วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 21, 2024
Home > Cover Story > บีแลนด์พลิกโฉมรีเทล เซ็นทรัลเจอศึกหนัก

บีแลนด์พลิกโฉมรีเทล เซ็นทรัลเจอศึกหนัก

หลังจากชิมลางรุกตลาดรีเทล เปิดตัว “บีไฮฟ์ ไลฟ์สไตล์” ในเมืองทองธานี ล่าสุด บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าแผนยกเครื่องโครงการค้าปลีกครั้งใหญ่ ผุดอีก 2 โปรเจกต์ “เดอะพอร์ทอล” และ “คอสโม บาซาร์” พลิกโฉมตลาดนัดและอัพเกรดร้านค้าทั้งหมดเข้าสู่อาคารหรูระดับไฮเอนด์ตามมาสเตอร์แพลนแผนสร้างเมืองที่ครบสมบูรณ์ที่สุด

ด้านหนึ่งเปิดกลยุทธ์สร้างการจับจ่ายของประชากรกว่า 200,000 คน และกลุ่มไมซ์ (MICE) หรือกลุ่มประชุมสัมมนาที่เดินเข้าออกในเมืองทองธานีมากกว่า 10-15 ล้านคนต่อปี

อีกด้านหนึ่งเร่งต่อยอดสู่โครงการมิกซ์ยูสริมทะเลสาบอีก 700 ไร่ ซึ่งถือเป็นที่ดิน “สันใน” ราคาแพงที่สุดในเมืองทองธานี ซึ่งเฉพาะแผนการลงทุนระยะสั้น 3 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2562 บางกอกแลนด์มีโครงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรม โรงภาพยนตร์ และสวนน้ำ

กุลวดี จินตวร ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ “บีแลนด์” และผู้อำนวยการบริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า มาสเตอร์แพลนของเมืองทองธานีตั้งเป้าสร้างเมืองที่ครบสมบูรณ์ โดยสร้างความเจริญ ความสะดวกสบาย และระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการทั้งหมด รองรับประชากรทั้งกลุ่มบ้านเดี่ยวจำนวนมากกว่า 2,000 หน่วย ซึ่งเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง กลุ่มป๊อปปูล่าคอนโดมิเนียมทั้ง 27 อาคาร จำนวน 80,000-100,000 คน และกลุ่มประชุมสัมมนา (ไมซ์) ทั้งนักท่องเที่ยว ผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนา ซึ่งรวมถึงผู้ติดตามอีก 10 ล้านคนต่อปี

“เราไม่ต้องหวังพึ่งใคร เรามีประชากรที่ต้องให้บริการและสร้างการจับจ่าย ก่อนหน้านี้ คนเมืองทองอยากชอปปิ้งต้องไปเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ อยากไปดูหนังต้องออกไปข้างนอก หากเราสามารถสร้างการจับจ่ายของคนเมืองทองธานีทั้งหมด มูลค่ามหาศาล เพราะจำนวนประชากรของเมืองทองธานีไม่ใช่น้อย ใหญ่พอๆ กับเทศบาลเมืองโคราชด้วย” กุลวดีกล่าว

ปัจจุบันบางกอกแลนด์มีการลงทุนสร้างรีเทลโปรเจกต์รวม 3 แบรนด์ เริ่มจาก “บีไฮฟ์ ไลฟ์สไตล์มอลล์” ซึ่งเปิดให้บริการช่วงปลายปี 2557 รูปแบบ Neighborhood Mall พื้นที่ไม่ใหญ่ มีเพียง 2 ชั้น โดยมีแม็กเน็ตหลัก คือ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ขนาด 1,000 ตร.ม. ร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ ร้านกาแฟ ร้านเสริมสวย ฟิตเนส โยคะ มีที่จอดรถประมาณ 600 คัน เน้นรองรับประชากรกลุ่มบ้านเดี่ยวในเมืองทองธานีต่อเนื่องไปถึงถนนแจ้งวัฒนะ กลุ่มลูกค้าระดับบีบวกขึ้นไป กำลังซื้อสูง

ต้องถือว่าบีไฮฟ์เป็นโครงการจุดประกายให้บางกอกแลนด์เห็นศักยภาพและโอกาสทางการตลาด เนื่องจากยอดลูกค้าและทราฟฟิกเติบโตต่อเนื่อง ที่สำคัญยังมีความต้องการจากกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ อีกจำนวนมากในเมืองทองธานี

ต้นปี 2560 บางกอกแลนด์ลุยโครงการ “เดอะพอร์ทอล” ไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งที่ 2 เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายที่มาชมคอนเสิร์ตและงานแสดงต่างๆ เพราะเดิมลูกค้าส่วนใหญ่ต้องเตรียมอาหารมาเองหรือเลือกซื้อเฉพาะอาหารฟาสต์ฟู้ด 1-2 ราย โดยสร้างโครงการเดอะพอร์ทอลด้านหน้าและสร้างทางเชื่อมต่อกับอิมแพ็ค อารีน่าและอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าเข้าร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ ในชั้น 1 หรือเข้าฟู้ดคอร์ท ชั้น 3 นอกจากนี้ ยังมีร้านสะดวกซื้อและเพิ่มพื้นที่รองรับงานประชุม งานกิจกรรมต่างๆ บริเวณชั้น 4 ด้วย

ด้านรีเทลโปรเจกต์ล่าสุด “คอสโมบาซาร์” ซึ่งถือเป็นจุดพลิกโฉมตลาดนัดและศูนย์อาหารครั้งใหญ่ของเมืองทองธานี โดยรื้อพื้นที่ตลาดนัดและตลาดเปิดท้ายรูปแบบเดิมทั้งหมด ย้ายเข้าสู่อาคารหรูระดับไฮเอนด์ เพื่อรองรับประชากรกลุ่มป๊อปปูล่าคอนโดและกลุ่มพนักงานออฟฟิศใน “คอสโมออฟฟิศพาร์ค” ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของเมืองทองธานี รวมถึงบริษัทและหน่วยงานใกล้เคียงอีกจำนวนมาก

ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกสิกรไทย สำนักบริการของทรูคอร์ปอเรชั่น กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งจะเข้ามาเปิดแคมปัสแห่งใหม่ “ซิตี้แคมปัส” ในเดือนสิงหาคมนี้ และมีแผนขยายอาคารการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่องบนเนื้อที่กว่า 10 ไร่

กุลวดีกล่าวว่า คอสโมออฟฟิศพาร์คจะเป็นแหล่งคนทำงานใหม่ของเมืองทองธานี เนื่องจากอัตราค่าเช่าไม่สูงมาก เฉลี่ย 500-600 บาทต่อ ตร.ม. เทียบกับอาคารสำนักงานใจกลางเมืองเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1,000-2,000 บาทต่อ ตร.ม. และพื้นที่ต่อชั้นมีขนาดใหญ่ 1,000 ตร.ม. โดยคาดว่าหน่วยงานต่างๆ จะเริ่มย้ายเข้าสู่พื้นที่ประมาณเดือนตุลาคมนี้

ทั้งนี้ คอสโมบาซาร์ถือเป็นจุดขายหลักของคอสโมออฟฟิศพาร์ค เพราะเป็นอาคารจอดรถที่เมืองทองธานีขยายรองรับกลุ่มพนักงานออฟฟิศ พื้นที่รวม 76,000 ตร.ม. และสามารถจอดรถได้ถึง 2,200 คัน ตั้งแต่ชั้น 3-9 ส่วนชั้น 2 เปิดพื้นที่ Transportation Hub จุดจอดรถตู้โดยสารทั้งหมดในเมืองทองธานี

สำหรับโซนค้าปลีกอยู่บริเวณชั้น 1 ของโครงการ พื้นที่ 8,000 ตร.ม. เน้นร้านอาหาร ฟู้ดคอร์ท และร้านค้าต่างๆ รวมประมาณ 200 ร้าน เพื่อสร้างทราฟฟิกการจับจ่าย เพราะกลุ่มพนักงานออฟฟิศในคอสโมออฟฟิศพาร์คและกลุ่มประชากรในป๊อปปูล่าคอนโดต้องเดินทางไปทำงานด้วยรถตู้โดยสาร จำนวนคนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5,000 คนต่อวันจะหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการในคอสโมบาซาร์โดยอัตโนมัติ

ขณะเดียวกัน ตามแผนลงทุนเฟส 2 บางกอกแลนด์เตรียมก่อสร้างโรงภาพยนตร์และกำลังเจรจาค่ายซูเปอร์มาร์เกตรายใหญ่ เพื่อเปิดซูเปอร์มาร์เกตขนาดใหญ่ พื้นที่มากกว่า 1,000 ตร.ม. จากปัจจุบันภายในเมืองทองธานีมีกลุ่มซูเปอร์มาร์เกต 2 รายใหญ่ คือ เทสโก้โลตัสและท็อปส์

“ทั้ง 3 แบรนด์ไม่ได้แข่งกัน บีไฮฟ์รองรับประชากรกลุ่มบ้านเดี่ยว เดอะพอร์ทอลจับกลุ่มนักท่องเที่ยว คนดูคอนเสิร์ต ชมงานแสดง ส่วนคอสโมบาซาร์เน้นกลุ่มพนักงานออฟฟิศ แต่เราจะพยายามสร้างแม็กเน็ตเฉพาะของแต่ละแบรนด์ เช่น ถ้าต้องการทานอาหารร้าน After You ต้องมาที่บีไฮฟ์เท่านั้น เพื่อหาโอกาสหมุนเวียนกลุ่มลูกค้ากัน หรือท็อปส์ซูเปอร์มาร์เกตมีให้บริการในบีไฮฟ์ ส่วนท็อปส์เดลี่เปิดในคอสโมบาซาร์”

ขณะที่การยกเครื่องร้านค้า ร้านอาหารและแผงตลาดนัดเข้ามาอยู่ในอาคารหรูติดแอร์อย่างคอสโมบาซาร์ เพื่อยกระดับการชอปปิ้งที่ไม่ต่างจากการเดินห้างสรรพสินค้าด้วย

ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่า กลุ่มเซ็นทรัลเริ่มมองเห็นผลกระทบจากการรุกธุรกิจค้าปลีกของบางกอกแลนด์ ซึ่งมีทั้งงานลดราคาสินค้ารายการใหญ่ งานแสดงสินค้าและผุดโครงการค้าปลีกต่างๆ ทำให้เซ็นทรัลเร่งจับตาและปรับตัวรับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ล่าสุดขยายพื้นที่และปรับโฉมศูนย์อาหารในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ภายใต้แบรนด์ “ฟู้ดพาทิโอ” คอนเซ็ปต์ใหม่ Modern Home Cooking จับกลุ่มครอบครัวและวัยทำงานรุ่นใหม่ย่านแจ้งวัฒนะ

ที่สำคัญ บางกอกแลนด์กำลังเร่งเครื่องเติมเต็ม “เมืองทองธานี” สไตล์ “มิกซ์ยูส” และเปิดเส้นทางรถไฟฟ้าดึงคนเข้าสู่เมืองโฉมใหม่ เปลี่ยนภาพลักษณ์จากตลาดระดับล่างสู่ตลาดระดับบน ตลาดพรีเมียม ดึง Spending ที่เคยไหลทะลักสู่ห้างสรรพสินค้าด้านนอกกลับมาทั้งหมด

จังหวะนี้ ยักษ์ค้าปลีกอย่าง “เซ็นทรัล” อยู่นิ่งไม่ได้แน่

ใส่ความเห็น