วันอังคาร, ตุลาคม 8, 2024
Home > On Globalization > “คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว” ในเดนมาร์ก เทรนด์ใหม่มาแรง

“คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว” ในเดนมาร์ก เทรนด์ใหม่มาแรง

 
Column: Women in Wonderland
 
ตอนนี้ที่ประเทศเดนมาร์กกำลังมีเทรนด์ใหม่ที่มาแรงมากๆ นั่นคือผู้หญิงจำนวนมากเลือกที่จะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คำว่า “คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงผู้หญิงที่หย่าขาดกับสามีแล้วต้องเลี้ยงดูลูกๆ คนเดียว แต่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวในที่นี้หมายถึงผู้หญิงที่ต้องการมีลูกแต่ไม่มีสามี พวกเธอตั้งท้องโดยซื้อสเปิร์มจากธนาคารสเปิร์มที่มีคนบริจาคให้
 
ตั้งแต่เดนมาร์กอนุญาตให้ผู้หญิงใช้สเปิร์มของผู้บริจาคมาใช้ในทางการแพทย์เพื่อตั้งครรภ์ได้ในปี 2550 เดนมาร์กก็เป็นประเทศที่มีผู้หญิงตั้งท้องจากการขอสเปิร์มจากธนาคารสเปิร์มมากที่สุดในโลก เรียกว่าถ้ามีเด็กทารกเกิดมา 10 คน จะต้องมีอย่างน้อย 1 คนที่เกิดจากการใช้สเปิร์มของผู้บริจาค และผู้หญิงชาวเดนมาร์กส่วนใหญ่มีคนรู้จักและญาติที่ตั้งครรภ์ด้วยวิธีนี้อย่างน้อย 1 คน
 
Cryos International เป็นธนาคารสเปิร์มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดเผยว่า ครึ่งหนึ่งของผู้หญิงที่เข้ามาใช้บริการเป็นโสด และ 85% จะมีอายุระหว่าง 31– 45 ปี มีวุฒิการศึกษาในระดับปริญญาโทหรือสูงกว่า และบริษัทยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า บริษัทได้คาดการณ์ว่า ใน 8 ปีข้างหน้าผู้หญิงที่มาใช้บริการมากกว่า 70% จะเป็นผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน เพราะตอนนี้มีจำนวนผู้หญิงโสดที่สนใจติดต่อขอซื้อสเปิร์มจำนวนมาก
 
จากสถิติดูเหมือนว่าผู้หญิงเดนมาร์กไม่ต้องการมีสามี แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ผู้หญิงเดนมาร์กส่วนใหญ่ยังคงมีความใฝ่ฝันที่จะแต่งงานและมีครอบครัวเหมือนผู้หญิงทั่วไป 
 
สาเหตุที่พวกเธอตัดสินใจเลือกเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวก็เพราะผู้หญิงเดนมาร์กแต่งงานค่อนข้างช้า ผู้หญิงเดนมาร์กถูกสอนให้สนใจการเรียนมาเป็นอันดับหนึ่ง แล้วค่อยเริ่มต้นใช้ชีวิตครอบครัวหลังจากนั้น จากการสำรวจข้อมูลทางสถิติของประเทศเดนมาร์กพบว่า ชาวเดนมาร์กส่วนใหญ่จะเรียนหนังสือจนถึงอายุ 30 ปี หลังจากนั้นพวกเขาก็จะเริ่มต้นทำงาน และกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางจนคิดจะแต่งงานก็อายุจะประมาณ 35 ปี ซึ่งถือว่าเป็นอายุที่ค่อนข้างมากสำหรับผู้หญิงในการตั้งครรภ์ ดังนั้น ในกรณีที่พวกเธอไม่มีแฟนและไม่มีสามี แต่ต้องการมีลูก วิธีเดียวที่พวกเธอจะทำได้ก็คือซื้อสเปิร์มมาเพื่อตั้งครรภ์
 
แต่ในกรณีที่พวกเธอมีแฟนหรือสามีอยู่แล้ว และวางแผนจะมีลูก แต่กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง เมื่อฝ่ายชายยังไม่พร้อม ในขณะที่ฝ่ายหญิงต้องการมีลูก เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน ทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่เลือกตัดสินใจยุติความสัมพันธ์และไปติดต่อขอซื้อซื้อสเปิร์มเพื่อที่จะมีลูกได้ 
 
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนได้ทำการสำรวจผู้หญิงที่มาฝากครรภ์ในโรงพยาบาลของรัฐพบว่า ผู้หญิงมากกว่า 90% ต้องการที่จะมีลูกกับสามีของพวกเธอ แต่เมื่อไม่สามารถทำได้ตามนั้นเลยเลือกที่จะทำตามแผนที่สอง คือตั้งครรภ์จากการซื้อสเปิร์มจากธนาคารสเปิร์ม 
 
รองศาสตราจารย์ Lone Schmidt จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ผู้หญิงสองในสามที่มีแฟนหรือสามีต่างก็ต้องการที่จะมีลูกกับคู่รักของตัวเอง แต่ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะบอกว่าพวกเขายังไม่พร้อมที่จะมีลูกในตอนนี้ รองศาสตราจารย์ Lone ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อผู้หญิงรู้ว่าฝ่ายชายยังไม่พร้อมที่จะมีลูก พวกเธอส่วนใหญ่มักตัดสินใจที่จะไปขอซื้อสเปิร์มและเลือกที่จะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว 
 
ในประเทศเดนมาร์กผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว และต้องการขอซื้อสเปิร์มมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 33 ปี ในขณะที่ผู้หญิงโสดที่ไปติดต่อขอซื้อสเปิร์มมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 36 ปี Signe Fjord เป็นนักกฎหมาย อายุ 41 ปี ได้เล่าให้นักข่าวของหนังสือพิมพ์ The Guardian ฟังว่า สาเหตุที่เธอเลือกตั้งครรภ์โดยการซื้อสเปิร์มมานั้นเป็นเพราะไม่เคยมีแฟนคนไหนของเธอที่ต้องการมีลูก ถึงแม้พวกเขาจะอายุมากกว่า 30 ปีแล้วก็ตาม ในขณะที่เธอมีความฝันว่า อยากจะมีลูกอย่างน้อย 4 คน นี่เป็นเหตุผลที่เธอเลือกใช้วิธีการนี้เพื่อตั้งครรภ์ Signe กล่าวเพิ่มเติมว่า เธอไม่คิดว่าการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี เพราะในประเทศเดนมาร์กมีผู้หญิงจำนวนมากเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว และเธอก็มีเพื่อนผู้หญิงหลายคนที่เพิ่งเริ่มคบกับแฟนและปล่อยให้ท้อง ทั้งๆ ที่รู้ว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่แน่นอน แต่เพื่อนๆ ของเธอก็ต้องการมีลูกและเชื่อว่าพวกเธอสามารถเลี้ยงดูลูกเองได้โดยไม่ต้องพึ่งผู้ชาย
 
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าที่ประเทศเดนมาร์กมีสวัสดิการที่ดีสำหรับการลาคลอด ผู้หญิงสามารถลาคลอดได้ถึง 52 สัปดาห์ (1 ปี) โดยที่บริษัทที่ทำงานจะต้องจ่ายเงินค่าจ้างให้ตามปกติ และหลังจากที่หมดวันลาคลอดแล้ว รัฐบาลยังคงจ่ายเงินให้สามในสี่ของค่าพี่เลี้ยงเด็กในเวลาที่แม่ต้องออกไปทำงาน ดังนั้นเมื่อหมดวันลาคลอดแล้วก็สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อยในการจ้างพี่เลี้ยงเด็ก การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวในประเทศเดนมาร์กไม่ใช่เรื่องยากเลย 
 
หลายคนอาจแย้งว่า ถ้าผู้หญิงเดนมาร์กอยากมีลูกจริงๆ พวกเธออาจเลือกวิธีการไปขอรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมก็ได้ แต่สาเหตุที่พวกเธอไม่เลือกวิธีนี้เป็นเพราะการไปขอรับเด็กมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการซื้อสเปิร์มจากธนาคารสเปิร์ม นอกจากนี้ยังไม่สามารถไปขอรับเด็กมาเลี้ยงได้ถ้าพวกเธอยังไม่แต่งงาน ดังนั้นการซื้อสเปิร์มมาจึงเป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า วิธีการก็ไม่ยุ่งยาก และยังได้เลี้ยงดูลูกแท้ๆ ของตัวเองอีกด้วย
 
สำหรับบางคนอาจจะคิดว่า วัฒนธรรมของคนตะวันตกเรื่องการมีเพศสัมพันธ์นั้นไม่เหมือนกับบ้านเราที่ผู้หญิงถูกสอนให้รักนวลสงวนตัว หญิงชายไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน ในขณะที่คนตะวันตกไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ดังนั้นถ้าผู้หญิงอยากจะมีลูก ก็อาจจะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายสักคนเพื่อให้ตัวเองตั้งครรภ์ โดยไม่ต้องไปเสียเงินซื้อสเปิร์ม เรื่องการมีเพศสัมพันธ์อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ของคนตะวันตก แต่วิธีการนี้ผู้หญิงเดนมาร์กมองว่าเหมือนเป็นการขโมยสเปิร์มผู้อื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม ดังนั้นการซื้อสเปิร์มจากธนาคารสเปิร์ม เป็นเรื่องที่ทำอย่างถูกต้องและพวกเธอไม่ต้องรู้สึกผิดในใจ
 
เรื่องการซื้อสเปิร์มอาจจะฟังดูแปลกๆ ไปสักนิด โดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ที่มองว่าการตั้งครรภ์โดยซื้อสเปิร์มมานั้นเป็นเรื่องที่แปลกและไม่ควรทำ ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนไม่เห็นด้วย อย่างกรณีของ Tine Buur คุณครูวัย 41 ปี ที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว Tine มีลูก 2 คน ด้วยการไปซื้อสเปิร์มมาทั้งสองครั้ง ลูกคนแรกของเธออายุ 4 ขวบ และคนที่สองอายุ 9 เดือน เธอเล่าให้ฟังว่าตอนแรกคุณพ่อของเธอไม่เห็นด้วยที่เธอจะซื้อสเปิร์มมาเพื่อตั้งครรภ์ แต่เมื่อเธอคลอดลูกออกมา คุณพ่อของเธอก็คอยช่วยเธอเลี้ยงดูหลาน และในที่สุดพ่อของเธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าการตั้งครรภ์ด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่แปลกอีกต่อไป และยังมีเพื่อนบ้านอีกหลายคนที่ใช้วิธีนี้เช่นกัน
 
นอกจากนี้ ผู้หญิงเดนมาร์กไม่คิดว่าลูกที่เกิดมาด้วยวิธีนี้จะทำให้พวกเขารู้สึกแปลกแยกหรือไม่เหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ในครอบครัวของเขามีทั้งพ่อและแม่ ในความเป็นจริงแล้ว การมีคุณแม่หรือคุณพ่อเป็นคนเลี้ยงดูลูกเพียงคนเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะมีหลายครอบครัวเช่นกันที่พ่อแม่ตัดสินใจแยกทางกัน และคนใดคนหนึ่งจะเป็นคนดูแลลูกเอง การที่เด็กมีแค่พ่อหรือแม่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกในประเทศเดนมาร์ก 
 
Signe Fjord และ Anne Patricia Rehlsdorph ซึ่งเป็นคนเขียนหนังสือเรื่อง Solo Mom to a Donor Child ได้ทำการศึกษาข้อดีและข้อเสียของการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วยวิธีซื้อสเปิร์มมา จากการศึกษาค้นคว้าพวกเธอพบว่า เด็กที่เกิดมาด้วยวิธีนี้มักจะเรียนเก่งกว่าเด็กคนอื่น รวมไปถึงเด็กที่โตมากับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่หย่าร้างกับสามี 
 
ศาสตราจารย์ Susan Golombok ทำงานอยู่ที่ the Centre for Family Research ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้อธิบายเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า หลายคนคงมีความคิดว่า เด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่มีแม่หรือพ่อเป็นคนดูแลเพียงคนเดียวนั้นมักจะมีปัญหา และมีผลการเรียนไม่ดี เพราะพ่อแม่ของเด็กเหล่านี้ไม่ได้มีการวางแผนว่าจะเกิดการหย่าร้างขึ้นมา หรือไม่คิดว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ ดังนั้นเมื่อพวกเขาต้องกลายเป็นคุณพ่อหรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว พวกเขาจึงมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทำให้ต้องทำงานหนักมากขึ้น มีความเครียดมากขึ้น และอาจจะทำให้เด็กมีปัญหาได้เพราะพ่อแม่มีเวลาให้ไม่เพียงพอ ในทางตรงกันข้ามคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ซื้อสเปิร์มมานั้น มีการวางแผนการใช้ชีวิตและเตรียมพร้อมกับการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำให้พวกเธอไม่มีความเครียดและวิตกกังวลมากในการเลี้ยงดูลูกเหมือนกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเลิกรากับสามี ทำให้เด็กที่เกิดมาได้รับความเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดีเหมือนกับเด็กๆ ที่เกิดมาในครอบครัวที่มีทั้งพ่อและแม่ที่พร้อมจะมีลูก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กที่เกิดมาจากการซื้อสเปิร์มจะมีผลการเรียนที่ดีกว่า
 
สำหรับผู้หญิงเดนมาร์กการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคงไม่แย่อย่างที่ทุกคนคิด เพราะจากการศึกษาข้างต้นชี้ให้เห็นว่าพวกเธอสามารถเลี้ยงลูกๆ ของเธอได้ดี และไม่ลำบากในการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนกับในประเทศอื่นๆเพราะสวัสดิการสำหรับการลาคลอดในประเทศเดนมาร์กนั้นดีมาก จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมการซื้อสเปิร์มมาเพื่อตั้งครรภ์ถึงได้กลายเป็นเทรนด์ใหม่ของประเทศเดนมาร์ก