วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
Home > Cover Story > ไอคอนสยามต่อจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ เปิดตัว “ICS” เติมภาพเมืองใหม่ย่านฝั่งธนฯ

ไอคอนสยามต่อจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ เปิดตัว “ICS” เติมภาพเมืองใหม่ย่านฝั่งธนฯ

หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2561 ในฐานะ Global Destination และแลนด์มาร์กแห่งใหม่ย่านฝั่งธนบุรี ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 55,000 ล้านบาท ล่าสุดเมกะโปรเจกต์อย่าง “ไอคอนสยาม” (ICONSIAM) กำลังต่ออีกหนึ่งจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ด้วยการเปิดตัว “ICS” มิกซ์ยูส ไลฟ์สไตล์ ทาวน์ แห่งใหม่ เติมภาพการสร้างเมืองย่านฝั่งธนบุรีให้ก้าวไปอีกขั้น

ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาพื้นที่เมืองทางฝั่งธนบุรีมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเกิดขึ้นของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีม่วง และล่าสุดกับสายสีทอง โครงการอยู่อาศัยทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมที่ผุดขึ้นหลักหมื่นยูนิต รวมถึงห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้งที่เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับกำลังซื้อที่จะเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเมือง

9 พฤศจิกายน 2561 “ไอคอนสยาม” อภิมหาโครงการที่เกิดจากการร่วมทุนของ 3 พาร์ตเนอร์ยักษ์ใหญ่ อย่าง สยามพิวรรธน์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะแลนด์มาร์กแห่งใหม่ย่านฝั่งธนบุรี ที่สร้างสีสันให้กับวงการค้าปลีกและกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่ใครๆ ต้องกล่าวถึง

ไอคอนสยาม เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชยกรรมแบบผสมบนพื้นที่ 50 ไร่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนเจริญนคร ประกอบด้วย ไอคอนสยาม (Main retails & Entertainment) พื้นที่ 500,000 ตารางเมตร และ ไอคอนลักซ์ (Luxury Wing) พื้นที่ 25,000 ตารางเมตร รวบรวมแบรนด์เนมชั้นนำที่จะเป็น Flagship Stores ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และคอนโดมิเนียมพักอาศัยมาตรฐานระดับโลก 2 อาคาร คือ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม และ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ จับกลุ่มลูกค้าระดับ A และกลุ่มลูกค้าต่างชาติเป็นหลัก

ภายหลังการเปิดตัว ไอคอนสยามได้รับการตอบรับทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ และกลายเป็น Global Destination ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีชื่อเสียงและมาพร้อมกับภาพความลักชัวรี จากสถิติหลังการเปิดบริการ 1 ปี (ข้อมูลปี พ.ศ. 2562) ไอคอนสยามมีผู้เข้าใช้บริการในวันปกติเฉลี่ย 80,000-120,000 คนต่อวัน ส่วนในวันเทศกาลมีผู้เข้าใช้บริการเฉลี่ย 200,000-350,000 คนต่อวัน มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 35% ซึ่งกลุ่มหลักๆ คือชาวจีน เกาหลี ไต้หวัน อินเดีย และกลุ่มประเทศ CLMV มียอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวประมาณ 10,000-15,000 บาท ซึ่งสูงกว่าศูนย์การค้าทั่วไปในประเทศไทย

ล่าสุดไอคอนสยามสร้างความคึกคักให้กับย่านเศรษฐกิจใหม่ของฝั่งธนบุรีอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว “ไอซีเอส (ICS)” หรือไอคอนสยามเฟส 2 โครงการมิกซ์ยูส ไลฟ์สไตล์ ทาวน์ แห่งใหม่ ที่ตีขนาบถนนเจริญนครอีกฝั่ง โดยตั้งอยู่ตรงข้ามกับไอคอนสยาม และสามารถเดินเชื่อมกันได้ทางสถานีรถไฟฟ้าเจริญนคร BTS สายสีทอง เพื่อจับกลุ่มลูกค้าตลาดแมสโดยเฉพาะ และถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญสำหรับกลยุทธ์การสร้างเมืองของไอคอนสยามเลยทีเดียว

แม้ว่าไอคอนสยามจะประสบความสำเร็จในฐานะจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยว แต่ถึงกระนั้นการจับกลุ่มลูกค้ายังคงมีช่องว่างให้เห็น เพราะกลุ่มลูกค้าหลักของไอคอนสยามคือกลุ่มลูกค้าระดับ A และชาวต่างชาติ ทำให้เข้าถึงลูกค้าไม่ครบทุกกลุ่ม

ประกอบกับแนวโน้มการพัฒนาเมืองทางฝั่งธนบุรีที่มีแผนการย้ายศูนย์ราชการมายังย่านคลองสาน ส่งผลให้พื้นที่มีความตื่นตัว เกิดการพัฒนาที่ดินเป็นที่พักอาศัยในรูปแบบอาคารสูงมากกว่า 50 โครงการ และที่อยู่อาศัยคอนโดมิเนียมกว่า 25,000 ยูนิต รวมทั้งการขยายบริการของโรงพยาบาลตากสิน โดยก่อสร้างอาคารผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 600 เตียง นั่นทำให้กำลังซื้อมหาศาลกำลังจะเกิดขึ้น ทั้งจากกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่กว่า 2 ล้านคน และรอบพื้นที่ในระยะ 5 กิโลเมตรอีกกว่า 3-5 ล้านคน จึงเป็นจังหวะทองในการเปิดตัว “ไอซีเอส” อีกหนึ่งโครงการมิกซ์ยูสที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มและเสริมแกร่งให้กับไอคอนสยาม

“กลยุทธ์สำคัญของไอคอนสยามคือ ‘การสร้างเมือง’ โดยไอซีเอสจะเข้ามาอุดช่องว่างและเสริมความครบครันของเมืองด้วยรูปแบบ ‘มิกซ์ยูส ไลฟ์สไตล์ ทาวน์’ ทั้งธุรกิจรีเทล โรงแรม และพื้นที่สำนักงาน ที่จะช่วยเพิ่มความถี่ในการใช้บริการของกลุ่มลูกค้าทั้งบริเวณย่านคลองสานและฝั่งธนบุรี โดยเฉพาะการขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั้งกลุ่มพนักงานออฟฟิศ เจ้าของธุรกิจ ประชาชน และนักท่องเที่ยว ด้วยสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันมากขึ้น ไอซีเอสจึงเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญทำให้ภาพของการเนรมิตเมืองใหม่ฝั่งธนบุรีของไอคอนสยามสมบูรณ์แบบ ครอบคลุมทุกเซกเมนต์มากขึ้น” สุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอซีเอส จำกัด เปิดเผย

แน่นอนว่า ICS ยังคงเป็นโครงการภายใต้การร่วมทุนของ 3 พาร์ตเนอร์หลักของไอคอนสยามอย่างบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นรูปแบบของ “มิกซ์ยูส ไลฟ์สไตล์ ทาวน์” ประกอบด้วยอาคารสูง 29 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ 5 ไร่ ริมถนนเจริญนคร มีพื้นที่ให้บริการ 70,000 ตารางเมตร และมีมูลค่าการลงทุน 4,000 ล้านบาท ประกอบด้วยพื้นที่ค้าปลีก อาคารสำนักงาน และโรงแรม

“พื้นที่ธุรกิจค้าปลีก” เป็นโซนที่รวมร้านค้ากว่า 200 แบรนด์ ทั้งสินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าไอที บริการด้านการเงิน แบรนด์แฟชั่น ธุรกิจบริการด้านความงามและเครื่องสำอาง อย่าง BEAUTRIUM, Boots, Oriental Princess, Cute press, คลินิกเสริมความงาม Doctor Delight, Gangnam Clinic, The Ritz Clinic รวมถึงแบรนด์ร้านอาหารกว่า 80 แบรนด์ จากทั้งในประเทศและร้านอาหารจากต่างประเทศ

โดยมี Lotus’s Privé (โลตัส พรีเว่) โลตัสรูปแบบใหม่แห่งแรกในประเทศไทย ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ความพรีเมียมที่สามารถเข้าถึงได้ หรือ “Premium Inclusive” เป็นแม็กเน็ตตัวสำคัญ

สำหรับแบรนด์ใหม่ของโลตัส อย่าง “โลตัส พรีเว่” นั้น ถือเป็นพรีเมียมไฮเปอร์มาร์เกตที่มีจุดยืนแตกต่างจากแบรนด์โลตัสเดิม ทั้งรูปลักษณ์ของแบรนด์ การออกแบบตกแต่งภายในสาขา ประเภทของสินค้าที่มีความพรีเมียมและหลากหลายมากขึ้น ทั้งอาหารสดนำเข้าจากต่างประเทศ อย่างเนื้อวัว กุ้งมังกร ปลาแซลมอน ชีส ผัก ผลไม้ อาหารสดส่งตรงจากแหล่งต่างๆ ในประเทศไทย สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงบริการเสริมต่างๆ เช่น ตัดแต่ง หั่นและแล่เนื้อสัตว์โดยพนักงานที่มีความรู้เฉพาะทาง

สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย เปิดเผยถึงที่มาของแบรนด์โลตัส พรีเว่ ว่า “เราเล็งเห็นโอกาสจากไลฟ์สไตล์ของลูกค้าปัจจุบันที่มีความต้องการสินค้าพรีเมียมมากขึ้น จึงเป็นที่มาของการพัฒนาคอนเซ็ปต์ภายใต้แบรนด์ใหม่คือโลตัส พรีเว่ โดยเปิดตัวในโครงการไอซีเอสเป็นแห่งแรก เพราะไอซีเอสเชื่อมต่อกับไอคอนสยามที่เป็นจุดหมายปลายทางของทั้งคนไทยและต่างชาติ และยังมีโครงการคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา โรงแรม และย่านธุรกิจสำคัญๆ รายล้อม นับว่าเป็นกำลังซื้อที่สำคัญ”

“โลตัส พรีเว่” เป็นหนึ่งในผู้เช่าหลักของโครงการไอซีเอส ครอบคลุมพื้นที่ชั้น B1 ทั้งหมดประมาณ 2,900 ตารางเมตร และถือเป็นสาขานำร่องในรูปแบบของความพรีเมียมที่จะเป็นต้นแบบการพัฒนาโครงการอื่นๆ ในอนาคต ตามความเหมาะสมของทำเลและความต้องการของลูกค้าแต่ละพื้นที่ต่อไป

อีกหนึ่งแม็กเน็ตสำคัญของโครงการไอซีเอส คือ “SIRIRAJ H Solutions” ศูนย์ดูแลสุขภาพครบวงจรที่ไอซีเอสร่วมมือกับโรงพยาบาลศิริราช เป็นศูนย์ดูแลสุขภาพแห่งแรกนอกพื้นที่โรงพยาบาลและเป็นแห่งแรกในศูนย์การค้า ที่มาในคอนเซ็ปต์ “Smart Medical Center” เข้าถึงง่าย เน้นการดูแลสุขภาพก่อนการเจ็บป่วย และให้บริการทางการแพทย์ในรูปแบบเฉพาะบุคคล โดยเปิดให้บริการเต็มพื้นที่ชั้น 5 ของโครงการ

ในส่วนของ “อาคารสำนักงานให้เช่า” เป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในอาคารเดียวกับศูนย์การค้า ซึ่งประกอบด้วยบริษัทธุรกิจไอทีโซลูชั่นและเทคโนโลยี โดยไอซีเอสหวังว่าการมีอาคารสำนักงานอยู่ในศูนย์การค้าจะทำให้มีผู้มาใช้บริการในช่วงวันทำงานอย่างวันจันทร์-วันศุกร์ มีจำนวนมากขึ้น และนั่นย่อมส่งผลดีในการเพิ่มยอดขายให้กับผู้ประกอบการร้านค้าภายในโครงการมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน

นอกจากนั้น โครงการไอซีเอสยังเป็นที่ตั้งของเชนโรงแรมชั้นนำอย่าง “โรงแรม ฮิลตัน การ์เด้น อินน์ กรุงเทพ ไอซีเอส เจริญนคร” โดยตัวโรงแรมเป็นอาคารสูง 19 ชั้น จำนวนห้องพัก 241 ห้อง มีพื้นที่รวมกว่า 17,000 ตารางเมตร ตั้งเป้ารองรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากทั่วโลก ถือเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะเข้ามาเติมเต็มลูกค้าทั้งในกลุ่มท่องเที่ยวและในกลุ่มธุรกิจ MICE ได้ เพราะถ้าดูในส่วนของไอคอนสยามเองนับว่ายังไม่มีโรงแรมระดับแมส มีเฉพาะคอนโดมิเนียมพักอาศัยระดับลักชัวรีอย่าง แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ และเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เท่านั้น

ทั้งความหลากหลายของพื้นที่ในโครงการที่มีทั้งโซนศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และโรงแรม ที่แตกต่างจากฝั่งไอคอนสยาม บวกกับความหลากหลายของสินค้าและบริการที่เน้นการซื้อง่าย ขายคล่อง “ไอซีเอส” จึงถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่ไอคอนสยามหมายมั่นปั้นมือว่าจะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่ไอคอนสยามยังไม่มี และทำให้เข้าถึงคนฝั่งธนฯ มากขึ้นกว่าเดิม.