วันเสาร์, ตุลาคม 5, 2024
Home > New&Trend > “โกลเบล็ก” จัดทัพหุ้นเด่นได้ประโยชน์ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลชุดใหม่

“โกลเบล็ก” จัดทัพหุ้นเด่นได้ประโยชน์ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลชุดใหม่

บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทย Sideway ออกข้าง ไร้ปัจจัยใหม่หนุน จับตาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หลังแถลงนโยบาย จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,520-1,570 จุด แนะลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ได้แก่ TNP-KK-CPALL-CPAXT-STEC-CK-ITD

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัว Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด และนักลงทุนยังคงเฝ้าติดตามการเมืองในประเทศอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะมีการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 11-12 ก.ย. แม้ว่ารมว.คลัง และนายกรัฐมนตรีหารือร่วมกับ ธ.ก.ส. เพื่อให้นโยบายพักชำระหนี้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเน้นในกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นเกษตรกร และเอสเอ็มอี เพื่อช่วยบรรเทาภาระแก่ลูกหนี้ จึงคาดการณ์กรอบดัชนีที่ 1,520-1,570 จุด

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศก็ยังส่งผลต่อการลงทุน ล่าสุดสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.1%YoY ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่ผลสำรวจของรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.2%YoY หลังจากลดลง 0.3%YoY ในเดือนก.ค.สะท้อนว่าจีนกำลังเผชิญกับแรงกดดันของภาวะเงินฝืด และอาจทำให้รัฐบาลจีนเร่งใช้มาตรการกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของ EU และยูโรโซนในปีนี้เหลือขยายตัว 0.8% จากเดิม 1.0% และขยายตัว 0.8% จากเดิม 1.1% ตามลำดับ

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ อาทิ วันที่ 25 ก.ย. กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ,การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน วันที่ 27 ก.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 5/2566 วันที่ 29 ก.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ส่วนปัจจัยต่างประเทศ อาทิ วันนี้ 12 ก.ย. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนก.ย. สหรัฐ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนส.ค. วันที่ 13 ก.ย. สหรัฐ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค. ทั้งนี้ ผลการสำรวจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก พบว่า คาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนส.ค. วันที่ 14 ก.ย. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เนื่องจากเงินเฟ้อยังไม่มีแนวโน้มชะลอตัว สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. วันที่ 15 ก.ย. จีน รายงานดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ยอดค้าปลีกเดือนส.ค. สหรัฐ รายงานดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย. วันที่ 19-20 ก.ย ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ทั้งนี้ ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 93.0% ที่ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50%

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ได้แก่ TNP, KK, CPALL, CPAXT, STEC, CK และ ITD รวมทั้งหุ้นได้ประโยชน์จากการเปิดตัว iPhone 15 ในวันนี้ (12 กันยายน) ได้แก่ COM7, SPVI, CPW และ SYNEX

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมทองคำสัปดาห์นี้ว่ายังคงต้องจับตาประกาศอัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมของสหรัฐซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.4% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในเดือนสิงหาคมเฉลี่ย 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล +7%MoM อีกทั้งราคาน้ำมันมีแนวโน้มทรงตัวระดับสูงเพราะเข้าสู่ฤดูหนาวทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มเติม

ฝ่ายวิจัยประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมของสหรัฐจะออกมาสูงกว่าครั้งก่อนที่ระดับ 3.2% ทำให้เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ย. อีก 0.25% เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ ระหว่างสัปดาห์มองราคาทองคำเคลื่อนตัวในกรอบ 1,900-1,945$/oz คำแนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้