วันอาทิตย์, เมษายน 27, 2025
Home > Cover Story > อรวรรณ เกลียวปฏินนท์ กับกลยุทธ์สร้างการเติบโตของ ฟิตเนส เฟิร์ส

อรวรรณ เกลียวปฏินนท์ กับกลยุทธ์สร้างการเติบโตของ ฟิตเนส เฟิร์ส

ฟิตเนส เฟิร์ส อยู่ในเมืองไทยมานานกว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา รายได้เราโตประมาณ 5-7% ทุกปี แต่ต้องบอกว่าหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มันมีการเปลี่ยนแปลงมหาศาล เราต้อง set standard ใหม่กันทั้งหมด ลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เราเป็นอย่างไร แต่หลังจากนี้ต้องเปลี่ยน” อรวรรณ เกลียวปฏินนท์ หัวหน้าทีมการตลาด บริษัท อีโวลูชั่น เวลล์เนสส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทแม่ของ ฟิตเนส เฟิร์ส (Fitness First) และเซเลบริตี้ ฟิตเนส (Celebrity Fitness) กล่าวกับ “ผู้จัดการ 360 องศา”

ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 เทรนด์รักสุขภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจฟิตเนสในประเทศไทยเติบโตและแข่งขันกันอย่างดุเดือด มีทั้งผู้เล่นรายใหญ่ที่อยู่ในตลาดมานาน และผู้เล่นรายใหม่ๆ เกิดขึ้นมาชิงส่วนแบ่งการตลาดเป็นจำนวนไม่น้อย

แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ธุรกิจต้องหงุดชะงัก ผู้เล่นหลายรายต้องปิดตัวลง ก่อนที่ปัจจุบันจะกลับมาคึกคักและแข่งขันดุเดือดอีกครั้งหลังสถานการณ์คลี่คลาย ซึ่งก็ต้องมีการปรับตัวกันขนานใหญ่ตามพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไป เช่นเดียวกับ “ฟิตเนส เฟิร์ส” ผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจฟิตเนส ที่ต้องปรับตัวเช่นกัน

“ช่วงโควิดคนอยู่กับตัวเองและรู้จักตัวเองมากขึ้น รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เมื่อก่อนมี one work for all ยิมเป็นแบบครบวงจร มีคาร์ดิโอ ลู่วิ่ง เวทเทรนนิ่ง มีคลาส เดินเข้าไปเถอะเดี๋ยวก็เจอสิ่งที่ชอบเอง แต่ตอนนี้ผู้บริโภครู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องไปลองอะไรที่มันครบ แต่เขารู้แล้วว่าเขาชอบอะไร ในแง่ของผู้ประกอบการฟิตเนสอย่างเราก็ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า ข้อที่เราต้องทำการบ้านเยอะขึ้นคือต้องตีโจทย์ consumer insight ให้แตกได้จริงๆ และจะเอาโปรดักส์และบริการของเรา ไปเจอกับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างไร” อรวรรณ เกลียวปฏินนท์ ในฐานะหัวหน้าทีมการตลาด ที่อยู่กับฟิตเนส เฟิร์ส มากว่า 19 ปี ฉายภาพเทรนด์การออกกำลังกายในปัจจุบัน

หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ฟิตเนส เฟิร์ส เองมีการปรับตัว โดยยังคงเป็นฟิตเนสแบบครบวงจร แต่มีการปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้า และแตกเซกเมนต์การให้บริการและคลาสแบบละเอียดมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งมอบ “ประสบการณ์” ให้แก่สมาชิก ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักเพื่อการอยู่รอดของฟิตเนส เฟิร์ส ในตลาดฟิตเนสที่ดุเดือดและท้าทายในยุคปัจจุบัน

“ปี 2562 ถึงปลายปี 2567 จำนวนผู้ประกอบการที่เปิดบริการฟิตเนสเพิ่มขึ้นถึง 25% ทั้งรายเล็ก รายย่อย ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากลัวมาก และระหว่างทางก็มีปิดตัวไปเยอะ สิ่งที่ฟิตเนส เฟิร์ส ทำเพื่อที่จะอยู่รอดได้ในตลาดคือ เราไม่ทิ้งเรื่องประสบการณ์ หรือ Experience เพราะฟิตเนสไม่ใช่แค่ฮาร์ดแวร์ ไม่ใช่แค่ลู่วิ่ง เครื่องออกกำลังกาย หรือดัมเบล แต่ฟิตเนสคือซอฟต์แวร์ คือทีมงานและการส่งมอบประสบการณ์ให้กับคนที่เข้ามาฟิตเนส”

อรวรรณเปิดเผยต่อว่า “ประสบการณ์” คือกลยุทธ์หลักเพื่อการอยู่รอดและสร้างการเติบโตของฟิตเนส เฟิร์ส โดยจะสร้างประสบการณ์และส่งมอบให้สมาชิกผ่าน 3 เสาหลัก ได้แก่ 1. สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ (Facility) 2. คุณภาพของคน และ 3. ความสะดวกสบาย โดยมีการพัฒนาทีมพนักงาน เทรนเนอร์ รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนโปรดักส์และการให้บริการโดยอิงจากอินไซด์ความต้องการของผู้บริโภค เช่น มีการเพิ่มประเภทสมาชิกให้หลากหลายมากขึ้น เปิดตัว FITPASS แพ็กเกจแบบไม่ต้องจ่ายรายเดือนไม่มีข้อผูกมัด เป็นแพ็กเกจการซื้อเครดิตเพื่อเข้าใช้บริการแบบชำระเงินล่วงหน้า

นอกจากนี้ ยังมีคลาสออกกำลังกายหลากหลายแบบมากถึง 20,000 คลาสต่อเดือน ทั้งคลาสของพาร์ตเนอร์คนสำคัญอย่าง Les Mills เจ้าของลิขสิทธิ์คลาสออกกำลังกายรายใหญ่ของโลก, HIIT, โยคะ, พิลาทิส, ปั่นจักรยาน, ProRelieve หรือ sport massage ที่ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เป็นต้น

“คนจะใช้เวลาอยู่กับฮาร์ดแวร์สั้นกว่า แต่ถ้าเราทำให้เขารู้สึกว่าเข้ามาแล้วมันดี มันโอเค มีคนทักว่าเขาดูแข็งแรงขึ้นจริงๆ นั่นคือประสบการณ์ และเป็นสิ่งที่ทำให้เขาอยู่กับเราได้นาน ทำให้เขาติดการออกกำลังกาย และการออกกำลังกายจะเห็นผล”

นอกจากการส่งมอบประสบการณ์แล้ว จุดแข็งที่ทำให้ฟิตเนส เฟิร์ส อยู่รอดและเติบโต คือการมีเทรนเนอร์ที่เป็นฟูลไทม์กว่า 1,600 คน

“ฟิตเนส เฟิร์ส น่าจะเป็นที่เดียวในโลกที่จ้างเทรนเนอร์แบบฟูลไทม์ ตอนนี้มีทั้งหมด 1,600 คน ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก ตลาดทั่วไปถ้าเป็นยิมเล็กๆ ส่วนใหญ่เป็นเทรนเนอร์ที่เป็นฟรีแลนซ์ เหมือนมีครูสอนพิเศษมาใช้พื้นที่ พอมีเทรนเนอร์ที่เป็นฟูลไทม์เราสามารถพัฒนาความรู้ต่างๆ ได้แข็งแรงมากขึ้น และเป็นแก่นที่ทำให้ฟิตเนส เฟิร์ส อยู่มาได้และแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ”

ปัจจุบันฟิตเนส เฟิร์ส มีแอคทีฟเมมเบอร์ประมาณ 65,000 คน โดยมีเมมเบอร์เข้าใหม่เดือนละ 2,500 -3,000 คนทุกเดือน อายุเฉลี่ยอยู่ในช่วง 25-35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่เป็นเมมเบอร์หลักและสร้างการเติบโตให้กับฟิตเนส เฟิร์ส สำหรับจำนวนสาขามีทั้งสิ้น 35 สาขา แบ่งเป็นฟิตเนส เฟิร์ส 33 สาขา และเซเลบริตี้ ฟิตเนส 2 สาขา อยู่ในกรุงเทพฯ 30 สาขา และ 5 สาขาในต่างจังหวัดอย่างขอนแก่น อุดรธานี โคราช ชลบุรี และระยอง ทั้งนี้ เมมเบอร์มีการเช็กอินเข้ามาออกกำลังกายเฉลี่ยเดือนละ 7.6 ครั้ง ในขณะที่ค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 2,200-3,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของสมาชิก

“จำนวนเมมเบอร์ของฟิตเนส เฟิร์ส เป็นที่หนึ่งตลอดกาล และกว่า 80% เป็นเมมเบอร์ที่อยู่กับเราอย่างน้อย 12 เดือน จำนวนสาขาก็ไม่ขี้เหร่ การดำเนินงานและทีมงานของเราแข็งแรง สิ่งที่ต้องทำคือการปรับตัวให้ตรงกับดีมานด์ใหม่ๆ ที่มันเกิดขึ้น ตลาดนี้ใหญ่มาก ฟิตเนส เฟิร์ส มีเมมเบอร์แค่ 65,000 คน แต่ประชากรในกรุงเทพฯ เกือบ 20 ล้านคน เพราะฉะนั้นเรายังมีโอกาสอีกเยอะแยะมากมาย ตลาดมันไม่ง่าย เพียงแค่คุณต้องเสิร์ฟในสิ่งที่เข้าใจผู้บริโภคได้ละเอียดจริงๆ”

ถ้ามองด้านผลประกอบการของบริษัท อีโวลูชั่น เวลล์เนสส์ (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า ปี 2562 รายได้รวม 3,026,106,863 บาท กำไร 439,422,618 บาท ปี 2563 รายได้ 2,443,709,815 บาท กำไร 126,898,034 บาท ปี 2564 รายได้ 1,971,705,790 บาท ขาดทุน 24,210,704 บาท ปี 2565 รายได้ 1,289,072,580 บาท ขาดทุน 507,362,766 บาท ปี 2566 รายได้ 2,117,105,047 บาท ขาดทุน 233,805,364 บาท ปี 2567 รายได้ 2,374,088,368 บาท กำไร 20,769,733 บาท

ล่าสุดฟิตเนส เฟิร์ส ชิงพื้นที่สื่อและสร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดฟิตเนสอีกครั้ง ด้วยการจับมือกับ ICONSIAM และ Les Mills เตรียมจัดอีเวนต์กรุ๊ปฟิตเนส The Ultimate Fitness Force 2025 (TUFF 2025) มหกรรมการออกกำลังกายระดับเอเชียเป็นปีที่ 2 เพื่อดันไทยสู่ฮับสุขภาพเอเชียและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมฟิตเนส หลังจากประสบความสำเร็จจาก TUFF 2024 ที่จัดเป็นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา

โดยงาน TUFF 2025 จะเป็นการรวมตัวของเทรนเนอร์ระดับโลกกว่า 110 คน ที่จะมานำคลาสออกกำลังกายยอดนิยมของ Les Mills ถึง 13 คลาส ทั้ง BODYPUMP, BODYSTEP, BODYCOMBAT, RPM, BODYJAM, LESMILLS DANCE, BODYBALANCE, Les Mills Pilates อีกทั้งยังมี HYROX Physical Fitness Test ซึ่งเป็นบททดสอบความแข็งแกร่งระดับโลก พร้อมแสง สี เสียง เหมือนคอนเสิร์ต บนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ณ True ICON HALL โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 มิถุนายน 2568 และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 8,000 คน จากทั้งไทยและต่างประเทศ

แม้ว่าฟิตเนส เฟิร์ส เผยว่าไม่ได้คาดหวังด้านตัวเลขรายได้จากงานในครั้งนี้ แต่แน่นอนว่าด้วยสเกลงานระดับเอเชีย และได้พาร์ตเนอร์อย่าง ICONSIAM และ Les Mills งานนี้ย่อมสร้างแรงกระเพื่อมในตลาดฟิตเนส และทำให้ชื่อของ “ฟิตเนส เฟิร์ส” เป็นที่พูดถึงได้ไม่น้อยเลยทีเดียว.