กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน หรือ Sustainability กลายมาเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนต่างต้องบรรจุอยู่ในแผนการดำเนินธุรกิจด้วยกันทั้งสิ้น เพื่อที่จะไม่ตกขบวนของการพัฒนาสู่ความยั่งยืนอันเป็นเมกะเทรนด์ของโลก แน่นอนว่าบริษัทประกันสัญชาติอังกฤษอย่าง “พรูเด็นเชียล” ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยกว่า 28 ปีก็ไม่ยอมตกขบวนนี้เช่นกัน
ทางฝั่งธุรกิจประกันมีนโยบายด้านความยั่งยืนอย่างไร “ผู้จัดการ 360 องศา” จะไปเจาะกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนที่ว่านั้นกับ “บัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ” แม่ทัพใหญ่แห่งพรูเด็นเชียล ประเทศไทย
“ความยั่งยืนคือหัวใจสำคัญของธุรกิจ นโยบายด้านความยั่งยืนที่พรูเด็นเชียลตั้งธงไว้ คือ จะทำอย่างไรให้อนาคตของผู้คนและโลกใบนี้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันองค์กรก็ต้องอยู่ได้และมีส่วนร่วมในการทำให้สังคมดีขึ้นด้วยเช่นกัน จนได้ออกมาเป็นกลยุทธ์ 3 เสาหลักด้านความยั่งยืนที่มาจากทั้งมุมของการเป็นบริษัทประกันชีวิต ผู้ลงทุน และองค์กรธุรกิจ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติจริงทั้งในเอเชีย แอฟริกา รวมถึงในประเทศไทย สิ่งหนึ่งที่พรูเด็นเชียลบอกเสมอคือ No Whitewashing บอกว่าทำ แต่ไม่ได้ทำจริง อันนี้เราไม่ทำ ต้องทำจริงให้เกิด impact ต่อสังคม” บัณฑิต เกริ่นถึงกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของพรูเด็นเชียล
โดย 3 เสาหลักด้านความยั่งยืนของพรูเด็นเชียล ประกอบด้วย 1. การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านสุขภาพและการเงินที่เข้าถึงได้ง่าย 2. การลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ และ 3. การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
บัณฑิตเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า “ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่ประมาณ 38-39% จากสัดส่วนประชากรทั้งหมดในประเทศไทย และส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ นับว่าคนไทยมากกว่าครึ่งยังไม่มีความคุ้มครองใดๆ ในชีวิต พรูเด็นเชียลจึงต้องการทำให้ประกันเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้กับคนทุกกลุ่ม เพราะทุกคนควรได้รับการดูแล ปกป้อง และคุ้มครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาระทางการเงินและสุขภาพ”
จึงเป็นที่มาของเสาหลักแรกในการสร้างความยั่งยืน นั่นคือ “การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านสุขภาพและการเงินที่เข้าถึงได้ง่าย” เพื่อเพิ่มการเข้าถึงความคุ้มครองทางด้านสุขภาพและการเงิน เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้ถือกรมธรรม์ชีวิตในสัดส่วนที่ไม่สูงนัก การทำให้ความคุ้มครองสุขภาพและการเงินเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ง่าย จะเป็นการช่วยให้อนาคตของผู้คนดีขึ้นได้
ภายใต้เสาหลักนี้ พรูเด็นเชียลมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยทุกไตรมาสจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาประมาณ 2-3 รายการ ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ในแต่ละช่วงอายุ อีกทั้งยังมีการปรับราคาของเบี้ยประกันให้ลดลงโดยตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก และเพิ่มช่องทางออนไลน์ เพื่อทำให้คนเข้าถึงความคุ้มครองได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันพรูเด็นเชียลถือเป็นบริษัทที่ขายประกันทางออนไลน์ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของตลาด
อีกทั้งยังได้เปิดโครงการ “การให้ที่ยั่งยืน คือ การให้ที่ส่งต่อได้” (Give The Future) เพื่อสร้างการเข้าถึงความคุ้มครองให้กับกลุ่มเปราะบาง ซึ่งถือเป็นโครงการแฟล็กชิปของพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ที่ดำเนินการมาเป็นปีที่ 2 โดยทุกๆ 1 กรมธรรม์ใหม่ พรูเด็นเชียลจะส่งต่ออีก 1 กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุความคุ้มครอง 100,000 บาท ระยะเวลา 1 ปี ให้แก่กลุ่มเปราะบางอย่างลูกจ้างของ กทม. ที่ปัจจุบันมีทั้งหมด 51,000 คน รวมถึงลูกจ้างโรงพยาบาลรัฐ ที่รวมแล้วกว่า 7 หมื่นชีวิตที่พรูเด็นเชียลให้ความคุ้มครอง โดยนับตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน พรูเด็นเชียลได้มอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุแก่ลูกจ้างของ กทม. และลูกจ้างโรงพยาบาลรัฐมากกว่า 122,000 ราย ทุนประกันรวม 12,200,000,000 บาท
“กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างไม่ว่าจะเป็นรายเดือนหรือรายวันก็ตาม เขาไม่มีสวัสดิการ หรือมีก็น้อยมาก แต่งานที่เขาทำมันช่วยให้สังคมดีขึ้น ทั้งพนักงานกวาดขยะ พนักงานตัดต้นไม้ พนักงานขุดท่อ ลอกท่อ ซึ่งเป็นงานหนักและเสี่ยงอันตราย จึงเป็นบุคคลที่ควรได้รับการดูแลคุ้มครองเป็นอย่างยิ่ง”
นอกจากโครงการ Give The Future แล้ว พรูเด็นเชียลยังมีโครงการเพื่อสังคมในด้านต่างๆ เช่น โครงการชะ-ชิ้ง (CHA-CHING) โครงการระดับโกลบอลที่ให้ความรู้ด้านการเงินกับเยาวชนทั้งเรื่องการหารายได้ การเก็บออม การใช้จ่าย และการแบ่งปัน เพราะเชื่อว่าถ้าเด็กมีพื้นฐานในเรื่องวินัยการเงินที่ดี เขาจะสามารถช่วยเหลือสังคมต่อไปได้ในอนาคต
ตัวเลข ณ เดือนมีนาคม 2567 ระบุว่า มีจำนวนนักเรียนที่ได้รับการฝึกอบรมทั้งสิ้น 234,292 คน, ครูที่ได้รับการฝึกอบรม รวมทั้งหมด 15,144 คน โดยมาจากโรงเรียนภายใต้สังกัดสำนักงานเขตการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ จากทั่วประเทศ รวมกว่า 1,000 โรงเรียน นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญที่กระตุ้นให้คนหันมาใส่ใจสุขภาพอย่าง “STEP UP, START NOW : สุขภาพดีกว่าเดิม แค่เริ่มไปด้วยกัน” อย่างการสนับสนุนงานวิ่งที่จัดมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
เสาหลักที่ 2 “การลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ”
ในฐานะผู้ลงทุนที่มีทรัพย์สินในการลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท พรูเด็นเชียลจะเน้นการลงทุนในธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว และมีนโยบายชัดเจนในการลดการปล่อยคาร์บอน โดยจะโฟกัสในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาทั้งในเอเชียและแอฟริกา ซึ่งนั่นจะทำให้คาร์บอนฟุตพรินต์ของพรูเด็นเชียลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งพอร์ตฯ ในการลงทุนแบ่งเป็นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล มีสัดส่วนมากที่สุดกว่า 40% รองลงมาคือลงทุนในหุ้นกู้เอกชน และหุ้น ตามลำดับ
“วันนี้พอร์ตฯ ของพรูเด็นเชียลอาจไม่ได้มีคาร์บอนฟุตพรินต์ต่ำกว่าคนอื่น แต่เป้าที่วางไว้คือเราต้องลดให้เร็วกว่าคนอื่น จึงเลือกลงทุนในบริษัทที่มีนโยบายชัดเจนในการที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งแทบทุกองค์กรเขาต้องการ transition อยู่แล้ว พรูเด็นเชียลจะเข้าไปลงทุนเพื่อช่วยให้เขาเปลี่ยนผ่านได้เร็วและตามเป้าที่ตั้งไว้”
เสาหลักที่ 3 “การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน”
กลยุทธ์ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนนั้นพรูเด็นเชียลจะโฟกัสภายในองค์กรเป็นหลัก โดยพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถให้กับพนักงานในการสร้างความยั่งยืน มีการนำดิจิทัลและ AI มาช่วยพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ซึ่งปัจจุบันพนักงานเกือบ 100% มี Copilot ของไมโครซอฟท์เป็นตัวช่วย ที่สำคัญยังมีตัวชี้ด้านความยั่งยืนสำหรับบุคลากรระดับผู้จัดการหรือ KIPs เช่น การลดคาร์บอนฟุตพรินต์ในการทำงาน การเพิ่มชั่วโมงการทำงานเพื่อสังคม เป็นต้น
“อย่างแรกต้องดูแลพนักงานของพรูเด็นเชียลให้มีสุขภาพที่ดี มี work life balance เพื่อมีความสามารถไปช่วยเหลือสังคมต่อไป และต้องมีแนวคิดในเรื่องความยั่งยืน”
โดยพรูเด็นเชียลได้วางเป้าหมายด้านความยั่งยืนไว้ว่า ภายในปี 2573 จะลด weighted average carbon intensity (WACI) ให้ได้ถึง 55% และจะบรรลุ Net Zero ภายในปี 2593, เพิ่มสัดส่วนผู้หญิงในทีมผู้นำระดับกลุ่มอย่างน้อย 40% ภายในสิ้นปี 2569 และบุคลากรในระดับผู้จัดการทุกคนต้องมี KPIs ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน ภายในสิ้นปี 2569 เช่นกัน
ปัจจุบันมาร์เกตแชร์ของพรูเด็นเชียลสำหรับเบี้ยใหม่อยู่ในอันดับ 5 ของตลาด ส่วนเบี้ยประกันรวมรั้งอันดับ 7 ของตลาด โดยตั้งเป้าขึ้นเป็น Top 3 ภายในปี 2570.