มหกรรมยานยนต์ มอเตอร์โชว์ 2014 ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมไปจนถึง 6 เมษายนปีนี้ นอกจากจะได้เห็นการเร่งระดมสรรพกำลังกระตุ้นยอดการจำหน่ายยานยนต์จากผู้ประกอบการแต่ละค่าย หลังจากที่ในช่วงปีที่ผ่านมาจะเผชิญกับภาวะชะงักงัน ที่เกิดขึ้นจากผลของนโยบายรัฐว่าด้วย “รถคันแรก” และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจการเมือง ที่ยังหาบทสรุปที่ลงตัวไม่ได้แล้ว
กรอบโครงความคิดของงานที่อยู่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The most innovative automotive technology works for mankind” อาจช่วยปลุกเร้าความสนใจว่าด้วยเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ และเทคโนโลยียานยนต์ที่เกี่ยวเนื่องกับสิ่งแวดล้อมให้กลับมาอยู่ในกระแสสูงอีกครั้ง
ในกลุ่มรถยนต์ Luxury ที่มีการแข่งขันสูงและเข้มข้น ดูเหมือน BMW Group จะมีความเคลื่อนไหวที่ pro active มากกว่าค่ายยานยนต์กลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะ “The future of efficiency” ที่เป็นข้อความสื่อสารทางการตลาดที่ดูจะสอดคล้องกับ theme งานมอเตอร์โชว์ปีนี้ได้อย่างลงตัว
แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่าภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะรังสรรค์ให้ BMW เป็นยนตรกรรมที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ระดับพรีเมียม และชื่อเสียงระดับโลกของบริษัทในด้านความยั่งยืน โดย BMW ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลกติดต่อกันถึง 2 ปี คุณค่าแห่งแบรนด์ดังกล่าวยังเป็นที่ประจักษ์แก่ลูกค้าชาวไทย และทำให้ในปีที่ผ่านมา BMW ประสบความสำเร็จมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 34% โดยมียอดรวม 7,536 คัน สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคต่อรถยนต์รุ่นต่างๆ ของ BMW ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความสำเร็จของ BMW ดังกล่าวนับเป็นประวัติการณ์ของบริษัทในรอบ 12 ปี หลังเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างเต็มตัว ควบคู่กับการขึ้นมามีบทบาทนำในตลาดยานยนต์ในมิติของความคุ้มค่าด้านการลงทุนทั้งในด้านประสิทธิภาพของการประหยัดพลังงานและประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ตลอดระยะเวลาในการครอบครอง
การพัฒนาเทคโนโลยี BMW Efficient Dynamics และ BMW Service Inclusive (หรือ BSI) ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าของ BMW กลายเป็นส่วนหนึ่งในกลไกสำคัญที่สร้างความมั่นใจในสมรรถนะด้านความประหยัดพลังงานสูงสุด พร้อมมอบความสะดวกสบายและสามารถไว้วางใจได้ในบริการด้านการดูแลบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
“ในปี 2557 นี้ BMW วางแผนที่จะนำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อมสมรรถนะอันโดดเด่น และเทคโนโลยีล่าสุด โดยยังคงไว้ซึ่งความประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยมและรักษาต้นทุนค่าใช้จ่ายสำหรับการเป็นเจ้าของที่คุ้มค่า เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้อุตสาหกรรมจะหยุดชะงักไปบ้างก็ตาม”
แม้ว่า BMW จะเป็นรถยนต์ Luxury ที่ถูกจัดให้กลายเป็นคู่แข่งตลอดกาลกับยนตรกรรมสัญชาติเยอรมันอีกค่ายหนึ่ง แต่สำหรับผู้บริหารของ BMW ดูเหมือนประเด็นดังกล่าวจะถูกมองข้ามไปนานแล้ว
ทัศนะของผู้บริหาร BMW ในห้วงเวลาปัจจุบันไม่ได้ผูกพันอยู่กับการแข่งขันกับคู่แข่งขันจากภายนอก หากแต่เป็นการแข่งขัน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ BMW เพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ BMW โดยตรงมากกว่า
“ความสำคัญของแนวคิดและการบริหารแบบ BMW ก็คือ เราต้องไม่หยุดอยู่กับที่ แต่พัฒนาเพื่อความเป็นเลิศทั้งในมิติของการออกแบบเครื่องยนต์ รูปลักษณ์ภายนอก และการให้บริการที่ได้มาตรฐาน ซึ่งนั่นทำให้ BMW ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน” แมทธิอัส พฟาลซ์ บอก ผู้จัดการ 360 ํ ในการสนทนากันเมื่อไม่นานมานี้
ความเป็นไปของ BMW Thailand เป็นเรื่องราวอีกบทหนึ่งที่ชวนให้ติดตามไม่น้อย เพราะหลังจากที่ BMW ประกาศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเมื่อ 12 ปีที่แล้ว พร้อมกับยกเลิกและตัดความสัมพันธ์กับอดีตผู้แทนจำหน่าย BMW ในประเทศไทยหลายรายนั้น อาจเรียกได้ว่า BMW Group เริ่มต้นการดำเนินธุรกิจในไทยบนเศษซากที่พังทลายก็ว่าได้
ประเด็นว่าด้วยบริการหลังการขาย ซึ่งเคยเป็นจุดอ่อนของ BMW มาอย่างยาวนานในช่วงก่อนหน้านั้น ได้รับการแก้ไขและสะสางให้มีความเป็นมืออาชีพและตอบสนองกับกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และดูเหมือนว่าประเด็นที่ว่านี้ ผู้บริหารของ BMW จะให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเพิ่มยอดการจำหน่ายในแต่ละช่วงปีเลยทีเดียว
ล่าสุด BMW Thailand ได้แต่งตั้ง ซีซาร์ บาดิลย่า เป็นผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขายคนใหม่ โดย บาดิลย่า ในวัย 46 ปี นับเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการบริการหลังการขาย มานานกว่า 25 ปี ทั้งในสายงานการบริหารผู้จำหน่ายและลูกค้า
โดยก่อนหน้านี้ มร. บาดิลย่าเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขายของ BMW ละตินอเมริกา และกลุ่มประเทศแคริบเบียน โดยประจำอยู่ที่สาธารณรัฐปานามา รับผิดชอบด้านการดำเนินธุรกิจของฝ่ายบริการหลังการขายและการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า ใน 25 ตลาดด้วยกัน
บทบาทที่รอคอยและท้าทาย ซีซาร์ บาดิลย่า อยู่เบื้องหน้าก็คือการดูแลบริหารธุรกิจด้านบริการหลังการขายทั้งหมดของBMW Group Thailandซึ่งประกอบด้วยการให้บริการหลังการขาย, การบริหารจัดการด้านเทคนิค, การจัดการด้านอะไหล่ และการตลาดของบริการหลังการขาย
“ความสามารถของบาดิลย่า จะช่วยหนุนนำและสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องให้กับธุรกิจด้านการบริการหลังการขายของ BMW กรุ๊ป ทั้งในด้านของคุณภาพและการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแน่นอน ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ BMW Group Thailand เดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของ BMW ทั้งในและนอกกรุงเทพมหานคร” แมทธิอัส พฟาลซ์ กล่าวย้ำอย่างมั่นใจ
นอกเหนือจากการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นประเด็นที่ BMW ให้ความสำคัญแล้ว สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นบริการและเครื่องมือสำคัญในการขยายฐานลูกค้าของ BMW ในช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่ BMW ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ซึ่งมีส่วนร่วมหนุนนำยอดสัญญาการเช่าซื้ออย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา
คริสเตียน วิดมานน์ กรรมการผู้จัดการ BMW ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ระบุว่า ภายใต้แบรนด์ BMW ไฟแนนเชียล เซอร์วิส และ MINI ไฟแนนเชียล เซอร์วิส บริษัทประสบความสำเร็จในการสร้างสถิติยอดสัญญาเช่าซื้อในปี 2556 ที่เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงถึง 39% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีฐานลูกค้า BMW และ MINI เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปี 2555 ซึ่งเป็นการเน้นย้ำความสำเร็จด้านยอดขายของ BMW Group ในปี 2556 ด้วย
“ความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่าง BMW Thailand และเครือข่ายผู้จำหน่าย BMW และ MINI ทำให้บริษัทสามารถนำเสนอสินค้าที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า และให้บริการระดับพรีเมียมผ่านแคมเปญการตลาดต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบัน”
ก่อนหน้านี้ BMW ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ได้เปิดตัวแคมเปญต่างๆ เช่น “Fans for Five”, “MINI Faster” หรือ “The 3asy way to ride” ภายใต้แนวคิด “Loyalty has its reward” เพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้เสมอมา ทั้งนี้ เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า BMWไฟแนนเชียล เซอร์วิส ยังได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการนำเสนอสินค้าและสุดยอดบริการที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้นด้วย
ขณะเดียวกันในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2014 นี้ BMW ไฟแนนเชียล เซอร์วิส จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ด้านการเงินล่าสุด หรือ “BJoy” มอบความยืดหยุ่นในการผ่อนชำระ ช่วยให้ลูกค้าบริหารด้านการเงินได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่ง BMW เน้นย้ำเสมอว่า “Joy is BMW” ซึ่งครอบคลุมถึงข้อเสนอพิเศษในการผ่อนชำระเพื่อเป็นการมอบความสุขให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน” มร. คริสเตียน วิดมานน์ สรุป
แม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจการเมืองภายในประเทศไทย อาจมีความคลุมเครือไม่ชัดเจน แต่สำหรับ BMW ดูเหมือนพวกเขาจะมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทยอย่างเต็มเปี่ยม และได้ลงทุนในการขยายสายการผลิตตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้โรงงาน BMW ที่ จ. ระยองเป็นโรงงานเพียงแห่งเดียวของ BMW Group ทั่วโลกที่มีศักยภาพการผลิตครอบคลุมถึง 3 แบรนด์ ทั้งสายการประกอบรถยนต์ BMW ซีรีส์ต่างๆ ยังประกอบ MINI Countryman และ BMW Motorrad ด้วย
กระนั้นก็ดี บนหนทางและการแข่งขันในตลาดยานยนต์ไทยในห้วงปี 2014 ซึ่งยังไม่สามารถบ่งบอกทิศทางที่ชัดเจนได้ว่าจะราบรื่นหรือขรุขระอย่างใดนี้ ก้าวย่างของ BMW Group จะสามารถฝ่าฝันอุปสรรค และสามารถสร้างสถิติและประวัติการณ์ครั้งใหม่ได้หรือไม่ นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง
หวังเพียงแต่ว่า ภายใต้ทัศนะที่มุ่งมั่นมองไปข้างหน้าและวิถีแห่ง BMW จะช่วยขับเคลื่อนความสุขไปสู่เป้าหมาย สมกับวลีที่ว่า “Joy is BMW”
Related Story