ยักษ์ใหญ่ชูกำลัง “โอสถสภา” เดินหน้าสร้างภาพลักษณ์ใหม่ๆ พร้อมๆ กับการรุกขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะแคมเปญล่าสุด การจับมือกับบริษัท ยูโรเปี้ยนฟู้ด จำกัด (มหาชน) ส่ง “เยลลี่ปีโป้ กลิ่น M-150” ลิมิเต็ดเอดิชัน เข้ามาสร้างสีสัน ตอกย้ำไอเดียโนลิมิต ได้ทั้งกระแสไวรัลและปลุกยอดการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังเปิดตัวไม่ถึงเดือน
ที่สำคัญ แค่ชื่อของ 2 บิ๊ก กระตุกความสนใจของผู้คนได้ทันที เพราะใครจะเชื่อว่า แบรนด์เครื่องดื่มบำรุงกำลังสามารถบวกเข้ากับเยลลี่เด็กๆ ที่โลดแล่นอยู่ในตลาดมากกว่า 37 ปี กลายเป็นเยลลี่คาราจีแนน ผสมน้ำองุ่นขาว 15% ที่ไม่ได้มีส่วนผสมของเครื่องดื่มบำรุงกำลัง แต่งัดกิมมิกกลิ่นผลไม้คล้ายๆ M-150 เป็นตัวเปิดเกมสร้างโอกาสเจาะกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่และดึงกลุ่มผู้ใหญ่ หรือ “คนเคยเด็ก” กลับมาชิมเยลลี่รสแหวกแนว
ขณะเดียวกัน ทั้ง M-150 และปีโป้ ต่างมี Story ร่วมกันมานานหลายปีแล้ว จากกระแสความชื่นชอบเมนูเครื่องดื่มสูตร M-150 ใส่ปีโป้ หวานๆ เปรี้ยวๆ ถึงขั้นมีการคิดค้นสูตรใหม่ๆ เช่น เอ็มปั่นปีโป้ ฟรุตสลัด เพิ่มส่วนผสมผลไม้อย่างสับปะรดและฟรุตสลัด กลายเป็นเมนูยอดฮิตสร้างรายได้ให้ร้านน้ำปั่นทั่วเมือง
นอกจากนั้น แบรนด์ปีโป้ยังมี Topic เกิดขึ้นในกระแสในโลกโซเชียลต่อเนื่อง ตั้งแต่ Topic #Saveปีโป้ม่วง จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์มาแล้ว มีการตั้งประเด็น “ปีโป้รสชาติไหนอร่อยที่สุด” “ปีโป้สีม่วงกับสีขาว รสไหนอร่อยกว่ากัน” หรือ “ทำไมปีโป้ถึงแกะยาก” ซึ่งกลุ่มยูโรเปี้ยนฟู้ดงัดกลยุทธ์ต่อยอดพัฒนารสชาติอย่างหลากหลาย ไม่ได้มีแค่รสสตรอว์เบอร์รี รสแอปเปิล รสสับปะรด รสส้ม รสลิ้นจี่ และรสองุ่น แต่เพิ่มรสชาติแบบเฉพาะกิจและเน้นขายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น รสพีช รสโยเกิร์ต รสชามะนาว รสเผ็ด รสโคล่า รสองุ่นมัสคัต ปีโป้กลิ่นกุหลาบ
รวมถึงออกกล่องสุ่มปีโป้รวมรสปริศนา 50 ถ้วย (Pipo Mystery Box) สีใสทุกถ้วยและต้องแกะชิมเท่านั้น จนกระทั่งล่าสุดใช้กลยุทธ์ Collaboration จับมือกับค่ายโอสถสภาผลิตปีโป้กลิ่น M-150
จากการสอบถามข้อมูล บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปีโป้กลิ่น M-150 เกิดจากการที่แบรนด์ทั้งสองซึ่งที่เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้บริโภคมานาน มีความต้องการตรงกัน เพื่อสร้างความตื่นเต้นและสีสันให้กับผู้บริโภค โดยบริษัท ยูโรเปี้ยนฟู้ด จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายผ่านช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ได้แก่ Shopee, Lazada และ Line @eurofood เป็นหลัก รวมทั้งสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นผู้บริโภควัย 15-35 ปี ทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ และผ่านอินฟลูเอนเซอร์
อย่างไรก็ตาม สินค้าตัวนี้ยังเป็น Limited Edition ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด แต่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายอย่างดี หลังจากวางจำหน่ายและสื่อสารทางช่องทางออนไลน์
ผู้บริโภคที่ได้ชิมต่างส่งต่อและรีวิวสินค้าในช่องทางโซเชียลของตัวเอง จนเป็นไวรัลและพูดถึงจำนวนมาก มียอดการสั่งซื้ออย่างรวดเร็วหลังเปิดตัวและยังมีการสั่งซื้อมาอย่างต่อเนื่อง
“ปีโป้กลิ่น M-150 ถือเป็นกลยุทธ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับหลายๆ แบรนด์ การจับมือของสินค้าที่แตกต่างกันและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งสามารถสร้างปรากฏการณ์ให้ตลาดอย่างมาก ช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคจากการสร้างความตื่นเต้น ทำให้ผู้บริโภคอยากทดลอง และข้อดีที่สำคัญ คือการขยายเข้าสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ของพันธมิตร” ตัวแทนโอสถสภากล่าวกับ “ผู้จัดการ 360”
อย่างก่อนหน้านี้ โอสถสภาจับมือกับบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี เปิดแคมเปญความร่วมมือทางการตลาด “ฮึดสู้อย่างเสือ หัวใจเกินร้อย” ส่งเสริมการขายปูนซีเมนต์ตราเสือ โดยออกเครื่องดื่มให้พลังงาน-150 กระชายดำผสมน้ำผึ้ง X ปูนตราเสือ รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น เจาะกลุ่มช่าง ผู้รับเหมาและกลุ่มแรงงาน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้าทั้งสองบริษัท
หรือการใช้กลยุทธ์แปลงโฉมขวดแบบเฉพาะกิจในโอกาสฉลองแบรนด์ลิโพครบรอบ 55 ปีในประเทศไทย ด้วยผลิตภัณฑ์ลิมิเต็ด อิดิชั่น ลิโพวิตัน-ดี x ดราก้อนบอล โดยนำคาแรกเตอร์จากการ์ตูนดราก้อนบอลผสมผสานเป็นฉลากรุ่นพิเศษ 5 ลาย เจาะคอการ์ตูนให้เก็บสะสมและลุ้นรางวัลเสื้อยืดลิโพดราก้อนบอล
ล่าสุด โอสถสภายังทุ่มงบแตกไลน์ใหม่แบรนด์ ‘ลิโพ-ไฟน์’ เจาะตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังสำหรับผู้หญิง น้ำตาล 0% กลิ่นมิกซ์เบอร์รี ซึ่งถือเป็นการสร้างเซกเมนต์ใหม่ด้วย เพราะสำหรับบิ๊กชูกำลังแล้ว แม้พยายามแตกกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ แต่แบรนด์ M-150 และลิโพ ยังเป็นผลิตภัณฑ์สร้างรายได้หลัก
ถ้าดูตัวเลขเมื่อปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 25,583 ล้านบาท มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม 21,547 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 84.2% แบ่งเป็นกลุ่มเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ และกาแฟพร้อมดื่ม 17,706 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 69.2% และกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ เช่น ซีวิต 3,841 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15%
กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล มียอดขายรวม 2,501 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.8% แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เช่น เบบี้มายด์ 1,688 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6.6% และผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลอื่นๆ เช่น ทเวลฟ์พลัส โปรฮาดะ เอ็กซิท 813 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.2%
ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ 1,535 ล้านบาท 6.0% แบ่งเป็นการให้บริการผลิตสินค้าและบรรจุภัณฑ์ (โออีเอ็ม) 1,045 ล้านบาท 4.1% ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ลูกอมและอื่นๆ เช่น โบตัน ทัมใจ ยากฤษณากลั่น ยาธาตุน้ำแดง 490 ล้านบาท 1.9%
เมื่อมองในแง่ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่มีมูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านบาท โอสถสภายังยึดส่วนแบ่งได้มากถึง 54.8% โดยผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมียอดขายรวม 13,689 ล้านบาท อัตราเติบโต 8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งข้อมูลตลาดในประเทศ กลุ่มเครื่องดื่มยังเติบโตฝ่าวิกฤตโควิดได้ถึง 5.2% แบ่งเป็นกลุ่มเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เติบโต 4% และฟังก์ชันนัลดริงก์ เติบโต 10% ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล เติบโตติดลบ 18.4% และตลาดต่างประเทศ สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังสามารถเติบโตสูงถึง 37.2%
นางจิตอาภา อัมราลิขิต หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ทางการเงิน บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะดีกว่าภาพรวมตลาด (Outperform) ผ่านการออกสินค้าใหม่ ทั้งในกลุ่ม Energy Drink และ Functional Drink ภายใต้แบรนด์หลักอย่าง M-150 ซี-วิต พลัส รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์ Health&Wellbeing อย่างผลิตภัณฑ์ เบบี้มายด์ และลิโพ-ไฟน์
บริษัทยังวางกลยุทธ์การดำเนินงานในระยะยาว (Win Tomorrow) โดยต้องการ Transform our Ecosystem เพื่อหาโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ ในอนาคต 5 ด้าน ได้แก่ 1. Winning with Consumer ในเรื่องของ Health & Wellbeing, Aging Population, Consumer lifestyle ทำให้บริษัทต้องมีนวัตกรรมและพอร์ตโฟลิโอที่ตอบโจทย์สิ่งเหล่านี้ 2. Winning with Customer ผ่าน Big Data 3. Data Analytic Capability เพื่อตัดสินใจที่ดีและเร็วขึ้น 4. Internal Efficiency นำดิจิทัลเข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจคล่องตัวมากขึ้น ต้นทุนดีขึ้น และ 5. มองโอกาสในการซื้อกิจการ (M & A and Partnership) เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง
นั่นย่อมหมายถึงกลยุทธ์โนลิมิตอีกมากมายที่โอสถสภาเตรียมออกมาสร้างสีสัน เพื่อผลักดันยอดขายและฝ่าทุกวิกฤตไปให้ได้