เสาวณีย์ กาญจนโอฬารศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Make A Whiz หรือในวงการเรียกกัน “ครูปิ๋ม” อดีตผู้อยู่เบื้องหลังปลุกปั้นศิลปินนักร้องชื่อดัง วันนี้พลิกบทบาทสู่นักธุรกิจแบบเต็มตัว พร้อมเปิดโปรเจกต์ล่าสุด “นารีแดงบาร์” คาเฟ่ฉีกแนวแหวกตลาดแบบโดนๆ ชนิดที่ว่าเผยโฉมร้านเพียงไม่กี่เดือน ยอดขายพุ่งพรวดถึง 3 เท่า
ครูปิ๋มกล่าวกับ “ผู้จัดการ360 องศา” ว่า นารีแดงบาร์เกิดขึ้นจาก Passion ความเป็นคนชอบเที่ยว ได้เห็นความหลากหลายของคาเฟ่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีโอกาสแวะชิม แวะดื่ม เกิดความรู้สึกอยากทำคาเฟ่สไตล์บาร์ ให้คนมีประสบการณ์กับเครื่องดื่มแปลกใหม่ ดื่มง่าย ถ่ายรูปได้ อยู่ในสถานที่ท่องเที่ยว จนตัดสินใจจับมือสองหุ้นส่วนนักธุรกิจ คือ ประณิชา กัลยาณมิตร และธนินธร จันทรวรรณ (เชฟหนุ่ม) ลุยสาขาแรกในโครงการ House of Benedict Pattaya หาดจอมเทียน ซึ่งกำลังเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในเมืองพัทยาที่ฮอตมากๆ
“นารีแดงบาร์มี Story ตั้งแต่ชื่อและบรรยากาศร้าน เราอยู่ใน House of Benedict ที่มีร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ เราอยากแตกต่าง เราเลือกตกแต่งเป็นสไตล์จีนยุคกลาง เก่าแก่ โทนแดง และนึกถึงหนังจอมยุทธ์ที่มักสั่งเหล้านารีแดง ตะโกนเอาเหล้านารีแดงมาเหยือกหนึ่ง เป็นชื่อที่คนไทยจดจำง่ายและนารีแดง Lady in red หมายถึงผู้หญิง เป็นสิ่งที่เราชอบ”
สำหรับร้านแรกแห่งนี้เปิดให้บริการเมื่อ 9 ธันวาคม 2565 แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงกลางวัน รองรับกลุ่มครอบครัว พ่อแม่ลูก กลุ่มนักท่องเที่ยว และช่วงกลางคืนให้บริการถึง 3 ทุ่ม รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยว ทั้งไทยและเทศ กลุ่มแฮงก์เอาต์ หาเครื่องดื่มนั่งชิลๆ สบายๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่มีความพิเศษเรื่องเครื่องดื่มที่แตกต่างถึงขั้นแหวกแนว โดยเฉพาะชานมไข่มุกรสชาติกลมกล่อมแบบไต้หวันแท้ๆ โดยได้บาร์เทนเดอร์จากออสเตรเลีย ซึ่งทำงานอยู่กับชาวไต้หวัน ครีเอตขึ้นมา มีความละมุน ความอร่อย พร้อมใส่กิมมิกแปะแผ่นทองที่ผ่านการปลุกเสกบนตัวเครื่องดื่ม ให้ชื่อว่า “นะหน้าทอง” ดื่มแล้วเฮง ดูดแล้วปัง ปรากฏว่า กระแสตอบรับดีมากๆ
ส่วนอีกเมนูที่ได้รับความนิยม คือ “ฮานาโกะ” เป็นชามิกซ์รสชาติละมุน ท็อปด้วยครีมชีส โรยหน้าดอกไม้กินได้ ทั้งอร่อยและสวย ซึ่งลูกค้าสาวๆ ชอบมาก ทั้งดื่มและถ่ายภาพโพสต์โชว์เพื่อนๆ
ล่าสุด นารีแดงบาร์ยังนำเสนอเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ให้นักท่องเที่ยวที่อยากลองเครื่องดื่มที่มีความเป็นไทย ได้แก่ ปักธงชัย ล้านนา และอีสาน โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รสชาติแตกต่างกัน เช่น การนำแมงดามาเป็นส่วนผสมและสามารถเพิ่มส่วนผสม จะให้เป็นม็อกเทลหรือค็อกเทลได้ทั้งหมด เน้นความหลากหลายขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า ตั้งแต่กลุ่มเด็กจนถึงผู้ใหญ่ทุกเพศทุกวัย วัยทำงาน คนชอบดริงก์
“ไลน์เครื่องดื่มในช่วงกลางวันส่วนใหญ่เป็นนอนแอลกอฮอล์ พวกชานม เครื่องดื่มไทยๆ พอตกดึกเป็นอีกฟีล ซึ่งคาเฟ่สไตล์บาร์ยังไม่มีคู่แข่งแถวพัทยา และถ้าดูในสื่อโซเชียลย่านพัทยา เกิดกระแสนารีแดงบาร์เยอะมาก กลุ่มกลางคืนอยากดื่มเครื่องดื่มชิลๆ นั่งยาวๆ บาร์เทนเดอร์สามารถทำเครื่องดื่มในทุกความต้องการ เช่น วันนี้ทำงานเหนื่อย อยากกินอะไรเผ็ดๆ เราจัดส่วนผสมพริกป่นทำเครื่องดื่มแปลกใหม่ หรือพริกสด รสชาติอร่อย เพราะเรามีบาร์เทนเดอร์ อุปกรณ์ ผสมให้ได้หมด”
สำหรับระดับราคาเครื่องดื่มเริ่มต้นตั้งแต่ 120-450 บาท ซึ่งเท่าที่เปิดให้บริการ การใช้จ่ายต่อบิลเฉลี่ยสูงถึง 300 บาทต่อคน กลุ่มลูกค้าปัจจุบันเป็นนักท่องเที่ยวไทย 70% และต่างชาติ 30% โดยหลังจากนี้จะเร่งขยายกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น
บริษัทยังเตรียมแผนขยายร้านสาขาต่อไปในแหล่งท่องเที่ยว เช่น เขาใหญ่ บางแสน หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต และกรุงเทพฯ โดยโมเดลการลงทุนไม่ใช่แค่การทุ่มเงินลงทุนและไม่ใช่แฟรนไชส์ หรือ Copy and Paste รูปแบบเหมือนร้านนารีแดงบาร์ พัทยา แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะแต่ละสาขา ซึ่งนั่นคืออีกสิ่งหนึ่งพิเศษที่ครูปิ๋มต้องการเน้นให้เห็นความแตกต่าง
“เฉพาะปีนี้ บริษัทมองไว้อย่างน้อย 3 เอาท์เล็ต และต้องการเน้นโพสิชันนิ่งของโปรเจกต์ คือ ความเป็นครีเอทีฟบาร์ที่หลากหลาย ความพรีเมียมเพลส ซึ่งไม่สามารถ Copy and Paste ทำเหมือนเดิมทุกที่ แต่เป็นคาเฟ่บาร์ที่ต้องหาพาร์ตเนอร์ร่วมทุนและออกแบบสะท้อนความเป็นตัวเองของพาร์ตเนอร์ ใส่คาแรกเตอร์อยู่ในบาร์ รวมถึงขนาดพื้นที่ คอนเซ็ปต์และบรรยากาศต้องขึ้นอยู่กับทำเลและกลุ่มเป้าหมาย”
“เอาต์เล็ตต่อๆ ไปจะมีคอนเซ็ปต์ใหม่ อาจไม่ได้ชื่อนารีแดงบาร์ หรืออาจใช้ว่า บายนารีแดงบาร์ เพราะเป็นรูปแบบการร่วมทุนของคนที่มี Passion เหมือนกัน คนที่อยากทำธุรกิจนี้ มีงบลงทุน อาจไม่มีโนว์ฮาว ไม่มีประสบการณ์ เดินมาหาบริษัทได้ทันที”
เสาวณีย์กล่าวอีกว่า บริษัท Make A Whiz ยังเร่งขยายไลน์ธุรกิจ เพื่อกระตุ้นรายได้และสร้างการรับรู้ระดับแมสมากยิ่งขึ้น โดยวางกลยุทธ์บุกโมเดล Drink Catering ในกลุ่มงานไพรเวตปาร์ตี้และอีเวนต์ต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานเปิดตัวสินค้า โดยการดีไซน์เครื่องดื่มให้เหมาะสมกับธีมและคอนเซ็ปต์ของงาน
เช่น ในงานแต่งงาน คู่บ่าวสาวอยากมีเครื่องดื่มสุดพิเศษ เป็นส่วนผสมระหว่างเครื่องดื่มที่ชื่นชอบของบ่าวสาว ตั้งชื่อเป็นดริงก์ของคู่บ่าวสาว ซึ่งเธอบอกว่า มีลูกค้าแล้วและเสียงตอบรับดีมาก
ขณะเดียวกัน เพิ่มบริการ Set up Bar โดยทีมงานมืออาชีพที่มีความรู้และประสบการณ์ เจาะกลุ่มนักธุรกิจหรือกลุ่มผู้ประกอบการที่สนใจธุรกิจคาเฟ่บาร์ โดยบริษัทสามารถเป็นที่ปรึกษา ทั้งรูปแบบขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เป็นการขายโนว์ฮาว ซึ่งลูกค้าสามารถดูโปรเจกต์นารีแดงบาร์ได้ หรืออยากเลือกบาร์แบบตะวันตก แบบยุโรป
นอกจากนั้น เตรียมรุกขยายแบรนด์ไอศกรีม LICK UP ซึ่งบริษัทเปิดตัวก่อนหน้านี้และทดลองตลาดขายเฉพาะช่องทางออนไลน์ โดยตั้งเป้าเปิดหน้าร้านในปีหน้า
“ธุรกิจไอศกรีมเป็นอีกความชอบของครูและหุ้นส่วน เราชอบไอศกรีมสไตล์อิตาลีมากๆ เราต้องเดินทางไปประเทศอิตาลีทุกปี เพื่อไปเดินงานไอศกรีมและขนม ดูส่วนผสมใหม่ๆ เทรนด์ใหม่ๆ มาอัปเดตรสชาติที่แตกต่าง เรา 3 คน ชิมและเอาความชอบของตัวเองเป็นหลัก เพราะเชื่อมั่นว่าคนอื่นจะชอบเหมือนเรา เน้นส่วนผสม ความเข้มข้น ยืนยันความอร่อยจนต้องเลีย หมดถ้วยแล้วต้องเลียช้อน อร่อยจริง ตามคอนเซ็ปต์ LICK UP”
ดังนั้น แทบพูดได้ว่า ทุกธุรกิจทั้งหมดล้วนมาจาก Passion ไลฟ์สไตล์ และความชอบส่วนตัว ความชอบของพาร์ตเนอร์ บวกกับประสบการณ์จากการท่องเที่ยวไปทั่วโลก
เธอบอกว่า Passion ทำให้ไอเดียไม่มีวันหมดและทุกอย่างที่จับเป็นธุรกิจได้หมด ถ้าชอบ ศึกษา เป็น Story ตั้งแต่จับมือกับหุ้นส่วนตั้งบริษัท Make A Whiz ใช้คำว่า Whiz ซึ่งมาจาก Whizard หมายถึงพ่อมด เวทมนตร์ ที่สามารถเสกได้ทุกสิ่ง และเธอได้ทำให้เป็นจริงแล้ว.