ธุรกิจฟิตเนสกลับมาบูมอย่างแข็งแกร่งได้อีกครั้ง หลังพ้นวิกฤตปัญหาแบรนด์ยักษ์ใหญ่ลอยแพลูกค้า พร้อมๆ กับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่หันมาเน้นการออกกำลังกายตามไอดอลนักกีฬา ศิลปินนักร้อง เน้นรูปร่างที่สวยงามและการใช้ชีวิตอยู่ในตึกสูง ส่งผลให้เม็ดเงินในตลาดพลิกกลับมาเติบโตและมีแนวโน้มทะลุหลักหมื่นล้าน โดยมีแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศตบเท้าเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งอย่างดุเดือด
ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เวอร์จิ้น แอคทีฟ (Vergin Active) จากประเทศอังกฤษ เจ็ท ฟิตเนส (Jetts Fitness) จากประเทศออสเตรเลีย ฟิตเนส 24 เซเว่น (Fitness 24 Seven) จากประเทศสวีเดนที่มีสาขาทั่วสแกนดิเนเวีย และจาโตมิ ฟิตเนส จากประเทศโปแลนด์
ขณะเดียวกันยังมีฟิตเนสไทยรายใหญ่ที่เดินหน้าทุ่มงบลงทุนเปิดสาขายึดทำเลทองปลุกปั้นแบรนด์ เพื่อยกระดับการแข่งขันสู้ยักษ์ใหญ่ต่างชาติ ทั้งกลยุทธ์การสอนบวกไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ทีมโค้ช อุปกรณ์ออกกำลังกายและบริการ รวมถึงราคาและโปรโมชั่นต่างๆ อย่าง “วีฟิตเนส (WE Fitness)” ของวิชัย พูลวรลักษณ์ เจ้าของธุรกิจโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ซึ่งปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการทั้งสิ้น 7 แห่งในเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน สุขุมวิท-เอกมัย ปิ่นเกล้า เอสพลานาด รัชดา เอสพลานาด แคราย และ วี ซิกเนเจอร์ สาขาเจ อเวนิว ทองหล่อ และโรงแรม วี ราชเทวี
ประมาณกันว่า ตลาดฟิตเนสมีมูลค่าเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 9,000-10,000 ล้านบาท อัตราเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี แต่หากดูสัดส่วนสมาชิกฟิตเนสยังต่ำกว่า 2% ของประชากร ซึ่งจากข้อมูลของ International Health Racquet & Sports Club Association เคยระบุว่า คนไทยเล่นฟิตเนสในสัดส่วนน้อยมาก ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคนเอเชียที่เล่นฟิตเนสอยู่ที่ 8% โดยประเทศที่ประชากรเล่นฟิตเนสมากที่สุดในเอเชีย คือ สิงคโปร์มากกว่า 7% จากจำนวนประชากรทั้งหมด ตามด้วยฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน อินเดีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
นั่นทำให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ต่างเห็นโอกาสการขยายตัวอีกหลายเท่า
มาร์ค เอลเลียต บิวคานันท์ กรรมการบริหาร บริษัท ฟิตเนส เฟิรส์ท (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้นำตลาดที่มีจำนวนสาขาในประเทศไทยมากที่สุด 29 แห่ง กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจฟิตเนสยังมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะฟิตเนสคลับ หรือศูนย์ออกกำลังกายครบวงจรที่ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ได้หลากหลาย จนได้รับความนิยมสูงสุด แม้มียิมเฉพาะทางเปิดขึ้นจำนวนมากก็ตาม
สำหรับปีนี้ ฟิตเนส เฟิรส์ท เตรียมงบลงทุน 450 ล้านบาท ขยายสาขารวม 4 แห่ง และเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีก 1 แบรนด์ ได้แก่ เซเลบริตี้ ฟิตเนส (Celebrity Fitness) ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ในเครือ หลังจากบริษัทแม่ควบรวมกิจการกับเซเลบริตี้ ฟิตเนส เมื่อปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารงานของอีโวลูชันเวลเนส (Evolution Wellness) โดยตั้งเป้าหมายต้องการเป็นผู้นำในธุรกิจฟิตเนสที่มีเครือข่ายมากที่สุดในเอเชียและปีนี้จะเร่งขยายธุรกิจทั่วทุกภูมิภาคผ่านแบรนด์ฟิตเนส เฟิรส์ท และเซเลบริตี้ ฟิตเนส ซึ่งจับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบความสนุกสนาน
กลยุทธ์การขยายสาขาของฟิตเนส เฟิรส์ท จะเน้นการเปิดสาขาในศูนย์การค้าชั้นนำและอาคารสำนักงานที่มีศักยภาพสูง โดยเปิดสาขาล่าสุดในย่านพระราม 2 ซึ่งถือเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอก แหล่งที่อยู่อาศัย มหาวิทยาลัย และแหล่งธุรกิจ มีถนนตัดผ่านหลายสาย สามารถรองรับสมาชิกทั้งในย่านพระราม 2 ดาวคะนอง กาญจนาภิเษก และมหาชัย คาดว่าจะเพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่ 2,500 คนภายใน 1 ปี และมียอดการเช็กอินเฉพาะคลับสาขานี้ไม่น้อยกว่า 300,000 ครั้งต่อปี
ส่วนอีก 3 สาขา ได้แก่ คลับ Zone Central World คลับเซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ และ Club ICON ที่ไอคอนสยาม
ทั้ง 4 สาขาเป็นโมเดลใหม่ที่พรีเมียมมากขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง กลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเพิ่มเมมเบอร์ เลาจน์ พื้นที่พักผ่อนหลังการออกกำลังกายและนั่งทำงานแบบ co-working space
ด้านเวอร์จิ้น แอ็คทีฟของกลุ่มเวอร์จิ้น กรุ๊ป หนึ่งในผู้นำด้านสถานออกกำลังกายเพื่อสุขภาพในโลกที่มีสมาชิกกว่า 1.4 ล้านคน จาก 240 คลับ 4 ทวีปทั่วโลก กำลังเร่งเจาะตลาดในประเทศหลัก ได้แก่ แอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน โปรตุเกส ออสเตรเลีย นามิเบีย บอตสวานา สิงคโปร์ และประเทศไทย
เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ เข้ามาบุกเบิกธุรกิจในไทยเมื่อปี 2557 และล่าสุดผุดสาขารวม 7 แห่ง โดยยึดทำเลทองแหล่งรวมกลุ่มเป้าหมายกำลังซื้อสูงทั้งสิ้น ได้แก่ เอ็มไพร์ ทาวเวอร์ เอ็มควอร์เทียร์ เซ็นทรัล พลาซ่า เวสต์เกต สยามดิสคัฟเวอรี่ อาคารไวร์เลสโรด เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ และเพิ่งเปิดสาขานอกกรุงเทพฯ ที่เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นคลับแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มี Boxing Studio หรือสตูดิโอชกมวยโดยเฉพาะ และยังตั้งป้าหมายขยายเพิ่มอีก 15 สาขาภายใน 5 ปีข้างหน้า
ขณะที่อีก 2 แบรนด์ใหม่จากต่างชาติที่กำลังเร่งสร้างฐานลูกค้า รายแรก คือ เจ็ทส์ 24 ฮาวเออร์ฟิตเนส (Jetts 24 hours fitness) ของบริษัท ฟิตเนสและไลฟ์สไตล์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเครือข่ายฟิตเนสจากประเทศออสเตรเลีย มีสาขามากกว่า 250 แห่งในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอังกฤษ โดยบริษัทแม่ประกาศเป้าหมายเปิดสาขา 15 แห่งภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันเปิดแล้ว 7 สาขา ได้แก่ สวนเพลินมาร์เก็ต พระราม 4 เดอะซีน ทาวน์อินทาวน์ นวมินทร์ซิตี้อะเวนิว (เกษตร-นวมินทร์) สเตเดี้ยมวัน The Phyll (BTS อ่อนนุช) สีลมคอนเนค และเดอะสตรีท รวมทั้งวางแผนระยะยาวขยายสาขาครบ 100 แห่งในอีก 5 ปีข้างหน้า เน้นขยายสาขาตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดินบนดิน ซึ่งมีชุมชนหนาแน่น และเน้นโมเดลขนาดเล็ก พื้นที่เฉลี่ย 750 ตารางเมตร เงินลงทุนประมาณ 30 ล้านบาทต่อสาขา
จุดเด่นสำคัญของเจ็ทส์ฯ คือ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับกับกลุ่มเป้าหมายที่มีเวลาการทำงานในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน เช่น หมอ พยาบาล ตำรวจ และกลุ่มฟรีแลนซ์ ชูจุดขายเรื่องราคาค่าใช้บริการที่ไม่สูงมาก และสมาชิกสามารถใช้บริการในเครือข่ายสาขาต่างประเทศได้
เช่นเดียวกับอีกค่าย “ฟิตเนส 24 เซเว่น (Fitness 24 Seven)” จากประเทศสวีเดน ซึ่งถือเป็นเครือข่ายฟิตเนสที่เติบโตเร็วที่สุดของสแกนดิเนเวีย เน้นการให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และสมาชิกสามารถใช้บริการในทุกสาขาของเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นในไทย สวีเดน ฟินแลนด์ โปแลนด์ และโคลัมเบีย จำนวน 250 สาขา โดยในไทยเริ่มสาขาแรกในโครงการซัมเมอร์ฮิลล์ พระโขนง และมีแผนขยายครบ 10 สาขาภายในสิ้นปี 2561
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบจุดขายของธุรกิจฟิตเนสแต่ละค่ายอาจดูไม่แตกต่างกันมาก แต่การแข่งขันที่รุนแรงทำให้บางแห่งต้องหันมาจับมือกัน เพื่อเสริมจุดเด่นด้านบริการที่ครบวงจรและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายแบบ 360 องศา เช่น การจับมือระหว่าง เบส (BASE) และฟิซีค 57 (Physique 57) เพื่อปลุกสตูดิโอแห่งใหม่ในไลฟ์สไตล์ เวิร์กสเปซ “โกลว์ฟิช ออฟฟิศ (Glowfish Offices)” สาขาสาทร โดยการสร้างคลาสที่ผสานจุดแข็งการออกกำลังกายของทั้ง 2 ค่าย
ด้านหนึ่ง “เบส” มีจุดแข็งเน้นการออกกำลังกายแบบเข้มข้นสูง หรือ HIIT (High Intensity Interval Training) เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกาย การฝึกหัวใจและหลอดเลือด เพื่อช่วยเผาผลาญไขมัน เพิ่มสมรรถนะในการออกกำลังกาย และสร้างกล้ามเนื้อ
อีกด้าน “ฟิซีค 57” เน้นการออกกำลังกายที่เรียกว่า Barre Exercise ดัดแปลงจากเทคนิคการใช้กล้ามเนื้อของนักบัลเลต์ เน้นการเบิร์นไขมันพร้อมสร้างกล้ามเนื้อให้เรียวสวยและเปลี่ยนรูปร่างให้เพรียวกระชับ
การจับมือกันจึงกลายเป็นจุดขายใหม่ผ่านแพ็กเกจร่วมกันให้ลูกค้าสามารถออกกำลังกายที่เบส 2 คลาส และฟิซีค 57 อีก 2 คลาสต่อสัปดาห์ ระยะเวลาโปรแกรม 8 สัปดาห์ ราคา 18,500 บาท โดยเชื่อว่าจะมีการขยายแพ็กเกจร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นกลยุทธ์การเจาะตลาดแนวใหม่ “วิน-วิน” ทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ
ที่สำคัญ เมื่อตลาดอยู่ในช่วงจังหวะการเติบโตและกำลังโดนเทรนด์คนรุ่นใหม่ ทั้งแบรนด์ยักษ์ใหญ่ต่างชาติและแบรนด์ไทยระดับไฮเอนด์คงไม่มีใครยอมเสียโอกาสทองช่วงชิงเม็ดเงินหมื่นล้านไปง่ายๆ แน่