วันพุธ, ธันวาคม 4, 2024
Home > Cover Story > ศุภาลัย รับบท “พี่เลี้ยง” หนุนผู้ประกอบการอสังหาฯ รายเล็ก

ศุภาลัย รับบท “พี่เลี้ยง” หนุนผู้ประกอบการอสังหาฯ รายเล็ก

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยนับว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่สูงมาก แม้ว่าปีนี้ที่ภาพรวมเศรษฐกิจดูจะไม่ค่อยสดใสนัก ทว่ามีการคาดการณ์มูลค่าตลาดเปิดตัวใหม่อาจจะมากกว่า 380,857 ล้านบาท หากเทียบกับปี 2564 ที่มีมูลค่าตลาดเปิดตัวใหม่อยู่ที่ 277,626 ล้านบา

หากดูในภาพรวมโครงการเปิดใหม่ในช่วง 7 เดือนแรก (มกราคม-กรกฎาคม) ของปีนี้ มีจำนวน 210 โครงการ เมื่อเทียบกับสถิติ 7 เดือนแรกของปี 2564 มีการเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 152 โครงการ

การแข่งขันของตลาดอสังหาฯ ยังคงน่าจับตามองเสมอ เมื่อเจ้าตลาดรายใหญ่ต่างพากันระดมสรรพกำลังสร้างแรงขับเคลื่อนในธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง ความคึกคักของตลาดไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แต่ในเมืองใหญ่เท่านั้น หากแต่ค่ายใหญ่เริ่มสยายปีกไกลออกไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดที่พอจะมองเห็นศักยภาพของตลาด ที่มีปัจจัยมาจากการขยายตัวของเมืองในจังหวัดนั้นๆ อันนำมาซึ่งความต้องการที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดที่เพิ่มมากขึ้น

แต่เดิมตลาดอสังหาฯ ในต่างจังหวัดอาจจะเป็นการตลาดหลักของผู้ประกอบการอสังหาฯ รายย่อย ปัจจุบันอาจไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว เมื่อมองในมิติการแข่งขันหากในพื้นที่นั้นมีแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ เราคงได้เห็นการประชันกันด้วยโครงการใหญ่ๆ และการแข่งขันที่ดูสมน้ำสมเนื้อ ทว่า หากในพื้นที่นั้นผู้ประกอบการรายเล็กเป็นเจ้าตลาด และมีผู้เล่นรายใหญ่กระโดดเข้าร่วมวงด้วย อาจดูไม่ค่อยยุติธรรมนัก

ปัจจัยหลักเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยอันเป็นที่มาของโครงการ Big Brother ที่หอการค้าไทยจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ดูจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยในทุกแวดวงให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปได้ดีขึ้นท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือด

บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่ถือว่าเป็นเบอร์ต้นๆ ในตลาดอสังหาฯ ซึ่งแต่ละปีศุภาลัยมีการลงทุนและเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เมื่อการพัฒนาธุรกิจอสังหาฯ เป็นภารกิจหลัก ทว่า อีกหนึ่งหน้าสัมผัสของศุภาลัยที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการ Big Brother คือการรับบท “พี่เลี้ยง” ที่ให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อย

กิตติพงษ์ ศิริลักษณ์ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายงานก่อสร้างอาคารสูง กล่าวว่า “ที่ผ่านมา ศุภาลัย เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เพียงรายเดียวที่เข้าร่วมและให้การสนับสนุนโครงการ ‘Big Brother’ ซึ่งจัดโดยสภาหอการค้าไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ในบทบาท ‘พี่เลี้ยง’ ของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มาแล้วถึง 8 ราย โดยในปี 2564 บริษัทได้ถ่ายทอดกลยุทธ์ธุรกิจให้กับบริษัท ยังโฮม เอสเตท จำกัด และในปี 2565 นี้ก็ได้เป็นโค้ชให้กับบริษัท บี มอร์ เอสเตท จำกัด และบริษัท จุพาชัย พัฒนา จำกัด ซึ่งทั้ง 3 รายดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในระดับภูมิภาค

แม้ว่าทั้ง 3 บริษัทข้างต้นจะเป็นคู่แข่งโดยตรงในสนามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ในสายตาของศุภาลัย กลับมองเห็นว่าเราได้พันธมิตรธุรกิจในภาคท้องถิ่นมาเพิ่มซึ่งจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมอง ได้เรียนรู้วิธีการบริหารงานหลากหลายรูปแบบ

ในขณะที่ศุภาลัยเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ทำงานด้วยระบบการทำงานอย่างหนึ่ง แต่หากเป็นบริษัทขนาดเล็กจะทำให้เห็นวิธีคิด มุมมอง อุปสรรค รวมทั้งวิธีแก้ปัญหาที่แตกต่างออกไป ก่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาซึ่งกันและกัน โดยการเข้าร่วมโครงการนี้ยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย เพราะเมื่อมีผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่หลากหลาย นับเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้ลูกค้า ซึ่งบริษัทต่างๆ จะเกิดการปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจให้ผู้อยู่อาศัยเหมือนกับที่ตลอด 33 ปีที่ผ่านมา ศุภาลัยมุ่งมั่นพัฒนาสร้างที่อยู่อาศัยที่ดีจากความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจที่บริษัทยึดถือมาโดยตลอด เพราะเราเข้าใจดีว่า อสังหาริมทรัพย์เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงมากของครอบครัวหรือคนคนหนึ่ง การทำงานในภาคส่วนนี้จึงต้องคำนึงถึงความพึงพอใจสูงสุดของผู้อยู่อาศัยเสมอ การเข้าร่วมโครงการ Big Brother นี้จึงนับว่าเป็นการร่วมมือกันเพื่อสร้างสิ่งดีให้ธุรกิจอสังหาฯ ทั้งผู้พัฒนาและลูกค้าโดยภาพรวม

ด้านเสาวลักษณ์ นาคภัทระพงศ์ และนางสาวจินห์จุฑา ภูวเดชนิกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท บี มอร์ เอสเตท จำกัด ระบุว่า “บริษัทเริ่มเข้ามาพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดปราจีนบุรี ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน และสามารถส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าแล้วกว่า 200 หลัง ด้วยความตั้งใจอยากมอบบ้านดีมีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ให้กับลูกค้า

เมื่อทราบว่า บมจ. ศุภาลัย เข้าร่วมเป็นพี่เลี้ยงในโครงการ Big Brother จึงไม่ลังเลใจในการเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากศุภาลัยเป็นบริษัทต้นแบบในการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหากต้องการเติบโตในอนาคตอย่างมีแบบแผนเป็นระบบ และยั่งยืนก็อยากได้คำแนะนำในการทำงานจากมืออาชีพที่คร่ำหวอดในสนามอสังหาฯ มานานกว่า 30 ปี

โดยหลังจากที่เข้าร่วมโครงการ ทำให้มุมมองการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนไป เพราะได้เห็นภาพรวมของภาคอสังหาฯ ที่ใหญ่ขึ้น เมื่อมีข้อสงสัยก็ได้รับคำตอบและคำแนะนำจากศุภาลัยอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งได้แนวคิดในการทำงานและแบบแผนในการทำธุรกิจ ซึ่งจะนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบริษัทเพื่อให้เกิดการบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและส่งผลให้ผลประกอบการโดดเด่นเหมือนดังเช่นบริษัทพี่เลี้ยง

นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารโครงการสุขอาศัย จ.สุราษฎร์ธานี ดาราวรรณ โพธิครูประเสริม ที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ กล่าวว่า “สำหรับโครงการสุขอาศัยเองในช่วงแรกมีปัญหาเรื่องการก่อสร้าง การคุยงานกับผู้รับเหมาในพื้นที่ยังไม่ลงตัว จึงเอาโจทย์นี้มาปรึกษาศุภาลัย ซึ่งเป็นบริษัทพี่เลี้ยง อีกทั้งได้เข้าไปพัฒนาธุรกิจอสังหาฯ ใน จ.สุราษฎร์ธานีมาอย่างยาวนาน ทำให้ได้รับคำแนะนำที่จะสามารถนำไปปรับกลยุทธ์ปรับแผนก่อสร้าง รวมถึงได้ไอเดียในการบริหารงานหลังจากคุยกับการตลาดและฝ่ายขายของศุภาลัย ทั้งด้านการทำการตลาดออนไลน์และออฟไลน์ เรียกได้ว่า การเข้าร่วมโครงการนี้ทำให้มองเห็นลักษณะการทำงานของพี่ใหญ่ในวงการอสังหาฯ ว่ามีรูปแบบการบริหาร แนวคิดในการทำงานอย่างไร เพื่อสังเกตและนำมาปรับใช้กับการทำงานของโครงการตนเองต่อไป

ขณะที่ศุภาลัยเชื่อมั่นในแนวคิดที่ว่า การขับเคลื่อนธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย ไม่สามารถที่จะเติบโตเพียงคนเดียวได้ ทุกภาคส่วนต้องพัฒนาไปพร้อมกันจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการแบ่งปันความรู้และข้อมูลเชิงลึกด้านอสังหาฯ ให้กับบริษัทน้องผ่านโครงการ Big Brother จะก่อให้เกิดการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยและยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้แข็งแกร่ง เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

ด้านสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ผู้ประกอบการมีความกังวล จากกรณีต้นทุนที่สูงขึ้น เมื่อตลาดยังมีปัจจัยลบที่สำคัญ เช่น สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น ภาวะเงินเฟ้อ และทิศทางการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ค่าจ้างแรงงาน ปัจจัยเหล่านี้อาจฉุดความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในช่วงเวลาที่เหลือของปี.