Superrich Thailand เปิดเกมรุกครั้งใหญ่ แตกแบรนด์ธุรกิจแลกเงิน OH! Rich เน้นจุดขาย Lifestyle Promotion รับกระแสท่องเที่ยวไทยพลิกฟื้นแบบ “ล้นทะลัก” จากการคาดการณ์ตัวเลขรายได้ท่องเที่ยวในปี 2566 จะเติบโตในอัตราเร่งอีก 1 ล้านล้านบาท พุ่งแตะ 2.25 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติจะพุ่งสูงแตะ 28 ล้านคน
แน่นอนว่า ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรากลับมาคึกคัก ทั้งในแง่กลุ่มลูกค้าคนไทยที่เริ่มเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ มากขึ้น การเดินทางไปทำธุรกิจและการเรียนต่อต่างประเทศ หลังหยุดชะงักไปในช่วงโควิดแพร่ระบาด 2-3 ปี
ขณะเดียวกันการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการของจีน โดยผ่อนคลายมาตรการการรับมือสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 เป็นสัญญาณการสิ้นสุดของวิกฤตโควิด-19 ที่กระทบต่อภาคการท่องเที่ยว หลังไทยประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 รายได้ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
สิตามนินท์ สุสมาวัตนะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส อาร์ ที ฟอเร๊กซ์ จำกัด (SRT Forex) กล่าวกับ “ผู้จัดการ 360 องศา” ว่า การเลือกจังหวะนี้เปิดตัวแบรนด์ OH! Rich เพราะเห็นเทรนด์ตั้งแต่เริ่มเปิดประเทศเมื่อปลายปีที่แล้ว ตัวเลขบางช่วงโตขึ้นถึง 4 เท่า เปรียบเทียบกับช่วงโควิด Transaction ลดเหลือเพียง 10% เท่านั้น เป็นระยะเวลานาน
“พอเปิดประเทศ ทุกคนคิดถึงการเดินทางท่องเที่ยวและขยายธุรกิจด้วย เที่ยวเพื่อความสุข เรียนต่อ ทุกอย่างเติบโตขึ้น หลายประเทศเปิดประเทศ เราเห็นตัวเลขเติบโตขึ้น และมีการคาดการณ์นักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยมากกว่า 22 ล้านคน ขณะนี้การเดินทางกลับมาเยอะแล้ว เติบโตชัดเจน”
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราคึกคักขึ้น จากช่วงโควิดมีรายย่อยปิดตัว เวลานี้ร้านแลกเปลี่ยนเงินตราตามถนนเริ่มกลับมาเปิดใหม่ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เพิ่งประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจเงินตราต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัว ส่งผลเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ผู้ประกอบการสามารถปรับรูปแบบการทำธุรกิจได้มากขึ้น ผู้ประกอบการจำนวนรายน่าจะเพิ่มขึ้นและอาจมีผู้เล่นรายใหม่ด้วย
ทั้งนี้ สาระสำคัญของการปรับหลักเกณฑ์ของ ธปท. คือ การให้ผู้ที่ต้องการประกอบธุรกิจเงินตราต่างประเทศ สามารถขึ้นทะเบียนกับ ธปท. เพื่อทดสอบการให้บริการด้วยนวัตกรรมใหม่ (sandbox) รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และปรับการให้ใบอนุญาตจากเดิมเป็นรายสถานประกอบการ เป็นรายนิติบุคคล โดยให้ใช้ใบอนุญาตได้กับสถานที่ประกอบธุรกิจทุกแห่ง ซึ่งรวมถึงสำนักงานใหญ่ สาขา และช่องทางให้บริการของนิติบุคคลนั้น เพิ่มความคล่องตัวและลดภาระของผู้ประกอบธุรกิจ
สำหรับแบรนด์ใหม่ OH! Rich บริษัทโฟกัสลูกค้ากลุ่มที่ชอบเดินทางโดยเฉพาะ โดยศึกษาไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเน้นความสะดวก ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น ซึ่งการแลกเปลี่ยนเงินตราถือเป็นจุดสุดท้ายของการเดินทาง หลังจากเตรียมตัวมามากแล้ว ทั้งเลือกสถานที่บนโลกว่าจะไปที่ไหน ทำวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน ผ่านขั้นตอนมากมาย บางทีเป็นขั้นตอนยุ่งยากด้วยซ้ำ
ดังนั้น เมื่อมาถึงขั้นตอนการแลกเงิน เพื่อคอนเฟิร์มการเดินทาง ตรงนี้เป็นจุดสุดท้ายที่ OH! Rich ต้องการมีส่วนร่วมในการเดินทางของลูกค้า เช่น คำอวยพร ให้กำลังใจเล็กๆ หรือโปรโมชันให้เขาเดินทางอย่างสนุกสนาน
“เราไม่ได้จำกัดลูกค้าเลย แต่อยากทำให้การแลกเงินเป็นเรื่องสนุก ลูกค้าอาจมีอายุมาก แต่มีความ Young at Heart มองการเดินทางเป็นความสนุกตื่นเต้น อยากทำให้จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่มีสีสันสดใส”
ที่สำคัญ บริษัทต้องการสร้างความแตกต่างและเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ เพื่อให้แบรนด์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ OH! Rich จะเติบโตขึ้นมาเป็น DNA ใหม่
ด้านที่มาของชื่อ OH! Rich ได้มาจากวงสนทนากลุ่มเพื่อนที่มักบ่นว่าไม่มีเงิน แต่กำลังจะแลกเงินไปญี่ปุ่นเดือนหน้า และเดือนที่แล้วเพิ่งกลับมาจากประเทศอื่น ซึ่งหากไม่มีเงินอาจทำไม่ได้หรอก จึงกลายเป็นคำพูดหยอกว่า โอ้โห! รวยนิหว่า กลายเป็นที่มาของชื่อ OH! Rich และชื่อนี้ยังง่ายกับการจัดของสมนาคุณ โปรโมชัน กิจกรรมต่างๆ กับลูกค้าด้วย
อย่างไรก็ตาม สิตามนินท์กล่าวว่า เธอพยายามรีแบรนด์ Superrich เพราะในตลาดยังมีแบรนด์ชื่อเดียวกัน เพียงแต่ใช้สีโลโกต่างกัน คือ แบรนด์คู่แข่งใช้สีส้ม ส่วนของบริษัทใช้สีเขียว ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องระบุว่า Superrich สีเขียวหรือสีส้ม ซึ่งจริงๆ เป็นธุรกิจของครอบครัวพี่น้องกันที่แยกออกมา โจทย์ข้อใหญ่จึงอยู่ที่การสร้างความแตกต่างและความชัดเจนสื่อสารกับลูกค้า
“ก่อนช่วงโควิด ซุปเปอร์ริชไทยแลนด์ตั้งบริษัท เอส อาร์ ที ฟอเร๊กซ์ บริหารธุรกิจภายใต้ชื่อแบรนด์ Superrich Thailand Forex แยกการบริหารชัดเจน แต่พอใช้มาสักพักหนึ่งบังเอิญมีข่าว Forex 3D ทำให้ความเข้าใจไม่ค่อยดี ทั้งที่ Forex ในความหมายของเราคือ Foreign Exchange หมายถึงการแลกเงิน ทำให้ต้องรีแบรนด์เป็น OH! Rich ภายใต้บริษัท เอส อาร์ ที ฟอเร๊กซ์”
ปัจจุบัน เอสอาร์ที ฟอเร๊กซ์ เปิดให้บริการ 11 แห่ง ได้แก่ สาขาสยามพารากอน สาขาเอ็มโพเรียม สาขาจิวเวลรี่เทรดเซ็นเตอร์ สาขาเซ็นทรัล พระราม 9 สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า เซ็นทรัล ลาดพร้าว สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต สาขาเมกาบางนา สาขาพาราไดซ์พาร์ค และสาขารีเจ้นท์ เฮ้าส์ ราชดำริ โดยสาขาเอ็มโพเรียมนำร่องปรับแบรนด์ใหม่ OH! Rich และเร่งทยอยปรับโฉมใหม่ทั้งหมดภายในปีนี้
“เอสทีอาร์ ฟอเร๊กซ์ บริหาร 11 สาขา ส่วนของคุณพ่อ (อภิชัย สุสมาวัตนะกุล) ภายใต้แบรนด์ Superrich Thailand ยังเปิดให้บริการ 4-5 สาขา เป็นการแยกบริษัท แยกการบริหาร ซึ่งในอนาคตบริษัทยังไม่แน่ใจเรื่องการขยายสาขา เพราะต้องรอดูสถานการณ์ต่างๆ สถานการณ์โควิด ช่วงก่อนโควิดมีแผนขยายเยอะมาก แต่พอเกิดโควิดต้องเปลี่ยนแผนใหม่หมด อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่รู้ แต่ตอนนี้เราพยายามดูแลลูกค้า OH! Rich และโลเกชันที่มีอยู่ ปรับเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานมากขึ้น”
สิตามนินท์ย้ำด้วยว่า หลังเปิดตัวแบรนด์ใหม่ไม่นาน กระแสตอบรับดีมาก ลูกค้าชอบความสดใสขึ้น และบริษัทสร้างจุดขายอัดแคมเปญ Shop Fin Fun สำหรับคนที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น เพียงนำเงินบาทแลกเป็นเงินเยนที่ OH! Rich มูลค่า 50,000 บาทขึ้นไปรับคูปองส่วนลด 2,000 เยน ช้อปปิ้งที่ LOTTE Duty Free Tokyo Ginza Store ยาวถึง 16 มีนาคม หรืออย่างช่วงเทศกาลตรุษจีนมีแคมเปญอั่งเปามงคลให้ลูกค้าร่วมลุ้น ซึ่งบริษัทวางแผนจัดโปรโมชันอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกรณีเงินบาทแข็งค่าอาจมีผลกับนักท่องเที่ยวที่เตรียมเดินทางมาประเทศไทย แต่ลูกค้าที่เดินทางไปต่างประเทศถือเป็นโอกาสดี โดยเงินสกุลที่แลกเปลี่ยนมากสุดยังคงเป็น 3 สกุลหลัก คือ ยูเอสดอลลาร์ เยน และยูโร อย่างไรก็ตาม OH! Rich รองรับลูกค้าทั้งขาเข้าประเทศและขาออกประเทศ จึงไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด.