6 มิถุนายนนี้ต้องลุ้นระทึกว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะมีมติขึ้นราคาดีเซล หรืออัดเม็ดเงินอุดหนุนตรึงต่ออีกระยะก่อน หลังตัดสินใจปรับขึ้นไปลิตรละ 1 บาทเมื่อสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ระดับไม่เกิน 33 บาท
หากทบทวนมาตรการช่วยเหลือด้านราคาน้ำมันดีเซลตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 โดยสั่งตรึงราคาเพดานไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรในช่วงเดือนเมษายน และใช้วิธีอุ้มส่วนเกินเพดานที่ปรับเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง หรือเรียกกัน “ดีเซลคนละครึ่ง” ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน แต่ทยอยปรับขึ้นลงตามสถานการณ์เป็นรายสัปดาห์
ปรากฏว่า วันที่ 27 เมษายน 2565 กบน. เห็นชอบขึ้นราคาดีเซลแบบขั้นบันไดครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม และกำหนดเพดานใหม่ไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร จากเดิม 30 บาทต่อลิตร โดยยึดหลักตามคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีมติว่าส่วนเกินจาก 30 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะเข้าไปอุดหนุนครึ่งหนึ่งและราคาขึ้นตามจริงครึ่งหนึ่ง
ในเวลานั้น ทั้งการอ่อนค่าของเงินบาทและราคาดีเซลโลกพุ่งสูงถึง 145 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ต้นทุนแท้จริงอยู่ที่ 40 บาทต่อลิตร หากราคาปรับขึ้นทันที ณ วันที่ 1 พฤษภาคม ราคาขายปลีกดีเซลจะอยู่ที่ 35บาทต่อลิตร ดังนั้น กบน. จึงเห็นชอบขยับขึ้นเป็น 32 บาทต่อลิตร และติดตามสถานการณ์ทุกสัปดาห์ หากจำเป็นต้องขยับขึ้นจะทยอยปรับไม่เกินครั้งละ 1 บาท และไม่เกินเพดาน 35 บาท
ขณะที่ดูสถานะกองทุนน้ำมันฯ ติดลบ 56,278 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 24,302 ล้านบาท บัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ติดลบ 31,976 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดที่ 9,675 ล้านบาท โดยใช้เงินอุดหนุนดีเซลต่อวันต่อลิตร 9.57 บาท รวมวันละ 634.93 ล้านบาท
ถัดจากนั้นการทบทวนรายสัปดาห์ยังไม่มีการขยับราคา โดย กบน. ระบุว่า สถานการณ์ตลาดโลกยังไม่รุนแรงมาก กองทุนน้ำมันฯ สามารถบริหารจัดการได้ในระดับหนึ่ง ท่ามกลางกระแสข่าวรัฐบาลหวังผลทางการเมือง ทั้งการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) สมาชิกสภา กทม. และต้องการดันเครดิตรัฐบาล รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยคงราคาเดิมเกือบ 1 เดือน
กระทั่งเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่ประชุม กบน. มีมติขึ้นราคาดีเซล 1 บาท จากไม่เกิน 32 บาท เป็นไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม และจะพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 6 มิถุนายน
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า การขึ้นราคารอบนี้เป็นผลจากต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลผันผวนไต่ระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งปัจจัยการเปิดประเทศของจีน มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียและน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ลดลง ซึ่งหากราคาน้ำมันยังสูงจะพิจารณาปรับราคาอีกครั้งในสัปดาห์ถัดไป โดยยืนยันราคาดีเซลในช่วงนี้จะไม่มีต่ำกว่าลิตรละ 33 บาท แน่นอน
ส่วนฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2565 ติดลบ 81,395 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 45,968 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้มติดลบ 35,427 ล้านบาท โดยมีกระแสเงินสด 9,803 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีเงินฝากธนาคาร 3,228 ล้านบาท และบัญชีเงินฝากที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง 6,565 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญ คือ หากราคาน้ำมันยังพุ่งสูง กองทุนน้ำมันฯ อาจมียอดติดลบแตะ 1 แสนล้านบาทเร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้
ในส่วนราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีขยับขึ้นเป็นรอบที่ 3 อีก 1 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) หรือขยับเป็น 363 บาท/ถังขนาด 15 กก. จากราคาต้นทุนเกือบ 600 บาท/ถัง จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ถังละ 348 บาท ซึ่งขึ้นต่อเนื่องจากเดือนเมษายน ราคาถังละ 333 บาท โดยขณะนี้อุดหนุนราว 16 บาท/กก. ซึ่งการดูแลราคาก๊าซหุงต้มต่อไปอยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
แน่นอนว่า ทันทีที่ราคาดีเซลพุ่งขึ้น ฝ่ายสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ออกมาประกาศเตรียมขึ้นค่าขนส่งอีก 3% เนื่องจากต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นทุก 1 บาท คิดเป็นต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น 3% ภายหลังทยอยปรับขึ้นมาแล้ว 10-15%
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งสัญญาณยืดเยื้อ ทำให้ทั่วโลกต่างวิตกกังวล โดยเฉพาะ 2 เรื่องสำคัญที่ต้องจับตา คือ วิกฤตพลังงานและวิกฤตอาหาร โดยเฉพาะราคาพลังงาน เพราะคนไทยได้รับผลกระทบเต็มรูปแบบแล้ว น้ำมันกลุ่มเบนซินราคาขายปลีกสูงมาก เช่น เบนซิน 95 ขายปลีก 2 ลิตร ราคาเกิน 100 บาทแล้ว ซึ่งภาครัฐไม่ได้อุดหนุนเหมือนกลุ่มดีเซล มีเพียงกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่ได้รับความช่วยเหลือผ่านโครงการวินเซฟ
สิ่งที่ตามมาคือ สินค้าขึ้นราคาไล่มาทันทีในเดือนนี้ บรรดาผู้ผลิตต่างแจ้งร้านค้าส่งหลายรายการ อาทิ ครีมเทียมแบบถุงและกล่อง ขึ้น 2-5 บาท กาแฟสำเร็จรูปทุกขนาด ขึ้น 4-5 บาท ทั้งแบบถุงและขวด ส่วนกาแฟกระป๋อง ขึ้น 2 บาทต่อกระป๋อง จาก 15 บาท เป็น 17 บาท สบู่และครีมอาบน้ำขึ้น 10%
ปลากระป๋องขึ้น 4 บาทต่อกระป๋อง จาก 10 บาท เป็น 14 บาท นมถั่วเหลืองขวดขึ้น 3 บาทต่อขวด จาก 12 บาท เป็น 15 บาท และน้ำจิ้มไก่ขึ้น 10% ซึ่งแนวโน้มราคาสินค้าจะทรงตัวในระดับสูงยาวถึงสิ้นปีด้วย
ดังนั้น ราคาน้ำมันและค่าครองชีพถือเป็นโจทย์ยากของรัฐบาล ทั้งการบริหารจัดการเงินกองทุน การหาแหล่งรายได้ แหล่งเงินกู้ และการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้คนที่มีกำลังซื้อออกมาจับจ่ายเพิ่มเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ
ด้านภาคเอกชน ที่ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน ประกอบด้วยหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ยืนยันอีกครั้งว่า รัฐบาลควรเร่งประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น เพื่อให้เกิดผลทางจิตวิทยา กระตุ้นประชาชนกล้าออกจากบ้านมาจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะกลุ่มมีรายได้ระดับกลางและระดับสูงที่ยังกังวลและไม่กล้าออกจากบ้าน
กกร. ระบุว่า เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งปัญหาความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ราคาพลังงานที่ยังปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นทั่วโลก แต่ยังคงประมาณการขยายตัวของจีดีพีในกรอบ 2.5-4.0% การส่งออกขยายตัว 3.0-5.0% อัตราเงินเฟ้อขยายตัว 3.5-5.5% เนื่องจากการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทยยังขยายตัวได้ แต่ราคาน้ำมันดีเซลต้องไม่ทะลุเกิน 35 บาทต่อลิตร
นี่คือวิกฤตปากท้องที่รุนแรงยิ่งกว่าโควิดไปแล้ว เพราะ ณ วันนี้ ราคาดีเซล 33 บาท อีก 2 บาท ใกล้ทะลุ 35 บาท รัฐบาลคงต้องรีบเตรียมแผนรับมือ หากสถานการณ์ยืดเยื้อและรุนแรงขึ้นอีก.0