วันเสาร์, มกราคม 4, 2025
Home > Cover Story > 9 หุ้น IPO เรียงคิวเข้าตลาด เงินเทอร์โบ ดีไอวาย จีเอ็มเอ็มมิวสิค

9 หุ้น IPO เรียงคิวเข้าตลาด เงินเทอร์โบ ดีไอวาย จีเอ็มเอ็มมิวสิค

แม้ตลาดหุ้นไทยช่วงปี 2567 เจอมรสุมหลายรอบ แต่มีหุ้นไอพีโอน้องใหม่เรียงคิวลงสนามเทรด ทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) มากกว่า 40 บริษัท และในปี 2568 เบื้องต้นมีอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 26 บริษัท ทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)

ทั้งนี้ บริษัทที่ยื่นขอจดทะเบียน SET ล่าสุด จำนวน 9  บริษัท โดยผ่านขั้นตอน Approved ได้รับอนุญาตแบบคำขอให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่แล้ว 4 บริษัท และขั้นตอน Submitted หรือยื่นแบบ filing ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว 5 บริษัท

ส่วนตลาด mai มีเข้ามาแล้ว 17 บริษัท ผ่านขั้นตอน Approved จำนวน 5 บริษัท และ Submitted อีก 12 บริษัท

หากไล่เฉพาะ 9 บริษัทไอพีโอน้องใหม่ใน SET ล้วนเป็นธุรกิจของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ได้แก่ บริษัท อัลฟาแคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACPG หมวดธุรกิจ เงินทุนและหลักทรัพย์ ประกอบธุรกิจ Holding Company บริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (Non-Performing Loan : NPL) ที่มีหลักประกัน และธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (Non-Performing Asset : NPA)

บริษัท บุญถาวร รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BOON หมวดธุรกิจพาณิชย์ ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้ากระเบื้อง เครื่องสุขภัณฑ์ เครื่องครัว โคมไฟและอุปกรณ์ส่องสว่าง สินค้าอื่นๆ เกี่ยวกับบ้านและเฟอร์นิเจอร์แบบครบวงจร

บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO หมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ ประเภทสินเชื่อทะเบียนรถและสินเชื่อรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพ รวมถึงโฉนดที่ดิน ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และประกันชีวิต และธุรกิจจำหน่ายสินค้าเงินสดและเงินผ่อน ภายใต้ชื่อทางการค้า “เงินเทอร์โบ”

บริษัท วาย.เอส.เอส. (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ YSS หมวดธุรกิจยานยนต์ ประเภทวิจัยพัฒนา ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โช้กอัพ High Performance แบรนด์ YSS

บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MRDIYT หมวดธุรกิจพาณิชย์ เป็น Holding Company ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าประเภทอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์

บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATLAS หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค จำหน่ายก๊าซแอลพีจีให้ผู้ใช้ก๊าซภาคครัวเรือน ภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม

บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน) หรือ GMM หมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ ประกอบธุรกิจด้านเพลงโดยเฉพาะ (Music Pure Play) ตั้งแต่การคัดเลือกและพัฒนาศิลปิน การผลิตผลงานเพลง และการจัดงานคอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรี การบริหารค่ายเพลงและการทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ โดยเป็นบริษัทในกลุ่มบมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY)

บริษัท แมสเทค ลิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTEC หมวดธุรกิจวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร นำเข้าและจัดหาผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมเพื่อจำหน่าย 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่  ผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศ ผลิตภัณฑ์ป้องกันอัคคีภัย และผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม

บริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด (มหาชน) หรือ PTF หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ประเภทส่งออกผักและผลไม้สด เช่น ทุเรียน ลำไย มังคุด มะพร้าว ภายใต้ 23 ตราสินค้า บริการตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นและบริการพิธีการศุลกากรส่งออกและนำเข้าแบบครบวงจร

กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยปี 2568 คาดจะขึ้นไปอยู่ที่ 1,614 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจากโอกาสในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น รวมถึงการขยายตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจไทยที่จะหนุนให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนดีขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ กระแสการลงทุนที่โยกย้ายเข้ามาสู่ภูมิภาคอาเซียนจะเป็นอีกส่วนที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย สะท้อนจากตัวเลขการส่งออก การผลิต และการสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย โดยกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นจะช่วยสนับสนุนการประเมินมูลค่า (Valuation) ของตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ ปัญหาเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ยังต้องใช้เวลาฟื้นฟู เพราะทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง สงครามการค้า (Trade war) ที่เกิดจากนโยบายภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ และความเสี่ยงเรื่องความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ต้องติดตามต่อว่าจะลุกลามมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม นโยบายของทรัมป์ที่ไม่สนับสนุนสงครามนั้นเป็นสิ่งที่ดี

ส่วนแนวโน้มเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ หากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว การท่องเที่ยวกลับมาบวกกับการเติบโตของภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นจะเริ่มกลับมาและเทรนด์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน หรือ ESG (Environment, Social และ Governance) ซึ่งบริษัทในไทยดำเนินการด้าน ESG มากที่สุดในอาเซียนจะช่วยดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศมากขึ้น

สำหรับอุตสาหกรรม (sector) ที่น่าสนใจคาดตลาดหุ้นไทยยังคงเดินคู่ไปกับ sector เดิมๆ  เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว การแพทย์ (‎Medical) และกลุ่มอาหาร ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นได้ เมื่อไทยใช้เทคโนโลยีมาใช้ในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น เปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น โดยตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญกับปัญหาการขับเคลื่อนยังเป็นกลุ่มเดิมๆ เช่น กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มแบงก์ และกลุ่มยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

ดังนั้น บริษัทเอกชนไทยต้องปรับเปลี่ยนให้นักลงทุนต่างชาติมองว่าการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนจะเป็นธุรกิจแห่งอนาคตและตื่นตัวในเรื่อง “Go Green” มากขึ้น รวมถึงการขยายตลาดและออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะอัตราการเติบโตของตลาดต่างประเทศมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจดีกว่าตลาดในประเทศเพียงอย่างเดียว

ด้านศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้คาดการณ์ ปี 2568 จะเป็นปีที่ตลาดหุ้นโลกผันผวนมากขึ้นจากปัจจัยหลายด้าน โดยแนะนำให้ปรับพอร์ตการลงทุนมาเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้ประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น นโยบายลดภาษีนิติบุคคลและมียอดขายส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ กลุ่มธนาคารซึ่งมีแนวโน้มกำไรเพิ่มขึ้นจากส่วนต่างดอกเบี้ย (Interest Margin) และการลดกฎระเบียบในสถาบันการเงิน (Bank De-regulation) ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการปล่อยกู้ (Bank Lending Capacity) ในระยะข้างหน้า