เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับประโยค “โตชิบานำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” สโลแกนของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่น อย่าง “โตชิบา” (Toshiba) กันได้เป็นอย่างดี ด้วยความที่เข้ามาทำการตลาดในเมืองไทยมานานถึง 55 ปี
โตชิบาถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ญี่ปุ่นยุคแรกๆ ที่เข้ามาบุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในเมืองไทย ภายใต้บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2512 โดย คุณกร และท่านผู้หญิงนิรมล สุริยสัตย์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบริษัท โตชิบา คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น
โดยมีแบรนด์ญี่ปุ่นร่วมยุค อย่าง ซันโย, ชาร์ป, ไดกิ้น, พานาโซนิค และ ฮิตาชิ ซึ่งถือเป็นช่วงที่แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นได้รับความนิยมและเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของคนไทยเป็นอย่างมาก ก่อนที่ภายหลังแบรนด์จากเกาหลีใต้และจีนจะรุกคืบเข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาดมูลค่านับแสนล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น ซัมซุง, แอลจี รวมถึง Haier (ไฮเออร์) แบรนด์จากจีน ที่ปักหลักเข้ามาลงทุนในไทย ด้วยการทุ่มงบกว่า 13,400 ล้านบาท สร้างโรงงานสำหรับผลิตเครื่องปรับอากาศแห่งใหม่ไปหมาดๆ ซึ่งนับวันทั้งแบรนด์จากเกาหลีและจีนจะเข้ามาครองส่วนแบ่งในสินค้าหลายกลุ่มได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะกลบความนิยมของแบรนด์จากญี่ปุ่นลงไป
แน่นอนว่างานนี้ทีมอิฐแดงอย่างโตชิบาไม่อยู่เฉย หลังจากก่อนหน้านี้ได้ทำการปรับโครงสร้างของสินค้า โดยโฟกัสที่สินค้าระดับ Mid to High เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาความคุ้มค่าในระยะยาวแล้ว ล่าสุดยังประกาศเดินเครื่องเต็มสูบ โดยใช้ทั้งกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ (Product Strategy) ด้วยแผนเปิดตัวสินค้าใหม่มากถึง 53 รุ่น และกลยุทธ์การตลาดภายใต้คอนเซ็ปต์ “Japan Origin” ที่ชูความเป็นญี่ปุ่นมาสร้างการเติบโต พร้อมตั้งเป้าชิงบัลลังก์เบอร์ 1 ของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในประเทศไทยให้ได้ภายใน 3 ปี ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้นทุกวัน
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (ไม่รวมทีวี) ในประเทศไทยมีการเติบโตที่น่าสนใจ แม้จะเผชิญความท้าทายของเศรษฐกิจโลกก็ตาม เพราะตลาดรวมมีมูลค่าสูงถึง 83,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9% จากปี 2566 คิดเป็นจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้ากว่า 21 ล้านเครื่อง โต 4% โดยแบ่งประเภทสินค้าเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ (Major Appliance) เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าตลาดประมาณ 65,000 ล้านบาท เติบโต 11% จำนวนเครื่องประมาณ 5.6 ล้านเครื่อง เติบโตประมาณ 8% ปัจจัยหลักมาจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและการขยายตัวของเศรษฐกิจ ทำให้ตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศมีความต้องการสูง ในขณะที่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Appliance) อย่าง หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำอุ่น พัดลม มีมูลค่าตลาดประมาณ 18,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตทรงตัว และจำนวนเครื่องประมาณ 15.4 ล้านเครื่อง เติบโตประมาณ 3%
ในส่วนของโตชิบา ไทยแลนด์ พบว่าปีที่ผ่านมา ผลประกอบการรวมเติบโตสูงถึง 24% ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้มาก โดยกลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้สูงสุดให้แก่บริษัทฯ ได้แก่ สินค้ากลุ่มตู้เย็น มีอัตราการเติบโต 20% รองลงมาได้แก่กลุ่มเครื่องซักผ้า เติบโตถึง 39% ในขณะที่กลุ่มสินค้าอื่น เช่น กลุ่มเตาอบไมโครเวฟ เติบโต 21% กลุ่มสินค้าหม้อหุงข้าว และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เติบโต 10% กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับน้ำ อย่าง เครื่องทำน้ำอุ่นทรงตัว แม้โตชิบาจะไม่เติบโต แต่ภาพรวมตลาดติดลบเกิน 10% เนื่องจากอากาศไม่เอื้ออำนวย และกลุ่มสุดท้ายคือเครื่องปรับอากาศ เติบโต 82%
โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2567) โตชิบาสามารถรักษาอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) เฉลี่ย 5 ปี ได้ถึง 15% และมีส่วนแบ่งการตลาดติดอันดับทอป 3 ในเกือบทุกกลุ่มสินค้า โดยกลุ่มสินค้าไมโครเวฟ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยแชร์ 29% กลุ่มตู้เย็น อันดับ 2 ด้วยแชร์ 15.9% กลุ่มหม้อหุงข้าว อันดับ 2 ด้วยแชร์ 9% และกลุ่มเครื่องซักผ้า อันดับ 3 ด้วยแชร์ 11.1%
ปัจจัยที่ทำให้โตชิบาเติบโตได้ต่อเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างสินค้าจับกลุ่ม Mid to High นอกจากนี้ ยังมีการปรับดีไซน์ของสินค้าให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาโตชิบาโดดเด่นในเรื่องของคุณภาพ แต่เรื่องของดีไซน์อาจจะเป็นจุดอ่อนอยู่บ้าง ดังนั้น โตชิบาจึงตัดสินใจปรับดีไซน์ให้ดูทันสมัยและเด็กลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งในการดึงดูดผู้บริโภคได้
นอกจากนั้น ในปีที่ผ่านมาโตชิบายังมีการลงทุนในการสร้างแบรนด์เป็นอย่างมากเพื่อสร้างการรับรู้ในตลาด โดยดึงดาราหนุ่มอย่าง “หมาก- ปริญ สุภารัตน์” มาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งช่วยทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น อีกทั้งยังขยายฐานลูกค้ากลุ่มเดิมเข้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ และเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูสมาร์ท อบอุ่น และทันสมัยยิ่งขึ้นอีกด้วย
“ปี 2567 ที่ผ่านมา เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปีของการดำเนินธุรกิจของโตชิบา ไทยแลนด์ ซึ่งตลอดปีบริษัทฯ มีกิจกรรมการตลาดและแคมเปญที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้เราเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั้งลูกค้ากลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ได้เป็นอย่างดี ความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดทีมงานชาวอิฐแดงทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เปรียบเสมือนอิฐแต่ละก้อนที่รวมกันเป็นกำแพงที่แข็งแรง ปีนี้จะเป็นอีกปีที่เราต้องเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย แต่บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่น ‘นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต’ ให้กับคนไทย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ มาตรฐานประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการใช้งานของทุกคน วันนี้ภาพรวมธุรกิจของเราเด็กลง เราสู้มากขึ้น และแข็งแรงมากขึ้น” คำกล่าวของ กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด
สำหรับปี 2568 โตชิบาตั้งเป้ายอดขายเติบโตที่ 25% โดยจะเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 53 รุ่น แบ่งเป็น ตู้เย็น 11 รุ่น, เครื่องซักผ้า 19 รุ่น, กลุ่ม cooking 16 รุ่น, กลุ่มพัดลม เครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่ม 7 รุ่น โดยเน้นเจาะตลาดผู้ใช้กลุ่ม Mid to High ที่ให้ความสำคัญเรื่องดีไซน์ และคุณสมบัติสินค้ามากขึ้น จากปีที่แล้วที่เปิดตัวตู้เย็นซีรีส์ JapanDi สีขาวที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ปีนี้จะมีสินค้ากลุ่มอื่นที่ออกมาเป็นซีรีส์เดียวกันเพิ่มมากขึ้น ทั้ง ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้าฝาหน้า และเครื่องอบผ้า
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มอีกกว่า 500 แห่ง โดยเน้นขยายจุดวางสินค้ากลุ่มไฮเอนด์ รวมไปถึงการทุ่มเงินในการปรับโฉมร้านค้าให้สวยและทันสมัยขึ้น อีกทั้งยังเพิ่ม Experience Store ที่เน้นการโชว์สินค้ากลุ่ม Smart Solution เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้ามามีประสบการณ์การใช้งาน ณ จุดขาย และเพิ่มจำนวนและพัฒนาคุณภาพพนักงานขายหน้าร้าน เพื่อสามารถช่วยเหลือลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง
ในส่วนการตลาดมีการทุ่มเม็ดเงินจำนวนมากในการทำการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยมีแผนปล่อยหนังโฆษณาชุดใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Toshiba Japan Origin คราฟต์ที่ดีไซน์ ใส่ใจทุกดีเทล” โดยมีไอเดียจาก 5 จุดเด่นของความเป็นญี่ปุ่น คือ ดีไซน์ ดีเทล คุณภาพ ความไว้ใจได้ และนวัตกรรม การที่โตชิบาชูความเป็นญี่ปุ่นเพราะเชื่อว่า คนไทยยังคงชอบความเป็นญี่ปุ่นทั้งเรื่องของคุณภาพและใส่ใจในรายละเอียด และดีไซน์แบบญี่ปุ่นเป็นเทรนด์ที่ครองตลาดได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเผยแพร่โฆษณาดังกล่าวทั้งทางทีวี สื่อออนไลน์ รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน บิลบอร์ดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมไปถึงในออฟฟิศสำนักงาน รวมทั้งหมดกว่า 3,000 สกรีน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ประมาณ 90 สกรีนไปหลายเท่าตัว
ที่สำคัญปีนี้ยังมีการอัปเกรดแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยได้ “ทาคาชิ โซริมาจิ” พระเอกและนักแสดงชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาตอกย้ำภาพลักษณ์โตชิบา แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น โดยได้ปล่อยหนังโฆษณาชุดแรกทางโซเชียล และป้ายโฆษณาทั้งนอกและในสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงราย เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ตไปแล้วตั้งแต่ต้นปี ยังไม่นับรวมกิจกรรมโรดโชว์และโปรโมชันต่างๆ ที่โตชิบาวางแผนไว้ตลอดทั้งปีอีกด้วย
เรียกว่างานนี้โตชิบาเร่งเครื่องเต็มสูบจริงๆ แต่ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นทุกวัน การชิงบัลลังก์เบอร์ 1 ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของไทย แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย.