วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
Home > Life > สรรพเสียงจากธรรมชาติ บำบัดจิตใจ ฟื้นฟูร่างกาย

สรรพเสียงจากธรรมชาติ บำบัดจิตใจ ฟื้นฟูร่างกาย

ปัจจุบันนับเป็นยุคทองของอินเทอร์เน็ต ผู้คนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านทางโลกโซเชียลมีเดีย ก้มหน้าและฝังตัวอยู่กับโลกเสมือนที่ถูกย่อส่วนลงมาในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เราตอบสนองต่อสิ่งเร้าทั้งที่เราเป็นผู้กำหนดความอยากรู้นั้นเอง และจากความคาดหวังของผู้คนรายล้อมรอบตัว บ่อยครั้งที่สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจนเกินความพอดี และสะสมจนก่อให้เกิดความเครียดทีละเล็กทีละน้อย จนกลายเป็นอาการป่วย หรือโรคเครียด

คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตผ่านทุกอุปกรณ์ 9 ชั่วโมง 1 นาทีต่อวัน สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก อีกข้อมูลที่น่าสนใจคือ ผลสำรวจจาก บมจ. ซิกน่า ประกันภัย พบว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความเครียดสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก จากทั้งหมด 23 ประเทศที่ทำการสำรวจ โดยมีคนไทยถึง 91 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่าตัวเองมีความเครียด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 84 เปอร์เซ็นต์ และที่แย่ไปกว่านั้น มีอยู่ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า ความเครียดที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่เกิดจากสาเหตุใด ซึ่งทำให้ไม่สามารถจัดการและรับมือกับความเครียดได้

การใช้ชีวิตของคนไทยในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ในบ้านมากกว่าอยู่นอกบ้าน และนั่นทำให้เราใช้เวลาอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตมากกว่าโลกแห่งความเป็นจริง ผลคือ แม้เราจะใช้เวลาในช่วงวันหยุดเพื่อพักผ่อนอยู่กับบ้าน ทว่า เรายังไม่ได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากโลกที่อุดมไปด้วยความเครียด ความกดดัน และยิ่งห่างไกลจากธรรมชาติมากขึ้นไปด้วย

ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถสลัดตัวเองให้หลุดจากความเครียดที่เกาะกินจิตใจได้ อาจเพราะเข้าใจว่า การที่จะหลีกหนีให้พ้นจากภาวะความเครียดได้จำเป็นต้องออกเดินทางไปหาธรรมชาติ แน่นอนว่าหากสามารถทำได้คงจะดีไม่น้อย แต่แท้จริงแล้วการใช้ธรรมชาติบำบัดไม่จำเป็นที่ต้องเดินทางไกล เพียงแค่ใช้เวลาเปิดใจและพร้อมจะรับการบำบัดเท่านั้น

การเดินทางท่องเที่ยวสามารถบำบัดความเหนื่อยล้าของร่างกายและจิตใจได้เป็นอย่างดี เสมือนการได้ชาร์จแบต เติมพลังกายพลังใจ รับความสดชื่นจากธรรมชาติ ฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมที่จะกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

ทว่า บางครั้งความจำเป็นที่กลายเป็นข้อจำกัด อาจทำให้ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเดินทางไปรับการบำบัดจากธรรมชาติ ทั้งการสูดกลิ่นต้นไม้ใบหญ้าในป่าใหญ่ กลิ่นลมทะเล หรือปล่อยให้ร่างกายได้สัมผัสสายลมอันบริสุทธิ์ การได้อยู่ในสถานที่อันเงียบสงบ ห่างไกลจากโลกที่อุดมไปด้วยความวุ่นวาย สิ่งที่ผู้จัดการ 360 องศาอยากนำเสนอเพื่อให้ผู้อ่านได้ลองทำตามคือ

หาสถานที่ใกล้ๆ ตัว เช่น สวนสาธารณะ หรือสวนหย่อมในบริเวณบ้าน ทอดกายลงตามใจปรารถนา หลับตาลง และปล่อยให้หูเป็นช่องทางเดียวในการรับรู้ ยามที่เราหลับตาลง เสียงที่เราแทบไม่เคยได้ยินอย่างชัดเจนจะแจ่มชัดขึ้นทันที ทั้งที่เสียงนั้นก็ยังดังอยู่ทุกขณะ เพียงแต่เราใช้โสตประสาทอื่นทำงานมากกว่า

เสียงจากธรรมชาติ ทั้งสายลมที่พัดโชยอ่อนๆ นกที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว เสียงหริ่งหรีดเรไร เสียงสายฝนที่ตกกระทบใบไม้ พื้นดิน พื้นหญ้า เสียงคลื่นลมที่สาดซัดเข้าชายฝั่ง เสียงเครื่องยนต์จากเรือหาปลาที่แล่นอยู่ในทะเล สรรพเสียงที่อยู่รอบตัวเหล่านี้จะค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาภายในจิตใจ

มีผลงานวิจัยของทีมนักวิจัย BSMS ระบุว่า เสียงธรรมชาติส่งผลต่อการทำงานของระบบร่างกาย ที่ช่วยในการควบคุมความหวาดกลัว หรือภาวะเร่งรีบและทำให้การทำงานของระบบประสาทอยู่ในภาวะผ่อนคลายโดยอัตโนมัติ ในขณะที่เสียงธรรมชาติกับเสียงสิ่งแวดล้อมต่างๆ บ่อยครั้งก็เป็นปัจจัยที่ช่วยให้เกิดความผ่อนคลายและรู้สึกดี

การฟังเสียงธรรมชาติ จะช่วยปลอบประโลมความบอบช้ำทางจิตใจจากความเครียดและความกดดัน ทั้งจากการทำงานและจากสภาพแวดล้อมในสังคม มีการทดลองด้วยการให้ฟังเสียงธรรมชาติกับผู้ที่อยู่ในภาวะเครียด มีผลการทดลองที่น่าสนใจคือ การทำงานของระบบประสาทของผู้เข้าร่วมทดลองเปลี่ยนไป แต่ละคนแสดงให้เห็นว่าอยู่ในภาวะความเครียดก่อนที่จะทำการทดลอง และผลที่ได้คือระบบร่างกายเกิดความผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้ฟังเสียงธรรมชาติ ในขณะเดียวกันจากการสแกนสมอง พบว่าภาวะความเครียดที่ลดน้อยลงเมื่อได้ฟังเสียงธรรมชาติเมื่อเทียบกับเสียงประดิษฐ์

มนุษย์ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ตามกระแสธารของสังคมที่ถูกตีกรอบด้วยการแข่งขัน ในขณะที่เสียงของธรรมชาติจะช่วยให้เรามีจิตใจที่สงบมากขึ้น ละลายความเร่งรีบที่เรามักจะยึดถืออยู่เป็นนิจ เมื่อเราเปิดโสตประสาทรับฟังเสียงอย่างจริงจัง หากเราเปิดโสตประสาทรับฟัง เสียงที่เกิดขึ้นในธรรมชาติจะช่วยให้เราใช้เวลาช้าลง ละเมียดละไม นับตั้งแต่ปล่อยให้เสียงต่างๆ เข้ามา

ปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวหน้ามีคนบันทึกเสียงจากธรรมชาตินำมาลงในช่องทางที่เข้าถึงได้ง่าย เช่น Youtube นั่นทำให้เราสามารถฟังเสียงธรรมชาติได้ทุกเวลาที่เราอยากผ่อนคลายและหลีกหนีจากความเครียดที่ต้องเผชิญ

ธรรมชาติมักให้สิ่งดีๆ กับมนุษย์เสมอ ในขณะที่มนุษย์เราล้วนทำลายธรรมชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว

ใส่ความเห็น