วันอาทิตย์, ตุลาคม 6, 2024
Home > New&Trend > WHAUP ฟอร์มเด่น Q1/2567 ดันกำไรปกติพุ่ง 62% เดินหน้าต่อจิ๊กซอว์ “Green Logistics”

WHAUP ฟอร์มเด่น Q1/2567 ดันกำไรปกติพุ่ง 62% เดินหน้าต่อจิ๊กซอว์ “Green Logistics”

WHAUP ฟอร์มเด่น Q1/2567 ธุรกิจน้ำ-ไฟฟ้า ดันกำไรปกติพุ่ง 62% YoY เดินหน้าต่อจิ๊กซอว์ “Green Logistics” ผุดสถานีชาร์จรถ EV

บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP) โชว์ฟอร์มเด่น ประกาศงบไตรมาส 1/2567 ธุรกิจน้ำ-ไฟฟ้า ดันรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติแตะ 1,047 ล้านบาท และกำไรปกติ 372 ล้านบาท โต 62% YoY ด้าน CEO “สมเกียรติ เมสันธสุวรรณ”เดินเกมรุกต่อยอดธุรกิจพลังงานผ่านการพัฒนานวัตกรรม และโซลูชั่นด้านพลังงานใหม่ๆ สอดรับกับแผนการลงทุน Green Logistics ของ WHA Group เล็งตั้งเป้าเปิดสถานีชาร์จ EV ครบ 120 ตู้ชาร์จภายในปีนี้

บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 โดยบริษัทฯ รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติ จำนวน 1,047 ล้านบาท และมีกำไรปกติ (Normalized Net Profit) จำนวน 372 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% และ 62% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่มีกำไรสุทธิซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเพิ่มขึ้นของกำไรปกติมีสาเหตุหลักจากส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทั้งจากในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ที่รับรู้ค่าความพร้อมจ่ายเพิ่มขึ้นจากการหยุดซ่อมบำรุงที่ลดลง และจากในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP ที่ได้รับปัจจัยบวกจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อัตรากำไรในส่วนของไฟฟ้าที่จำหน่ายให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำทั้งในประเทศไทยและเวียดนามยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจสาธารณูปโภค(น้ำ) ในไตรมาส 1/2567 มีปริมาณยอดจำหน่ายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกันเท่ากับ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณจำหน่ายและบริหารน้ำในประเทศเพิ่มขึ้น 14% ซึ่งมีการเติบโตขึ้นทุกผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะน้ำดิบ (Raw Water) จากปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ากลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมี และผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Product) จากปริมาณการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายใหม่ที่ได้เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว

ในส่วนของธุรกิจน้ำในต่างประเทศ ในช่วงไตรมาส 1/2567 ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 8 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณยอดขายน้ำของโครงการ Duong River ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้โครงการ Duong River ยังมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในงวดไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Duong River จำนวน 18 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนอยู่ที่ -11 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตในธุรกิจน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาการให้บริการน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) ปริมาณการผลิต 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี กับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) โดยคาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 3/2567

ด้านธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ในไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้า จำนวน 301 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงลดลง ส่งผลให้ได้รับค่าความพร้อมจ่ายเพิ่มขึ้น และจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPPs ที่เพิ่มขึ้นจากการที่ต้นทุนก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้กำไรจากการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น

ในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นั้น ในไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ประเภท Private PPA เพิ่มจำนวน 15 สัญญา กำลังการผลิตรวมประมาณ 59 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มีการลงนามในสัญญาโครงการ Private PPA สะสมทั้งสิ้น 242 เมกะวัตต์ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 125 เมกะวัตต์ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ที่บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกจำนวน 5 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์นั้น ปัจจุบันได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ EGAT และ PEA เสร็จสิ้นแล้ว 4 โครงการ จำนวนรวม 85 เมกะวัตต์ สำหรับอีก 1 โครงการที่เหลือคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้เร็วๆ นี้ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ราว 812 เมกะวัตต์ โดยบริษัทมีเป้าหมายในการเพิ่มสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นไปที่ระดับ 1,000 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาดผ่านการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นด้านพลังงานใหม่ๆ อาทิ การเปิดให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สอดรับกับแผนการลงทุนใน Green Logistics แบบครบวงจรของ WHA Group โดยได้ตั้งเป้าขยายการให้บริการ ครบ 120 ตู้ชาร์จภายในปีนี้

นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า WHAUP มีความมุ่งมั่นในการแสวงหาโอกาสในการลงทุนธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานในรูปแบบต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อต่อยอดการเติบโตและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืนทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group นอกจากนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี พ.ศ. 2593 (Net Zero Greenhouse Gas Emissions by 2050) เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.2525 บาทต่อหุ้น แบ่งเป็นเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 จำนวน 0.0600 บาทต่อหุ้น และอนุมัติจ่ายปันผลเพิ่มเติมอีก 0.1925 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของ WHAUP