ค่ายอสังหาฯ ปรับกลยุทธ์ รับมือ “แข่งเดือด” ครึ่งปีหลัง
ท่ามกลางหลากหลาย “สัญญาณลบ” ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรกต่อเนื่องมาถึงช่วงครึ่งปีหลัง แต่หลายผู้ประกอบการยังเดินหน้าส่งโครงการใหม่ออกสู่ตลาดกันอย่างครึกโครมเพื่อผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้า ส่งผลให้การแข่งขันในช่วงโค้งสุดท้ายของปีน่าจะร้อนแรงถึงขั้น “เดือด”ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวนับเป็นสัญญาณลบตัวแรกของธุรกิจอสังหาฯ เพราะส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะที่ค่าครองชีพที่ถีบตัวสูงขึ้น นอกจากจะทำให้ผู้บริโภคและนักเก็งกำไรชะลอการตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ยังทำให้การขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยของบุคคลเป็นไปได้ยากขึ้น“เอพี” เผยว่า ครึ่งปีที่ผ่านมามีลูกค้าของบริษัทที่ขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยจากธนาคารไม่ผ่านราว 15% โดยธนาคารกสิกรไทยยอมรับว่า แนวโน้มในการปฏิเสธสินเชื่อบ้านของธนาคารเพิ่มขึ้นจากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ส่วนตัวเลขจากแบงก์ชาติระบุว่า ปัจจุบันมีอัตราการปฏิเสธคำขอสินเชื่อบ้านสูงถึง 25% เนื่องมาจากการออกนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น ขณะที่มาตรการกำหนดเงินดาวน์ให้สูงขึ้น ก็เป็นอีกแรงกดดันที่จะทำให้การซื้อขายอสังหาฯ ในช่วงครึ่งปีหลังยิ่งฝืดเคืองหนักขึ้นฟากฝั่งผู้ประกอบการ สัญญาณลบรุนแรงที่สุดคงหนีไม่พ้นปัญหาต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่พื้นดินจนถึงหลังคา โดยเฉพาะราคาที่ดินที่สูงขึ้นเฉลี่ย 10-20% ขณะที่ต้นทุนวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 10% บวกกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น เหล่านี้ล้วนส่งผลให้ราคาอสังหาฯ เมื่อเทียบกับพื้นที่ใช้สอยที่ได้รับแพงขึ้นกว่าปีก่อนปัจจัยลบอีกประการในภาคอสังหาฯ ได้แก่ ปัญหาแรงงานขาดแคลน ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายมองเป็นปัญหาสำคัญที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้การผลิตในภาคอสังหาฯ ต้องชะลอตัวในอนาคตอันใกล้นอกจากนี้ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย มองว่าในครึ่งปีหลัง ภาคอสังหาฯ ยังมีอีกสิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ “ภาวะล้นตลาด (Over Supply)” ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดใหม่ที่มีภาวะล้นตลาดในหลายพื้นที่ปัจจัยลบทั้งหมดนี้ สะท้อนออกมาเป็นผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ที่ลดลงจากไตรมาสก่อน
Read More