Column: From Paris
เมื่อครั้งเกิดการก่อร้ายในกรุงปารีสในเดือนพฤศจิกายน 2015 ซึ่งเกิดในหลายจุด
จุดแรกที่สนาม Stade de France ซึ่งกำลังมีการแข่งฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนี ประธานาธิบฟรองซัวส์ โอลลองด์ (François Hollande) ไปชมด้วย เห็นภาพเจ้าหน้าที่ไปกระซิบฟรองซัวส์ โอลลองด์ ซึ่งลุกไปรับฟังสถานการณ์ และกลับมานั่งชมการแข่งขันต่อจนจบ เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต ระหว่างการแข่งขันมีเสียงระเบิดนอกสนาม แต่ผู้คนในสนามเข้าใจว่ามีการจุดประทัด อันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆ หากมีการแข่งฟุตบอลนัดสำคัญ จึงไม่ได้เอะใจ ฟรองซัวส์ โอลลองด์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเลือกที่จะไม่ประกาศเลิกการแข่งขัน เพราะเกรงจะเกิดความโกลาหล และอาจเกิดวามเสียหายถึงชีวิตก็ได้ ความตื่นตกใจอาจทำให้เหยียบกันตายได้
ในตัวกรุงปารีสเองผู้ก่อการร้ายบุกเข้าไปยิงผู้ที่กำลังชมคอนเสิร์ต Eagles of Death Metal ในโรงมหรสพ Bataclan อีกทั้งร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียง เป็นการก่อร้ายที่รุนแรงมาก มีผู้เสียชีวิตนับ 100 คน อีกทั้งผู้บาดเจ็บอีกมากมาย
ชาวฝรั่งเศสชื่นชมการบริหารวิกฤตการณ์ของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์ และรัฐมนตรีมหาดไทย แบร์นารด์ กาซเนิฟ (Bernard Cazeneuve) เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความเงียบ สุขุมของรัฐมนตรีผู้นี้ และคิดว่าแบร์นารด์ กาซเนิฟคงไปได้ไกลกว่านี้ แล้วก็เป็นจริงเมื่อหลังจากนั้นไม่นานก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
หลังจากหมดวาระของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์แล้ว แบร์นารด์ กาซเนิฟก็หันหลังให้การเมือง กลับไปประกอบอาชีพทนายความ ทว่าก็ยังจับตามองความเป็นไปของพรรคสังคมนิยมที่ตนสังกัดอยู่ และตกต่ำตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2017 ซึ่งตัวแทนของพรรคสังคมนิยมพ่ายแพ้อย่างหมดรูป พรรคสังคมนิยมระส่ำระสายตกต่ำ ไร้ผู้นำที่มีบารมีมากพอที่จะรวบรวมความเป็นหนึ่งเดียวของมวลสมาชิก
ความนิยมที่ตกต่ำมากขณะดำรงประธานาธิบดีเพราะไม่ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ถึงกระนั้นฟรองซัวส์ โอลลองด์ก็ยังไม่ถอดใจ หนังสือที่เขาเขียน Les leçons du pouvoir ได้รับการตอบรับจากชาวฝรั่งเศสดีมาก ดีเกินความคาดหมายของทุกคน ฟรองซัวส์ โอลลองด์จะไปมอบลายเซ็นที่ร้านหนังสือไหน เมืองไหน ชาวฝรั่งเศสไปเข้าแถวครั้งละหลายๆ ชั่วโมง จนทำให้เจ้าตัวเกิดความฮึกเหิมว่าถึงอย่างไร ตนยังเป็นที่รักอยู่ พร้อมกันนั้นก็หมายตาไปถึงการกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งหนึ่ง โดยมีเป้ามายที่การลงเลือกตั้งอีกสมัยหนึ่ง ชาวสังคมนิยมพากันสยองขวัญว่า จะกลับมาจริงๆ หรือ เพราะเห็นว่าสมัยของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์เป็นต้นเหตุสำคัญของการตกต่ำของพรรค
ในขณะเดียวกันชาวสังคมนิยมกลุ่มหนึ่งหมายตาไปที่แบร์นารด์ กาซเนิฟ เพราะเป็นนักการเมืองที่ยังได้รับการยอมรับจากชาวฝรั่งเศส
วุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคสังคมนิยมประชุมกันเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2019 ได้เชิญแบร์นารด์ กาซเนิฟมากล่าวสุนทรพจน์ ในโอกาสนี้อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งพูดถึงความคิดทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาภาวะโลกร้อนและสิ่งแวดล้อม นโยบายของโลกปัจจุบันต้องพันผูกกับสิ่งแวดล้อม พร้อมกับกล่าวเป็นนัยๆ ว่าพรรคสังคมนิยมไม่มีผู้นำที่โดดเด่น
ก้าวย่างของแบร์นารด์ กาซเนิฟนิ่มๆ แต่มั่นคง ถอยห่างจากการเมืองและพรรคสังคมนิยมแล้ว แต่ยังจับตามองความเคลื่อนไหวของพรรคและการเมือง เขียนบทความลงในนิตยสาร Le Débat เขียนหนังสือชื่อ A l’épreuve de la violence ซึ่งออกจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2019 เกี่ยวกับความรุนแรงในช่วงที่เขาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยเป็นหลัก เหตุการณ์ที่ทำให้เขาเป็นรัฐบุษ หนังสืออีกเล่มหนึ่งจะจำหน่ายต้นปี 2020
นอกจากนั้นแบร์นารด์ กาซเนิฟยังได้รับเชิญเป็นองค์ปาฐกในงาน Fête de la Rose ของพรรคสังคมนิยมในวันที่ 8 กันยายน 2019
แบร์นารด์ กาซเนิฟอายุเพียง 56 ปี เอ็มมานูเอล มาครงจับตาดูความเคลื่อนไหวของเขาอย่างไม่วางตา