะแนนสะสมและการทำการตลาดในการบริหารคะแนน KTC FOREVER ของเคทีซี

โดย MAAI by KTC เป็นการให้บริการในรูปแบบ B2B สำหรับพันธมิตรธุรกิจ ในการทำลอยัลตี้ แพลตฟอร์ม (Loyalty Platform) แบบพร้อมใช้และครบวงจร เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่าน CRM ในยุคดิจิทัล โดยเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันผ่าน Apple Store, Play Store และ Huawei Store ในชื่อ MAAI Application

ซึ่งมีโซลูชันที่สำคัญคือ 1. ระบบบริหารจัดการสมาชิก 2. ระบบบริหารจัดการคะแนน ให้บริการทั้งในกรณีที่ธุรกิจมีคะแนนสะสมของตนเอง (Native Point) หรือจะใช้ MAAI Point มาเป็นเครื่องมือในการทำ CRM รวมถึงใช้คะแนนกลางในการแลกเปลี่ยนกับคะแนนอื่นๆ ในกลุ่มพันธมิตรบน MAAI Platform ก็ได้

3. ระบบบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ในรูปแบบคูปองอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งแลกเป็น E-Coupon หรือแลกสินค้าในร้านค้าพันธมิตร

ความคืบหน้าล่าสุดจาก MAAI by KTC คือการประกาศจับมือกับพันธมิตรอย่าง “MAX Card” ในเครือพีทีจี เอ็นเนอยี ที่นับเป็นจุดเริ่มต้นของบริการใหม่และเป็นการสร้าง Eco System ของทั้งสององค์กร ที่มาด้วยคอนเซ็ปต์การตลาด “เมื่อ 1+1 ได้มากกว่า 2” โดยสมาชิกสามารถเลือกสะสม-โอน-แลก คะแนนระหว่าง MAX Point และ MAAI Point เพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าเดิม ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกพร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีในการแลกคะแนนให้กับสมาชิก และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิทัล

พร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด บริษัทในเครือพีทีจี เอ็นเนอยี กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพและจุดแข็งของทั้งสององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิก Max Card ที่ปัจจุบันมีกว่า 17 ล้านสมาชิกทั่วประเทศ และในปี 2565 นี้ เราตั้งเป้าขยายฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 19 ล้านสมาชิก ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาพบว่าสมาชิก Max Card ส่วนใหญ่มีการใช้บริการส่วนลดและแลกคะแนนสะสมอย่างสม่ำเสมอ เมื่อผสานเข้ากับ MAAI by KTC ที่มีความโดดเด่นด้านการสร้างสรรค์แพลตฟอร์มแบบพร้อมใช้ครบวงจรและมีฐานลูกค้าลอยัลตี้ที่แข็งแกร่งจะสามารถแบ่งปันและสร้างประสบการณ์พิเศษแก่ลูกค้า และทำให้ทั้งสององค์กรเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน”

ล่าสุดเคทีซีออกมาประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสแรก สามารถทำกำไรสุทธิไปได้ 1,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% จากงวดเดียวกันของปี 2564 ในขณะที่พอร์ตลูกหนี้รวมเพิ่มขึ้นทะลุ 90,208 ล้านบาท และมั่นใจว่าทุกธุรกิจหลักจะสามารถขยายตัวบรรลุตามเป้าที่คาดการณ์

นับเป็นความเคลื่อนไหวในช่วงแรกของปีที่น่าจับตาไม่น้อยเลยทีเดียว และเชื่อว่าช่วงเวลาหลังจากนี้ เราน่าจะได้เห็นความเคลื่อนไหวอื่นๆ จากเคทีซีตามมาอีกแน่นอน.

ใส่ความเห็น