หลังจากเดอะมอลล์ กรุ๊ป ทุ่มงบปรับโฉม กูร์เมต์ มาร์เก็ต อัปเกรดความเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตระดับพรีเมียมและเน้นไลฟ์สไตล์สายสุขภาพ โดยเฉพาะโซนใหม่ GOURMET NATURAL ถือเป็นบิ๊กไฮไลต์ เพื่อสร้างความต่างและเกาะกระแส “ปลอดเชื้อ” ในยุคโควิดที่ผู้คนกำลังต้องการสินค้าออร์แกนิกอย่างแท้จริง
ที่สำคัญ การตัดสินใจเปลี่ยนแบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตจาก “โฮมเฟรชมาร์ท” เป็น “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” ถือเป็นโจทย์การก้าวผ่านจากกลุ่มลูกค้าระดับแมสสู่กลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์ตามแผนยุทธศาสตร์การปลุกปั้นซูเปอร์มาร์เก็ตระดับเวิลด์คลาส
หากย้อนดูเส้นทางธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตของเดอะมอลล์กรุ๊ป เริ่มต้นจากแบรนด์โฮมเฟรชมาร์ท เปิดสาขาแรกเมื่อปี 2526 ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ 2 รามคำแหง โดยขณะนั้นวางเป้าหมายแค่การเป็นตัวดึงคนเข้าศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ไม่ได้นึกถึงยอดขายหรือกำไรมากมาย ทีมผู้บริหารจึงพยายามสร้างจุดขายและภาพลักษณ์ภายใต้สโลแกน “ครบ สด สะดวก ปลอดภัย” ซึ่งประสบความสำเร็จในแง่การดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการศูนย์การค้าได้อย่างดี
ช่วงเวลาหลายปี โฮมเฟรชมาร์ทขยายสาขาตามเดอะมอลล์ จนกระทั่งมีการสร้างแบรนด์ใหม่ “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” รับการแตกไลน์ศูนย์การค้าระดับไฮเอนด์ “เอ็มโพเรียม” ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าต่างชาติและเศรษฐีคนรุ่นใหม่ ตามด้วยการเปิดศูนย์การค้าสยามพารากอนและลงทุนสร้างกูร์เมต์ มาร์เก็ต พื้นที่รวมมากกว่าหมื่นตารางเมตร กลายเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตระดับเวิลด์คลาสของโลก
เวลานั้น ผู้บริหารบริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด กล่าวอย่างมั่นใจว่า ถ้าไม่พูดถึงจำนวนสาขาเปรียบเทียบกับคู่แข่ง กูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขาสยามพารากอน ถือเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่มียอดขายต่อสาขาสูงที่สุด เดือนละ 200-300 ล้านบาท และถือเป็นเบอร์ 1 ในตลาดซูเปอร์มาร์เก็ต
เมื่อทีมงานมีประสบการณ์มากขึ้น ปี 2553 บริษัทจึงตัดสินใจลงทุนกว่าร้อยล้านบาทร่วมกับกลุ่มธุรกิจคณานันท์ เจ้าของที่ดินย่านใจกลางเมือง เปิดกูร์เมต์ มาร์เก็ต นอกศูนย์การค้าในกลุ่มเดอะมอลล์ ที่คอมมูนิตี้มอลล์ เค วิลเลจ ย่านสุขุมวิท 26
ปีต่อมา ร่วมกับกลุ่มแอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ ในเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดกูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขาเทอร์มินอล 21 จับกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์สูง กลุ่มคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติ พื้นที่กว่า 1,800 ตารางเมตร สินค้ามากกว่า 20,000 รายการ และปี 2555 เปิดสาขาในศูนย์การค้าเดอะพรอมานาด ย่านรามอินทรา โดยวางยุทธศาสตร์การขยายสาขาโฮมเฟรชมาร์ทและกูร์เมต์มาร์เก็ตในฐานะแมกเน็ตที่ศูนย์การค้าใหม่ๆ ต้องมี เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของตัวศูนย์ ยกระดับค่าเช่าของโครงการ และยกระดับกลุ่มลูกค้า
กระทั่งปี 2559 เดอะมอลล์กรุ๊ปตัดสินใจปรับเปลี่ยนแบรนด์จากโฮมเฟรชมาร์ท (Home Fresh Mart) เป็น “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” (Gourmet Market) เพื่อสร้างจุดแข็งในฐานะ “พรีเมียม ซูเปอร์มาร์เก็ต” ภายใต้แนวคิด “คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้ผู้บริโภค” รองรับไลฟ์สไตล์คนเมืองและลูกค้ากำลังซื้อสูง หลังประสบความสำเร็จจาก ดิ เอ็มโพเรียม สยามพารากอน และ ดิ เอ็มควอเทียร์
ปี 2563 เดอะมอลล์ กรุ๊ป ทุ่มงบปรับโฉมกูร์เมต์ มาร์เก็ตอีกครั้ง เพื่ออัปเกรดความเป็นพรีเมียมและเน้นโซนใหม่ GOURMET NATURAL ชัดเจนมากขึ้น โดยประเดิมที่สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน พร้อมๆกับการรีโนเวตศูนย์การค้า ตามด้วยรีโนเวตสาขาสยามพารากอน พื้นที่ 6,000 ตารางเมตร และล่าสุด คือ สาขาเดอะมอลล์ ท่าพระ ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ครั้งใหญ่ ทั้งกูร์เมต์ มาร์เก็ต และศูนย์อาหาร กูร์เมต์ อีสท์ ที่รวบรวมความอร่อยกว่า 140 ร้านดัง ทั้งร้านอาหารแบรนด์ดัง Trendy Foodie และ Street Food
ปัจจุบัน กูร์เมต์ มาร์เก็ต ขยายสาขาในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด รวม 17 สาขา ได้แก่ ดิเอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, สยามพารากอน, เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน, เดอะมอลล์ บางแค, เดอะมอลล์ บางกระปิ, เดอะมอลล์ รามคำแหง, เดอะมอลล์ ท่าพระ, เดอะมอลล์ โคราช, เทอร์มินอล 21 (อโศก), เดอะพรอมานาด, เดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์, สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีลาดพร้าว, ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง, Design Village พุทธมณฑล สาย 3, People Park อ่อนนุช และบลูพอร์ต หัวหิน
แน่นอนว่า 3 สาขาไฮไลต์ ถือเป็นสาขาที่ปรับโฉมใหม่ล่าสุด ซูเปอร์พรีเมียมสุด และปังสุด ประกอบด้วย กูร์เมต์ มาร์เก็ต เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน, กูร์เมต์ มาร์เก็ต สยามพารากอน และ กูร์เมต์ มาร์เก็ต เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ โดยเฉพาะสาขาท่าพระมีพื้นที่ 12,000-14,000 ตารางเมตร และพยายามปลุกปั้นโซนกูร์เมต์เนเชอรัลเป็นแมกเน็ตดึงดูดลูกค้า เพราะรวบรวมสินค้าสำหรับคนรักสุขภาพและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ตั้งแต่ผักผลไม้ วัตถุดิบเครื่องปรุง อาหารพร้อมรับประทาน ขนมรับประทานเล่น Superfood และวัตถุดิบทำเบเกอรี่ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ Home Care และ Personal Care ทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ รวมถึงผลิตภัณฑ์ Eco-friendly
โดยเฉพาะโซน LED FARM ซึ่งถือเป็นฟาร์มผักสดที่เปิดตัวในกูร์เมต์ มาร์เก็ต เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกในประเทศไทย
แหล่งข่าวจากเดอะมอลล์กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทวางยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต นอกเหนือจากสินค้าคุณภาพ ราคาที่เหมาะสม และการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้านสุขภาพของกลุ่มลูกค้าแล้ว บริษัทต้องการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การจับจ่ายสินค้า ซึ่ง LED FARM เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จับมือกับบริษัท ซีวิค มีเดีย จำกัด ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายหลอดไฟแอลอีดี (LEDs) มายาวนานกว่า 29 ปี และมีการต่อยอดนำองค์ความรู้เกี่ยวกับหลอดไฟแอลอีดีมาผสานกับความรู้ด้านภาควิชาเกษตร เพื่อปลูกพืชเกษตรเเนวตั้งแบบ Indoor ที่เรียกว่า Plant Factory with Artificial Lighting ทดแทนการปลูกพืชกลางแจ้งแบบเดิม จนสร้างแบรนด์ LED FARM เมื่อปี 2561 และมีร้านจำหน่ายอย่างเป็นทางการแห่งแรกย่านเจริญกรุง 78
สำหรับ LED FARM ซึ่งกูร์เมต์เปิดพื้นที่สร้างฟาร์มภายในโซนกูร์เมต์ เนเชอรัล ใช้วิธีการปลูกที่สามารถควบคุมอุณหภูมิ และชั่วโมงการให้แสงกับพืชแบบไม่ต้องพึ่งพาฤดูกาล ใช้น้ำน้อย ปลูกได้ในสถานที่จำกัด ในบ้าน ในคอนโดมิเนียม จึงเหมาะกับคนเมือง และไม่ใช้สารอันตรายหรือยาฆ่าแมลงใดๆ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภคและคงความสดได้มากที่สุด
ล่าสุด เดอะมอลล์กรุ๊ปประเดิมเปิด LED FARM เริ่มต้น 2 สาขา คือ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ โดยให้ลูกค้าเข้าเก็บเกี่ยวผักสดๆ จาก Vertical Farm หรือโรงเรือนปลูกผักภายใต้ไฟ LED จะเลือกเก็บผักสดพร้อมรากหรือนำไปทำเครื่องดื่มเคลสมูทตี้ที่ปั่นสดๆ แบบไม่แยกกากไม่สกัดที่สาขา รวมทั้งวางจำหน่ายแบบผักสดในรูปแบบแพ็กในกูร์เมต์ มาร์เก็ต อีก 4 สาขา คือ สาขาเดอะมอลล์บางแค เดอะมอลล์บางกะปิ ดิ เอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์, และสยามพารากอน
ในระยะแรกนี้ ผักสดจาก LED FARM มี 7 ชนิด ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 9-49 บาท ได้แก่ เคล 49 บาท ฟิลเลย์ ไอ๊ซ์เบิร์ก 39 บาท บัตเตอร์เฮด 39 บาท เบบี้ ร็อกเก็ต 9 บาท ปวยเล้ง 9 บาท ซอเรล 19 บาท กรีนคอส 39 บาท
กลุ่มน้ำเคลสมูทตี้ ราคาขวดละ 105 บาท โดยนำผักเคลจากฟาร์มปั่นกับผลไม้ มีทั้งหมด 5 สูตร ได้แก่ สูตรเคล + แอปเปิล + สับปะรด สูตรเคล + แอปเปิล + กล้วย + กีวี่ สูตรเคล + แอปเปิล + สับปะรด + เสาวรส สูตรเคล + แอปเปิล + เสาวรส + แก้วมังกร และสูตรเคล + แอปเปิล + ขิง + เลมอน
ในกรณีลูกค้าสนใจสร้างฟาร์มที่บ้าน ยังสามารถซื้อเครื่องปลูกผักด้วยไฟ LEDs ในราคา 4,990 บาท พร้อมชุดอุปกรณ์ เช่น ถาดโฟม ฟองน้ำเพาะเมล็ด เมล็ดพันธุ์ ถาดเพาะ สารอาหารพืช ซึ่งหากลูกค้านำไปปลูกเองเพื่อเอาไว้รับประทาน จะใช้เวลาประมาณ 30-40 วัน นับจากเพาะเมล็ด
พนักงานกูร์เมต์ มาร์เก็ต เปิดเผยว่า กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ชื่นชอบวิธีการเลือกซื้อผักจาก LED FARM เพราะได้ความสด ปลอดภัย และแปลกใหม่ ไม่เคยเห็นมาก่อนในซูเปอร์มาร์เก็ต
ขณะที่การเลือกซื้ออาศัยขั้นตอนง่ายๆ เริ่มจากเข้าชมผักที่ปลูกด้วยแสงไฟแอลอีดีภายในฟาร์ม เลือกผักต้นที่ถูกใจ จากนั้นแจ้งฟาร์มเมอร์ของเราให้เก็บเกี่ยวให้ หรือขอถาด เพื่อเก็บเกี่ยวเองและส่งให้ฟาร์มเมอร์นำผักใส่ถุง ติดบาร์โค้ดสินค้า นำผักไปชำระเงินที่แคชเชียร์ นำกลับบ้านได้ทันที นอกจากนี้ สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์เหมือนสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตอื่นๆ ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ฟาร์มผักสดเป็นเพียงกลยุทธ์เฟสแรก ซึ่งหลังโควิดคลี่คลายบริษัทเตรียมกลยุทธ์อีกหลายชุด เพราะธุรกิจในอนาคตจะไม่ใช่แค่สงครามการแข่งขันด้านราคา แต่ต้องสู้ด้วยคุณภาพสินค้า สินค้าสุขภาพ และนวัตกรรมมากขึ้นด้วย