“ณุศาศิริ” ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่โลดแล่นอยู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทยมานาน แม้ในช่วงปีที่ผ่านมาต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในตามข่าวคราวที่ปรากฏให้เห็นในหน้าสื่ออยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงกระนั้นณุศาศิริก็ไม่หยุดนิ่ง เดินหน้าลุยธุรกิจต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศปรับโหมดธุรกิจจากอสังหาริมทรัพย์ ก้าวสู่โลก Wellness อย่างเต็มรูปแบบ
ถ้าย้อนเส้นทางของบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) นั้นจะพบว่า ชื่อเดิมของณุศาศิริ คือ บริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเกรียงกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2503 เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งทอ โดยเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2535 บริษัทฯ ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนในปี 2537
แต่จากการเปิดการค้าเสรีและการยกเลิกระบบจัดสรรโควตาสิ่งทอในต้นปี 2548 ทำให้การแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศเป็นไปอย่างดุเดือด ส่งผลให้ราคาขายของสินค้าสิ่งทอลดลง และทำให้บริษัทฯ ต้องประสบกับสภาวะขาดทุนและขาดสภาพคล่องทางการเงิน กระทั่งในปี 2549 บริษัทฯ จึงยุติการประกอบธุรกิจด้านสิ่งทอ ก่อนที่ภายหลังบริษัทฯ จะเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเริ่มจากการเป็นนายหน้าขายห้องชุด
ต่อมาในปี 2552 บริษัทจึงได้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจัง ด้วยการเข้าไปลงทุนซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียมและที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อขาย รวมถึงเข้าซื้อทรัพย์สินจาก บริษัท ณุศาศิริ แกรนด์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เคเอ็มพี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จากกลุ่มณุศาศิริ ซึ่งเป็นทรัพย์สินโครงการอสังหาริมทรัพย์รวม 5 โครงการ มูลค่ารวม 2,490 ล้านบาท เพื่อเป็นทรัพย์สินในการดำเนินธุรกิจและบริหารต่อ
ส่งผลให้บริษัทฯ ได้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า “ณุศาศิริ” ซึ่งเป็นแบรนด์เดิมที่มีชื่อเสียงในกลุ่มลูกค้าระดับบนอยู่แล้ว และยังได้รับสิทธิให้ใช้เครื่องหมายบริการ “บ้านกฤษณา” อีกด้วย โดยได้รับอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้กลับเข้าซื้อขายในหมวดอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 และได้เปิดตัวโครงการในนามบริษัทฯ อีก 2 โครงการ ได้แก่ คอนโดมิเนียมอัพ เอกมัย (Up Ekamai) และคอนโดมิเนียม Parc Exo ถนนเกษตร-นวมินทร์ หลังจากนั้นในปี 2555 จึงได้เปิดตัวโครงการแนวราบ 1 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว ณ ราธร ถนนสุวินทวงศ์ และในปี 2556 ได้เปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว ณุศา ชีวานี่ พัทยา และโครงการบ้านเดี่ยวและที่ดินจัดสรร My Ozone เขาใหญ่ จ. นครราชสีมา
โดยปัจจุบันณุศาศิริดำเนินธุรกิจทั้งขายที่ดินเปล่าและบ้านพร้อมที่ดิน เช่น โครงการบ้านเดี่ยว ณุศาศิริ ซิตี้ พระราม 2, ESSEN Kanchanaphisek-Rama 5, ณุศา มายโอโซน โครงการบ้านเดี่ยวบนพื้นที่กว่า 1,300 ไร่ ท่ามกลางธรรมชาติและโรงแรมระดับ 5 ดาว รวมถึงศูนย์สุขภาพบริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยตั้งอยู่ที่ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และบริหารโครงการโดยบริษัท ณุศา มายโอโซน จำกัด
ธุรกิจขายอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ได้แก่ โครงการ อัพ เอกมัย, ณุศา สเตท ทาวเวอร์ มีบริษัท ณุศา สเตท ทาวเวอร์ จำกัด เป็นผู้บริหารโครงการ, เฟรช คอนโดมิเนียม, พาร์ค เอ็กซ์โซ เกษตร-นวมินทร์, ณุศา มายโอโซน คอนโด 3, เบิร์ช แอ็ฟตัน เขาใหญ่ (Berghapton)
ธุรกิจการให้เช่า ซึ่งมีบริษัทย่อยอย่างบริษัท ณุศา วัน จำกัด ดำเนินธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ อีกทั้งยังมีโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่การันตีผลตอบแทน อย่างโครงการ Movenpick Residences Ekkamai Bangkok ที่บริหารโดย Movenpick เชนโรงแรมระดับสากล
ไม่เพียงธุรกิจด้านอสังหาฯ เท่านั้น ณุศาศิริยังมีธุรกิจด้านอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยวด้วยการลงทุนสร้างสวนสนุกเชิงวัฒนธรรม “Legend Siam Pattaya”, ธุรกิจสนามกอล์ฟ ภายใต้ชื่อ “My Ozone Golf Club Khaoyai” บริหารโดยบริษัท ณุศา มายโอโซน จำกัด
ธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ ทั้งเป็นผู้จัดหาและนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางด้านสุขภาพและการแพทย์ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม ผลิตภัณฑ์ด้านการชะลอวัย ผลิตภัณฑ์ด้านการฟื้นฟูสุขภาพและบำบัดโรคต่างๆ เป็นต้น รวมถึงการให้บริการทางการแพทย์ภายใต้ชื่อ “Panacee Group” (พานาซี กรุ๊ป) ด้วยการเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลพานาซี โรงพยาบาลเฉพาะทางที่ให้บริการทางการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือกแบบองค์รวมจากประเทศเยอรมนี โดยบริการทางการแพทย์หลักๆ ประกอบด้วย การบำบัดด้วยเซลล์, การแพทย์เชิงฟื้นฟู, แพทย์ทางเลือก, การดูแลผู้สูงอายุ, การรักษาและฟื้นฟูโรคมะเร็ง และภาวะการเจริญพันธุ์ เป็นต้น
โดยปัจจุบันพานาซีมีทั้งสิ้น 6 สาขา ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ในไทย 3 สาขา ประกอบด้วย พานาซี เมดิคอล เซ็นเตอร์ (เอกมัย), โรงพยาบาลพานาซี พระราม 2 และพานาซี เวลล์เนส เขาใหญ่ อีก 2 สาขาในประเทศจีน ได้แก่ Panacee Hospital Hebei และ Panacee Hospital Qinhuangdao China และ Panacee Grand Hotel Romerbad ในประเทศเยอรมนี
ไม่เพียงเท่านั้นณุศาศิริยังได้เข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานเพิ่มเติม ด้วยการซื้อหุ้นสามัญของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) จำนวนไม่เกิน 29,008,091 หุ้น หรือ 26.65% ของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนและชำระแล้วของ WEH เพื่อสร้าง Recurring Income ให้กับบริษัทฯ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ธุรกิจด้านอสังหาฯ เกิดการหยุดชะงักอีกด้วย
ปรับโหมดสู่อสังหาริมทรัพย์ด้านสุขภาพ
แต่ถึงกระนั้นช่วงปีที่ผ่านมาอาจถือเป็นปียากของณุศาศิริก็ว่าได้ กับประเด็นความขัดแย้งของสองกลุ่มผู้บริหารอย่างนายวิษณุ เทพเจริญ ผู้ก่อตั้งณุศาศิริ และยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มาแต่เดิม กับนายประเดช กิตติอิสรานนท์ ผู้บริหารจากบริษัทพลังงานรายใหญ่ “วิน เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง” หรือ WEH ที่เพิ่งเข้ามาถือหุ้นใหญ่ของณุศาศิริเมื่อไม่นานมานี้ ในประเด็นที่นายประเดช นำทีม 6 กรรมการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) และกรรมการอีก 7 คนของบริษัทฯ ที่นำโดย “วิษณุ เทพเจริญ” ในการที่สนับสนุนให้ผู้บริหารเทขายทรัพย์สินบริษัทล็อตใหญ่ 6 รายการ มูลค่ากว่า 1.1 หมื่นล้านบาท หรือเกือบ 70% ของทรัพย์สินทั้งหมด โดยไม่มีอำนาจและแผนรองรับที่ชัดเจน ชี้ละเมิด พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ พร้อมขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติขายทรัพย์สินดังกล่าว โดยวิษณุยืนยันว่าได้กระทำการทุกอย่างตามมติของที่ประชุมอย่างถูกต้อง ซึ่ง ณ ปัจจุบันประเด็นความขัดแย้งครั้งนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้
ซึ่งข่าวคราวดังกล่าวได้สร้างความปั่นป่วนและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของณุศาศิริอย่างยากที่จะปฏิเสธ แต่ถึงกระนั้นณุศาศิริก็ไม่ทิ้งช่วงไว้นาน ล่าสุดออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งด้วยการประกาศเดินหน้าทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง มุ่งเป้าปรับโหมดอสังหาฯ พร้อมก้าวสู่โลกอสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพอย่างเต็มตัว โดยมี “มาย โอโซน เขาใหญ่” เป็นเมืองต้นแบบ
มีข้อมูลที่น่าสนใจระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด อันเป็นผลมาจากจำนวนประชากรสูงวัยที่เพิ่มสูงขึ้นและจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มุ่งตอบโจทย์ด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมมากขึ้นตามไปด้วย โดยรายงานของ Global Wellness Real Estate Market คาดการณ์ถึงมูลค่าตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพทั่วโลกจะเติบโตสูงถึง 575.9 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงปี 2565-2570 ขณะที่ปี 2560 ที่ผ่านมาตลาดมีมูลค่าแค่ 136.23 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น
วิษณุ เทพเจริญ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงที่มาในการปรับโหมดธุรกิจในครั้งนี้ว่า “ผมมองไว้แล้วว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจำนวนผู้สูงอายุของเราและทั่วโลกจะมีมากขึ้น ตัวเราและลูกหลานจะอยู่ในสังคมอย่างไร ขณะเดียวกันคุณศิริญาก็เล็งเห็นว่าปัจจุบันคนเราถูกรุมเร้าด้วยโรคร้าย ทั้งมะเร็ง หลอดเลือดหัวใจ ความดัน ทำอย่างไรถึงจะอยู่อย่างมีคุณภาพ”
“ผมจึงเอาโจทย์นี้เป็นตัวตั้งและกำหนดวิชันของณุศาศิริ โดยเราจะเน้นเรื่องอสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ ทุกผลิตภัณฑ์ของเราจะตอบโจทย์เรื่องสุขภาพเป็นหลัก เราจึงสร้างเมืองมายโอโซนบนพื้นที่ 1,300 ไร่ขึ้นมา ที่นี่มีคอมมูนิตี้หลายระดับ ตั้งแต่ขนาดกลางจนถึงไฮเอนด์ขนาดที่ขับเครื่องบินเจ็ตมาลงจอดที่นี่ได้ มีบริการทางการแพทย์และโรงแรมระดับ 4-5 ดาวอยู่ในพื้นที่”
โดยณุศาศิริยังคงได้ชื่อว่าเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ในปี 2567 จะเน้นต่อยอดและเสริมศักยภาพอสังหาริมทรัพย์เดิมที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยจะปรับโหมดให้เป็นอสังหาริมทรัพย์ด้านสุขภาพให้มากขึ้น เช่น การนำสต๊อกคอนโดมิเนียมมาพัฒนารองรับกลุ่มผู้สูงอายุ เช่น การพลิกโฉม PARC EXO โครงการที่มีอยู่แล้วมาปรับเป็นคอนโดฯ รองรับผู้สูงวัย ซึ่งประสบความสำเร็จขายหมด 200 ยูนิตในเวลารวดเร็ว พร้อมทั้งจะมุ่งเน้นสร้างเครือข่ายพันธมิตรให้กว้างขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะพันธมิตรโรงแรมที่มีความสนใจในตลาดผู้สูงอายุ
เพื่อเป็นการตอกย้ำแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ณุศาศิริจึงได้เปิดตัว รพ.พานาซี สาขามายโอโซนขึ้น โดยวางกลยุทธ์สำหรับคนรักษ์สุขภาพและต้องการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมไปกับพานาซีที่เชี่ยวชาญในการใช้เวชศาสตร์ชะลอวัย ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีด้านการแพทย์จากประเทศเยอรมนี โดยพานาซี มายโอโซน เขาใหญ่ เน้นเป็นศูนย์รับผู้ป่วยที่ส่งต่อจากสาขาอื่นๆ ของพานาซีที่ต้องการพักรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ ด้วยการให้ธรรมชาติช่วยบำบัดรักษา
นอกจากนั้นณุศาศิริยังพัฒนาโครงการบ้านหรูระดับอัลตราลักชัวรีที่มายโอโซน พร้อมสร้างสนามบินภายในโครงการเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าของสนามกอล์ฟมายโอโซนและ รพ.พานาซี ที่อาจต้องใช้เครื่องบินในการเดินทางของผู้ป่วย และล่าสุดยังจับมือร่วมกับเชนโรงแรมระดับโลกอย่าง Kempinski Hotels เตรียมเปิดตัว Kempinski Hotel & Residences Khao Yai ที่ตั้งอยู่ในมายโอโซน เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าในอนาคตเพิ่มเติม
“ณุศาศิริยังคงทำอสังหาฯ แต่ไม่ใช่แบบทั่วไปอย่างบ้านจัดสรรเหมือนที่เราเคยทำ แต่จะทำอสังหาฯ ที่ตอบรับเรื่องสุขภาพ ทุกโครงการที่เราเปิดจะมีเรื่องการดูแลสุขภาพเพิ่มเข้าไป เพราะแลนด์แบงก์เรายังมีอยู่อีกเยอะ โดยเน้นการสร้างพันธมิตรนำแบรนด์ที่เขาเชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงอยู่แล้ว และที่สำคัญมีวิสัยทัศน์เดียวกับเราเข้ามาช่วย” วิษณุกล่าวทิ้งท้าย
น่าสนใจว่า หลังจากนี้ภาพของณุศาศิริในฐานะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะออกมาเป็นอย่างไร และอีกประเด็นที่น่าติดตามไม่แพ้กัน คือความขัดแย้งภายในที่เกิดขึ้นนั้นข้อสรุปจะออกมาในรูปแบบไหน?