วันอาทิตย์, ตุลาคม 6, 2024
Home > Life > ทำอย่างไรให้หายไอเรื้อรัง?

ทำอย่างไรให้หายไอเรื้อรัง?

Column: Well – Being

เมื่อคุณหายจากไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่แล้ว แต่มีอีกอาการหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่ยอมหาย แถมยังมีทีท่าจะอยู่กับคุณตลอดไปซะอีก … เฮ้อ … ทำไงดี?

ดร. นิโคล เอ็ม ไทเยอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ประจำซีดาร์ ไซนาย เมดิคอล กรุ๊ป ในลอสแองเจลิส อธิบายว่า ส่วนใหญ่แล้วอาการไข้หวัดจะหายไปใน 7-10 วัน แต่ผลการวิจัยระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้วผู้ป่วยไข้หวัดจะยังมีอาการไอต่อไปอีกจนถึงวันที่สิบแปด “อาการไอสามารถเป็นเรื้อรังยาวนานกว่าอาการอื่นๆ เพราะระบบภูมิคุ้มกันยังพยายามต่อสู้เพื่อให้ทางเดินหายใจกลับมาเป็นปกติ”

ขณะที่อาการบวมคั่งของเลือดค่อยๆ ดีขึ้น เสมหะหรือน้ำมูกที่ไหลลงคอยังสามารถกระตุ้นไอได้เช่นกัน อาการนี้ดูเหมือนจะคงอยู่ตลอดไป แต่อาการน่าเบื่อนี้จะหายไปได้ในท้ายที่สุด ถ้ายังไอเรื้อรังนานกว่าสองเดือน ให้พบแพทย์ เพราะมันอาจส่งสัญญาณว่าคุณอาจมีโรคอื่นร่วมด้วย เช่น ภูมิแพ้ หอบหืด หรือกรดไหลย้อน (คุณควรบอกแพทย์ด้วยว่านอกเหนือจากอาการไอ คุณมีอาการใดอาการหนึ่งของโรคโควิด-19 ร่วมด้วย ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย)

อย่างไรก็ตาม นิตยสาร Prevention นำเสนอวิธีป้องกันและควบคุมอาการไอเรื้อรังให้อยู่หมัดเสียแต่เนิ่นๆ หรือวิธีทำให้บรรเทาลงในทันทีที่มันเริ่มคุกคามคุณดังนี้

ปกป้องตัวเอง
วิธีง่ายที่สุดที่จะปลอดภัยจากอาการไอเรื้อรังคือ หลีกเลี่ยงความเจ็บป่วยให้ได้เป็นลำดับแรก ตั้งแต่ตื่นตัวเกี่ยวกับการล้างมือทุกครั้งหลังออกไปในที่สาธารณะ สัมผัสพื้นผิวที่ใช้ร่วมกัน หรืออยู่ท่ามกลางผู้ป่วย ถ้าคุณรู้สึกมีอาการที่ค่อยๆ พัฒนาไปในทางไม่สบาย ให้กินอาหารที่มีธาตุสังกะสีหรือผลเอลเดอร์เบอร์รี ซึ่งเป็นผลไม้ลูกเล็กๆ ที่ออกลูกเป็นช่อ มีสีม่วงเข้ม เพราะผลการศึกษาระบุว่า ทั้งสังกะสีและเอลเดอร์เบอร์รีอาจช่วยลดระยะเวลาการป่วยเป็นไข้หวัดได้ถ้ากินตั้งแต่ช่วงแรกที่เริ่มมีอาการ

นอนพักผ่อน
การนอนพักผ่อนเป็นวิธีที่ทำให้ร่างกายมีโอกาสซ่อมแซมตัวเองตามธรรมชาติ และเมื่อคุณป่วยการนอนจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณมีเวลาต่อสู้ “การนอนพักผ่อนสามารถช่วยลดระยะเวลาการป่วยโดยรวมได้” ดร. ไทเยอร์กล่าว ถ้าการไอรบกวนให้คุณต้องตื่นกลางดึก ให้หนุนศีรษะสูงขึ้นจากหมอนระดับปกติ 15 องศา วิธีนี้ช่วยเปิดทางเดินหายใจ ทำให้คุณสามารถหายใจได้ง่ายขึ้น และอาจช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเสมหะในลำคอด้วย

ระวังอากาศที่หายใจเข้าไป
ให้หลีกเลี่ยงสิ่งทำให้เกิดความระคายเคือง ซึ่งทำให้อาการไอของคุณแย่ลง หรือทำให้ไอเรื้อรังนานขึ้น อยู่ให้ห่างจากควัน น้ำหอม และอะไรก็ได้ที่คุณแพ้ เครื่องกรองอากาศสามารถดักจับฝุ่น รังแคหรือสะเก็ดผิวหนังของสัตว์ และอนุภาคอื่นๆ ที่อาจทำให้คุณเกิดอาการคันคอ เครื่องทำความร้อนทำให้อากาศแห้ง ซึ่งสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองและไอได้ ส่วนเครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ สามารถช่วยเพิ่มความชื้นให้กลับคืนมาได้

วิธีกำจัดอาการไอเรื้อรัง
น้ำผึ้งช่วยได้
ชาอุ่นๆ ผสมน้ำผึ้ง ช่วยทุเลาอาการระคายเคืองในลำคอ เพราะของเหลวร้อนทำให้เสมหะในช่องอกและไซนัสแตกตัว ส่วนน้ำผึ้งมีคุณสมบัติต้านแบคทีเรียโดยธรรมชาติ ซึ่งอาจช่วยต่อสู้กับภาวะติดเชื้อ น้ำผึ้งหนึ่งช้อนอาจช่วยบรรเทาอาการไอได้ โดยผลการศึกษาระบุว่า น้ำผึ้งปริมาณดังกล่าวสำหรับเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป สามารถออกฤทธิ์ได้เทียบเท่ายาเด็กซ์โตรเมโธร์เฟน ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญตัวหนึ่งในยาแก้ไอที่ขายตามร้านขายยาทั่วไป

อบไอน้ำผิวหน้า
มีเหตุผลอธิบายว่า ทำไมน้ำอุ่นจัดๆ จึงทำให้รู้สึกดีมากเวลาที่คุณป่วย เพราะอากาศที่ร้อนชื้นช่วยกำจัดเสมหะที่ทำให้ไอและทำให้โพรงจมูกรวมทั้งทางเดินหายใจชุ่มชื้น ทำให้หายใจได้สะดวกขึ้น ส่วนน้ำมันยูคาลิปตัสมีคุณสมบัติต้านไวรัสและต้านจุลินทรีย์ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้ไอน้ำร้อน ดังนั้น จึงแนะนำให้เติมใบยูคาลิปตัสหรือหยดน้ำมันหอมระเหยสัก 2-3 หยดลงในน้ำเดือด แล้วสูดหายใจเข้าไปลึกๆ

กินยาได้บางตัว
เมื่อคุณไม่สามารถระงับอาการไอได้จริงๆ ให้ลองกินยาสามัญประจำบ้านที่ช่วยระงับอาการไอ (ยาแก้ไอ) และยาขับเสมหะ (ยาละลายเสมหะ) ถ้ายังไม่ได้ผล แพทย์สามารถสั่งยาแรงกว่าให้ได้ ที่สำคัญคุณควรกินยาสามัญประจำบ้านสำหรับแก้ไข้หวัดต่อเนื่องกันเพียงสัปดาห์เดียว หลังจากนั้นยาเหล่านี้จะด้อยประสิทธิภาพลง จะดีกว่าถ้าได้อมยาอมไว้บ้างเพื่อช่วยบรรเทาอาการคันและระคายคอ

วิธีสวนล้างโพรงจมูกสามารถช่วยกำจัดเสมหะส่วนเกินได้ แต่ให้ทำเพียงวันละครั้ง เพื่อไม่ให้เป็นการกำจัดน้ำมูกมากเกินไป (ซึ่งน้ำมูกมีเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อได้) และทำให้เกิดอาการแห้งและระคายเคืองขึ้นอีก

ใส่ความเห็น