วันจันทร์, ตุลาคม 14, 2024
Home > New&Trend > บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) การผนึกพลังครั้งใหญ่ของ “ฟีนิกซ์ประกันภัย” ผสานกำลัง “เจมาร์ท” ก้าวสู่เบอร์ 1 ด้าน InsurTech

บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) การผนึกพลังครั้งใหญ่ของ “ฟีนิกซ์ประกันภัย” ผสานกำลัง “เจมาร์ท” ก้าวสู่เบอร์ 1 ด้าน InsurTech

บริษัท ฟีนิกซ์ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน กางแผนรุกธุรกิจปีนี้ ประกาศรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี ในชื่อ บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) จัดทัพรับแผนการตลาดเชิงรุกปี 61 สร้างผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย และขยายฐานลูกค้า มุ่งสู่บริการดิจิทัล ตอกย้ำความแข็งแกร่งจากการผสานกำลัง “กลุ่มเจมาร์ท” ผู้นำในธุรกิจค้าปลีกและการเงินที่มีฐานลูกค้าทั่วประเทศ และก้าวสู่เบอร์ 1 ด้าน InsurTech อย่างสมบูรณ์แบบ

นายเพียรไกร อัศวโภคา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เจพี ประกันภัยเกิดจากการร่วมทุนกันระหว่าง บริษัท ฟีนิกซ์ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และกลุ่มเจมาร์ทที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ได้เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 55 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการอัดเงินลงทุนกว่า 390 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกลยุทธ์ที่สำคัญจึงได้มีการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของ บริษัท ฟีนิกซ์ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน)” หรือ JP Insurance Public Company Limited เสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio) สูงขึ้นมากกว่า 700% ขึ้นเป็นระดับต้นๆของอุตสาหกรรมประกันภัย ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงการผนึกกำลังกันอย่างแข็งแกร่งระหว่างกลุ่มเจมาร์ท หรือตัว “J” ในชื่อแบรนด์ใหม่ที่ได้เข้ามาเสริมทัพ ร่วมกับตัว “P” คือ Phoenix ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยที่อยู่ในวงการมามากกว่า 20 ปี โดยจะเริ่มใช้แบรนด์ใหม่ทั้งหมดอย่างเป็นทางการทั่วประเทศพร้อมกันในวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 นี้

ทั้งนี้ บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่าลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ภายใต้ชื่อ บริษัท ฟีนิกซ์ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ก่อนวันที่มีการรีแบรนด์ชื่อใหม่เป็น บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น โดยลูกค้าเก่ายังคงได้รับความคุ้มครองตามปกติ ซึ่งทางบริษัทจะมีหนังสือแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงชื่อใหม่ไปยังลูกค้า ในขณะที่แผนงานการสร้างแบรนด์ เจพี ประกันภัย ให้เป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้นนั้น บริษัทได้เตรียมงบประมาณและกลยุทธ์ที่จะสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยเริ่มทันทีตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 นี้

นายเพียรไกร กล่าวต่อไปว่าในการร่วมทุนกับพันธมิตรใหม่และรีแบรนด์ครั้งนี้ทาง เจพี ประกันภัย ได้มีการเสริมทัพผู้บริหารรุ่นใหม่เข้ามาในองค์กรด้วย โดยได้มีการสรรหาผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถจากองค์กรที่มีชื่อเสียงมาร่วมงาน โดยเฉพาะผู้บริหารที่มีประสบการณ์อยู่ในสายงานด้านเทคโนโลยีและด้านการประกันภัยที่ได้เชิญมาร่วมงานกันเพื่อผสานกำลังในการขับเคลื่อนและผลักดันบริษัท เจพี ประกันภัย ให้เติบโตต่อไป นำโดย ดร.ฉัตรชัย ธนาฤดี ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) ซึ่งเคยดำรงทั้งตำแหน่ง Managing Director ของ Accenture อีกทั้งยังเคยเป็นผู้บริหารที่คุมทีมด้านเทคโนโลยีการผลิตในกว่า 100 ประเทศ ให้กับบริษัทระดับโลกอย่าง Chevron Energy Technology สหรัฐอเมริกา ก่อนจะมาดำรงตำแหน่ง Country Head of IT ให้บริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด รวมถึงสรรหาผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์อยู่ในอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการบริหารความเสี่ยงและด้านการประกันภัยต่ออย่าง คุณเลิศชาย ประภาศิริรัตน์ ก็ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาให้กับ เจพี ประกันภัย และยังมีมืออาชีพทั้งด้านเทคโนโลยีและด้านประกันภัยอีกหลายท่านเข้ามาผสานพลังร่วมกับ เจพี ประกันภัยอย่างคับคั่ง

ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของทางเจพี ประกันภัย ที่ได้วาง Positioning ที่ชัดเจนคือการก้าวสู่ความเป็นอันดับ 1 ในด้าน InsurTech หรือผู้นำด้านเทคโนโลยีการประกันภัย บริษัทจึงได้วางกลยุทธ์ การสร้าง Ecosystem หรือระบบนิเวศทางธุรกิจด้วยการสร้างเทคโนโลยีที่เปิดให้พาร์ทเนอร์ ตัวแทน/นายหน้า ตลอดจนลูกค้าของบริษัทสามารถมาเชื่อมต่อกัน เพื่อทำให้คนไทยทุกคนได้ประโยชน์จากการประกันภัยอย่างเต็มที่ ด้วยแนวคิด ‘’ไปด้วยกัน เร็วกว่า ดีกว่า และถูกลง (Faster, Better, Cheaper, Together)‘’ ผ่านการสื่อสารทางการตลาดภายใต้ธีม #InsurTechAwakening ที่ใช้โปรโมทตลอดทั้งปีเพื่อตอกย้ำจุดยืนการชิงชัยอันดับ 1 ในการสร้างนวัตกรรมการประกันออกสู่ตลาด

ดร.ฉัตรชัย ธนาฤดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมภายในองค์กรก่อนการรีแบรนด์เป็น เจพี ประกันภัย ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและการลงทุนด้านบุคลากร ซึ่งทางบริษัทได้มีการลงทุนและพัฒนาทางด้านนี้อย่างจริงจังพร้อมกับการพาร์ทเนอร์กับ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานและบริการด้านประกันภัยให้กับลูกค้าในยุคดิจิทัลเริ่มตั้งแต่การยกระบบการทำงานทั้งหมดให้ขึ้นมาอยู่บน Cloud ซึ่งนับเป็นประกันภัยในไทยเจ้าแรกที่ปฏิบัติการอยู่บน Cloud อย่างเต็มรูปแบบในทุกระบบ เพื่อเตรียมพร้อมรับเทคโนโลยีอีกหลายๆ อย่างที่กำลังพัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่อง ใน Digital Lab ของบริษัทนอกจากนี้ยังมีการเพิ่มสายงานเชิงรุกในหลายฝ่ายซึ่งนับเป็นมิติใหม่ของธุรกิจประกันวินาศภัยไทย อย่างฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และพัฒนากระบวนการทำงาน (Strategic Planning and Business Process Improvement) ที่มุ่งเน้นการลดกระบวนการหรือ Lean process

ฝ่ายพัฒนานวัตกรรมด้านดิจิทัล (Innovation Enablement & Digital Development) ที่เตรียมพร้อมงานด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี ตั้งแต่ AI ไปจนถึง Block chain ฝ่ายนวัตกรรมการตลาดและความเข้าใจผู้บริโภค (Marketing Innovation & Consumer Insight) ที่เน้นการทำการตลาดจากข้อมูล Big data และ Insight พร้อมทั้งดึงดูดบุคลากรชั้นนำจากบริษัท Top-tier หลายแห่งมานำทีมและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงจากการรีแบรนด์ในครั้งนี้ด้วย ในขณะที่การดำเนินงานด้านอื่นๆ ในธุรกิจประกันนั้น ทางเจพี ประกันภัย ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งการบริหารความเสี่ยง การรับประกัน หรือแม้แต่กระบวนการด้านสินไหมทดแทน ที่กำลังอยู่ในช่วงปรับทัพ เพื่อบุกตลาดอย่างเต็มที่โดยตั้งเป้าหมาย ขยายอู่พันธมิตร 200% ใน 9 เดือน เพื่อตอกย้ำความมั่นใจด้านการบริการภายใต้แบรนด์ใหม่อย่าง เจพี ประกันภัยในครั้งนี้ด้วย

โดยภายในไตรมาส 2 นี้ ตลาดจะเห็น InsurTech Application ของบริษัทออกมา ซึ่งเป็นแอพที่สามารถตอบโจทย์การประกันภัยได้ทั้งประกันภัยรถยนต์และการประกันภัยทั่วไป โดยมุ่งเน้นแก้ปัญหาที่จุดเจ็บปวดหรือ Pain point ของลูกค้าเป็นสำคัญรวมถึงจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เข้ามาเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือเจมาร์ทเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับลูกค้าในเครือขณะที่มุ่งมั่นตอบโจทย์และยกระดับโซลูชั่นการประกันภัยให้แก่ลูกค้าคนไทยทุกคน เพื่อสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ โดยมีเป้าหมายในการส่งเจพี ประกันภัย ให้เป็น InsurTech อันดับ 1 ของประเทศไทย

นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT) เปิดเผยว่าปัจจุบันกลุ่มเจมาร์ทมีเครือข่ายธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจการเงิน ธุรกิจติดตามและบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ไปจนถึงธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เล็งเห็นโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรจากธุรกิจประกันภัยด้วยเทคโนโลยี InsurTech เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง

สำหรับยุทธศาสตร์สำคัญในการเข้ามาร่วมทุนกับ บริษัท เจพีประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้เพื่อวางกลยุทธ์ทางการตลาดร่วมกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นประกันสินเชื่อที่ตอบโจทย์ลูกค้าของบริษัทในเครือ ชูจุดแข็งจากการมี Big Data ของฐานลูกค้าในกลุ่มเจมาร์ทมากกว่า 7 ล้านคน ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 200 สาขา และตัวแทนขายซิงเกอร์ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเจพี ประกันภัย จะกลายเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้เครือเจมาร์ท มีความเข้มแข็งและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการโดยใช้เทคโนโลยี FinTech

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT) เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการเข้าลงทุนในบริษัท ฟีนิกซ์ประกันภัย (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) (Phoenix) ซึ่งประกอบธุรกิจเป็นผู้รับประกันวินาศศภัยในประเทศไทย ในสัดส่วน 55% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วทั้งหมด ปัจจุบันประกาศแผนรีแบรนด์ครั้งใหญ่เป็นบริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อสร้างภาพลักษณ์ประกันอันแข็งแกร่งภายใต้กลุ่มบริษัทเจมาร์ท รวมทั้ง เสริมความแข็งแกร่งให้แก่ บริษัท เจ อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JMT ดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยต่างๆ ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยทรัพย์สิน อุบัติเหตุส่วนบุคคลให้มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น อีกทั้ง เป็นการขยายต่อยอดเพิ่มไลน์ธุรกิจที่จะเข้ามา Synergy กับกลุ่มเจมาร์ท

ใส่ความเห็น