วันเสาร์, มกราคม 4, 2025
Home > Cover Story > เคานต์ดาวน์หุ้น BOON ลุยตลาด จากร้านท่อประปาสู่กิจการหมื่นล้าน

เคานต์ดาวน์หุ้น BOON ลุยตลาด จากร้านท่อประปาสู่กิจการหมื่นล้าน

อาณาจักร “บุญถาวร” เริ่มต้นจากเด็กหนุ่มที่พลิกกิจการร้านขายท่อประปา กลายเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้ากระเบื้อง เครื่องสุขภัณฑ์ เครื่องครัว โคมไฟและเฟอร์นิเจอร์แบบครบวงจร ผ่านช่องทางสมัยใหม่ แต่ใช่ว่าทุกย่างก้าวจะง่ายดายโรยด้วยกลีบกุหลาบ

วิวัฒน์ ทยานุวัฒน์ หรือ “เฮียวัฒน์” ที่พนักงานเรียกขานกัน เป็นลูกชายคนโตในครอบครัวชาวจีน ซึ่งผู้เป็นพ่อ หรือ “แปะ” อยากให้ช่วยสานต่อกิจการมากกว่าคร่ำเคร่งเรียนหนังสือ แต่ปรากฏว่า เด็กหนุ่มมักใช้เวลาช่วงกลางคืนแอบอ่านหนังสือและรีบตื่นมาช่วยงานแปะก่อนไปโรงเรียน จนเข้าเรียนสายเป็นประจำ ซึ่งในที่สุด วิวัฒน์สามารถสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เมื่อเรียนจบ เขาตัดสินใจทิ้งกิจการของครอบครัวไปรับราชการเป็นนายช่างฝ่ายโยธา สังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตามความใฝ่ฝัน แต่เกิดจุดพลิกผัน เมื่อเพื่อนสมัยเรียนมัธยมศึกษาส่งข่าวด่วนว่า แปะต้องการให้กลับไปช่วยงานที่บ้าน ทำให้เขาต้องเบนเข็มลุยธุรกิจครอบครัวอีกครั้ง

ทว่า การกลับบ้านครั้งนี้ วิวัฒน์ใช้ความรู้ใหม่มาพัฒนาธุรกิจจากร้านค้าโชห่วยให้มีความทันสมัย ใช้ชื่อร้านว่าบริษัท บุญถาวรวัสดุภัณฑ์ จำกัด จัดการปรับพื้นที่ ติดแอร์ แบ่งโซนหมวดหมู่สินค้า มีการทำห้องตัวอย่างให้ลูกค้าสัมผัสได้จริงและขยายธุรกิจ จากเดิมขายเฉพาะท่อน้ำประปาเป็นหลัก เพิ่มไลน์สินค้าสุขภัณฑ์และกระเบื้อง สามารถขยายฐานลูกค้ามากขึ้น

ภาพจากวิดีโอ พรีเซนเทชัน วิวัฒน์ ทยานุวัฒน์ รางวัล วิศวจุฬาฯ ดีเด่น ครั้งที่ 10

ปี 2527 เถ้าแก่หนุ่มเริ่มมองหาช่องทางขยายธุรกิจและต้องการแยกตัวเองมาร่วมหุ้นกับเพื่อน โดยเปิดกิจการร้านวัสดุก่อสร้างครบวงจรในทำเลย่านรัชดาภิเษก ภายใต้ชื่อว่า บริษัท บุญถาวรเซรามิค (รัชดา) จำกัด ซึ่งช่วงนั้นเกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ เมื่อน้ำลด ผู้คนจำนวนมากต้องซ่อมแซมบ้านครั้งใหญ่ ทุกคนต่างมองหาร้านบุญถาวร เพราะมีการจัดแสดงสินค้าแบบต่างประเทศและใช้ระบบคอมพิวเตอร์ เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ

ช่วงปี 2535 หลังธุรกิจได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคจนพื้นที่บริการไม่เพียงพอ วิวัฒน์ร่วมทุนกับกลุ่มเพื่อน ตั้งบริษัท บุญถาวรเซรามิค (รังสิต) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 260 ล้านบาท และใช้ยุทธศาสตร์ “บุญถาวร 4 มุมเมือง” ขยายสาขาสู่ 4 มุมเมือง เริ่มจากสาขารังสิตในปี 2536 พร้อมสร้างโกดังจัดเก็บสินค้าขนาดใหญ่ ตามด้วยสาขาพุทธมณฑลในปี 2537 สาขาบางนา ในปี 2538 และสาขาพระราม 2 ในปี 2542 เน้นการกระจายตัวเข้าสู่ชุมชนเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการเข้ามาใช้บริการ ภายใต้สโลแกน “ใกล้ที่ไหน ไปที่นั่น บุญถาวร เสริมคุณค่าที่อยู่อาศัย”

นอกจากนั้น ปรับปรุงรูปแบบการบริหารงานภายใน เช่น เปลี่ยนรูปแบบการบริหารจากธุรกิจครอบครัวมาสู่ทีมงานมืออาชีพ พัฒนาระบบงานคอมพิวเตอร์ และขยายกลุ่มสินค้าประเภทเครื่องครัว โดยตั้งบริษัท ครีเอชั่น เฟอร์นิเจอร์ อินดัสตรี จำกัด (CFI) เพื่อผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องครัว

ปี 2543 ในยุคระบบการค้าเริ่มเปิดเสรี กลุ่มธุรกิจข้ามชาติโมเดิร์นเทรดแห่เข้ามาลงทุนทำร้านค้าปลีกในเมืองไทย ทำให้ “บุญถาวร” ทุ่มเงินลงทุนปรับภาพลักษณ์ใหม่  โดยขยายพื้นที่บริการใหญ่มากขึ้นและเป็นผู้นำในวงการที่เริ่มนำบันไดเลื่อนเข้ามาให้บริการลูกค้า พร้อมจัดโชว์รูมให้มีรูปแบบเสมือนเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่จำหน่ายเฉพาะวัสดุตกแต่ง ด้านห้องน้ำและห้องครัว มีการเผยโฉมสาขาภาพลักษณ์ใหม่ตั้งแต่ปี 2546

โดยเฉพาะบริการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ที่ลูกค้าสามารถเห็นภาพจำลองเหมือนจริง ทั้งห้องน้ำ และห้องครัว การพัฒนาระบบงานที่ช่วยในการค้นหาของลูกค้า ที่เรียกกันว่า E-Library Catalog และการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในโซนรังสิต เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต เน้นจุดขายทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าตรงตามกำหนดนัดหมาย เพราะเป็นช่วงที่มีการแข่งขันรุนแรงจากผู้ประกอบการกลุ่มโมเดิร์นเทรด

ปี 2550 บริษัทเดินหน้าขยายสาขาออกสู่ต่างจังหวัด โดยประเดิมสาขาพัทยาเป็นแห่งแรก เพื่อรองรับการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์แถบภาคตะวันออกทั้งหมด ก่อนขยับขยายออกไปตามหัวเมืองใหญ่

ปี 2551 จากสภาพการแข่งขันที่รุนแรงและภาวะเศรษฐกิจผันผวน วิวัฒน์ต้องปรับกลยุทธ์ด้านการตลาดแบบเต็มรูปแบบ มีการทำสื่อด้านการตลาดต่างจากเดิม สร้างระบบบัตรสมาชิก เพื่อสร้างฐานลูกค้าสัมพันธ์ และเร่งพัฒนาบุคลากรภายใน รวมทั้งทยอยดึงทายาทเจนใหม่เข้ามาเรียนรู้และเสริมทีมการบริหาร

ปี 2552 เปิดสาขาเกษตร-นวมินทร์ ภาพลักษณ์ใหม่ ดึงพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจเข้ามาใช้พื้นที่ร่วมกันอย่างชัดเจน และเปิดตัวโชว์รูมสินค้าระดับพรีเมียมหลากหลายอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2553 เปิดตัวโชว์รูมกระเบื้อง PORCELANOSA แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ปี 2554 นำเข้า Furniture ใน Brand Lifestyle Furniture เข้ามาเป็นแม็กเน็ตใหม่ เพื่อสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่และกลุ่มกำลังซื้อสูง

ปี 2557 บุญถาวรขยายสาขาเชียงใหม่เป็นสาขาประจำภาคเหนือ จากนั้นขยายสาขาสุราษฎร์ธานีเป็นสาขาประจำภาคใต้ และสาขาอุดรธานี เป็นสาขาประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ปี 2559 ก่อตั้งบริษัท บุญถาวร โซลูชั่น จำกัด ให้บริการ Renovate แบบครบวงจร ตั้งแต่งานติดตั้งเล็กๆ จนถึงการปรับปรุงบ้านพักอาศัยทั้งหลัง

ปี 2561 ร่วมทุนกับบริษัท เอสซีจี รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด ในเครือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ตั้งบริษัท เอสซีจี-บุญถาวร จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอสซีจีโฮมรีเทล จำกัด) เพื่อแตกไลน์ธุรกิจแฟรนไชส์ร้าน SCG Home และ SCG Home บุญถาวร ในประเทศไทย

ในปีเดียวกัน ผุดโครงการ Design Village สาขาแรกที่บริเวณถนนราชพฤกษ์ สร้างโมเดลค้าปลีกรูปแบบใหม่ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบัน โดยเพิ่มบริการอื่นๆ  เช่น ซูเปอร์มาร์เกต ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ธนาคาร และฟิตเนสเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างความแตกต่างดึงดูดกลุ่มลูกค้าและเป็นการใช้ประโยชน์พื้นที่สาขาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ปี 2563 ตั้งบริษัท เอสซีจี-บุญถาวร โฮลดิ้ง จำกัด กับกลุ่ม SCG เพิ่มเติม รองรับการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เช่น กัมพูชาและเวียดนาม

ปี 2565 กลุ่มบุญถาวรเพิ่มทุนจดทะเบียนและปรับโครงสร้างการประกอบธุรกิจให้มีความชัดเจนด้านการถือหุ้น รวมถึงการแบ่งแยกกลุ่มธุรกิจ เพื่อเตรียมพร้อมการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)

กระทั่งวันที่ 1 กันยายน 2566 จึงจัดตั้งบริษัท บุญถาวร รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BOON และยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้น IPO โดยมีทุนจดทะเบียน 1,280 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 1,280 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.0 บาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 320 ล้านหุ้น เพื่อใช้เป็นเงินทุนขยายธุรกิจ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กลุ่มบุญถาวรมีรายได้มากกว่า 11,000-13,000 ล้านบาทต่อปี และกำไรทุกปี

ปัจจุบันบริษัทมีเครือข่ายร้านค้าปลีกสมัยใหม่รวม 50 สาขา ประกอบด้วยร้านค้าปลีก 15 สาขา แบ่งเป็น ร้านบุญถาวรรูปแบบ Stand alone จำนวน 11 สาขา อยู่ในกรุงเทพฯ รวมทั้งหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศไทย และโครงการ Design Village รูปแบบ Community Living Mall อีก 5 สาขา ได้แก่ สาขาราชพฤกษ์ พุทธมณฑล เกษตร-นวมินทร์ บางนา รัชดา และวางแผนขยายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และเน้นภาพลักษณ์การเป็นร้านค้าปลีกและพื้นที่ให้เช่า ภายใต้แนวคิด One Stop Happening

ส่วนร้านค้าปลีกแฟรนไชส์ที่ร่วมทุนกับกลุ่ม SCG ภายใต้ชื่อ “SCG HOME” และ “SCG Home บุญถาวร” เปิดให้บริการแล้ว 35 สาขา กระจายอยู่ทุกภาคของประเทศไทย 33 สาขา และต่างประเทศอีก 2 สาขา ได้แก่ เวียดนามและกัมพูชา

นอกจากนี้ มีการจำหน่ายสินค้าโดยตรงกับลูกค้าโครงการ การจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทและแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Shopee, Lazada, NocNoc และ Boonthavorn’s LINE Official.