วันพุธ, ธันวาคม 18, 2024
Home > Cover Story > พิษไวรัส เขย่าขวัญนักช้อป ห้างใหญ่ร้าง “คอนวีเนียน” พลิกยอดโต

พิษไวรัส เขย่าขวัญนักช้อป ห้างใหญ่ร้าง “คอนวีเนียน” พลิกยอดโต

ผลพวงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “โควิด-19” ที่ยาวนานมากว่า 2 เดือนแล้ว ส่งผลกระทบต่อทุกภาคธุรกิจ ล่าสุด สมาคมผู้ค้าปลีกไทยระบุว่า จำนวนลูกค้าตกลงมากกว่า 30% กำลังซื้อหายไปจากระบบกว่า 70,000 ล้านบาท และแนวโน้มทรุดตัวต่อเนื่อง เมื่อนักช้อปยังขวัญผวาหนัก โดยเฉพาะห้างขนาดใหญ่มีสภาพเงียบเหงาจนผู้เช่าออกมาเรียกร้องขอมาตรการเยียวยาเร่งด่วน

อย่างไรก็ตาม วิกฤตการณ์รอบนี้กลับเปิดช่องให้กลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อสามารถสร้างยอดขายเติบโต เนื่องจากผู้คนเปลี่ยนพฤติกรรมมาจับจ่ายตามร้านค้าใกล้บ้าน หลีกเลี่ยงการเดินทางไปห้างขนาดใหญ่ ยิ่งเกิดกระแสข่าวบรรดา “ผีน้อย” กลุ่มแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีมากกว่า 5,000 คน เดินทางกลับประเทศ ยิ่งทำให้การออกมาจับจ่ายในห้างขนาดใหญ่ลดลงอีก

แน่นอนว่า “เซเว่นอีเลฟเว่น” ยักษ์ใหญ่คอนวีเนียนสโตร์กำลังพลิกวิกฤตเป็นโอกาสรับทรัพย์เต็มๆ เพราะไม่ใช่แค่จุดแข็งด้านเครือข่ายสาขามากกว่า 10,000 สาขาทั่วประเทศ แต่ยังจัดเต็มโปรโมชั่นหลากหลาย ทั้งแคมเปญแลกซื้อสินค้าราคาพิเศษ แคมเปญซื้อคู่ถูกกว่า แคมเปญบุฟเฟต์ แคมเปญสะสมแต้มแลกเงินสดหรือแลกสินค้าพรีเมียม รวมถึงเสริมบริการครบรอบด้านตามไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นในประเทศไทย เปิดบริการ “ออลเซอร์วิส (ALL Service)” รวมบริการต่างๆ ที่เซเว่นฯ เคยพัฒนาขึ้นในอดีตมาไว้ใต้แบรนด์เดียวกัน ประกอบด้วย ขนส่งพัสดุ สปีด-ดี, ซื้อ พ.ร.บ.-ต่อภาษีรถยนต์และจักรยานยนต์, ชำระบิล, ขายตั๋วคอนเสิร์ต-กีฬา-เดินทาง, ซัก อบ รีด, ฝากถอนเงิน และล่าสุด คือ ร้านสะดวกซัก 24 ชั่วโมง “ออลลอนดรี้ บาย อ๊อตเทริ” จากการร่วมมือกับแฟรนไชส์ร้านสะดวกซักอ๊อตเทริ โดยกำลังเร่งขยายบริการหลังทดลองสาขาแรกในซอยสิรินธร 5 ใกล้กับห้างสรรพสินค้า ตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี เป็นโมเดลสแตนด์อะโลนเจาะย่านชุมชนขนาดใหญ่

ขณะเดียวกัน จับมือกับฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ A&W เปิดโมเดล A&W Express ในร้านเซเว่นฯ ประเดิมสาขาแรกที่นวมินทร์ ซอย 3 ใกล้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ บางนา และเตรียมขยายสาขาให้บริการเพิ่มอีก 10-15 สาขา รวมทั้งเร่งเพิ่มสินค้าในหมวดหมู่อาหารพร้อมรับประทาน เช่น สลัดผัก น้ำพริก ปลาทูนึ่งแม่กลอง กะหล่ำปลีหั่นฝอย ขนมเบื้อง ผลไม้สด และออกเมนูใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

ส่วนธุรกิจ Banking Agent มีธนาคารเข้าร่วมแล้ว 7 แห่ง คือ ธนาคารออมสิน, กรุงศรีอยุธยา, ไทยพาณิชย์, กสิกรไทย, LH Bank, ธกส. และทหารไทย

เกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL กล่าวว่า บริษัทเดินหน้านโยบายพัฒนา “เซเว่นอีเลฟเว่น” เป็นร้านสะดวกอิ่มเต็มรูปแบบ โดยพัฒนาสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มเมนูใหม่ๆ เพราะถือเป็นกลุ่มสินค้าสร้างยอดขายเติบโต โดยปี 2562 มีสัดส่วนของรายได้จากการขายร้อยละ 71.2 มาจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และร้อยละ 28.8 มาจากสินค้าอุปโภคไม่รวมบัตรโทรศัพท์

ที่สำคัญ สัดส่วนรายได้จากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเติบโตอยู่ในระดับสูง และนโยบายการขยายสาขาบวกกับการนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้ในปี 2562 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการรวม 334,061 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 25,218 ล้านบาท คิดเป็น 8.2%

ขณะที่ยอดขายเฉลี่ยของร้านเดิมมีอัตราการเติบโต 1.7% ยอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวัน 82,928 บาท มียอดซื้อต่อบิล 70 บาท จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 1,187 คน

สำหรับปี 2563 บริษัทมีเป้าหมายการลงทุน 11,500-20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการเปิดร้านสาขาใหม่รวม 700 สาขา งบลงทุน 3,800-4,000 ล้านบาท การปรับปรุงร้านเดิม 2,400-2,500 ล้านบาท งบลงทุนโครงการใหม่ บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000-4,100 ล้านบาท และสินทรัพย์ถาวรและระบบสารสนเทศ 1,300-1,400 ล้านบาท โดยตั้งเป้าจะมีสาขาครบ 13,000 สาขาภายในปี 2564

ส่วนผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 22,343 ล้านบาท มีรายได้รวม 571,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 คิดเป็นร้อยละ 8.3 มาจาก 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ มีสัดส่วนร้อยละ 59, ธุรกิจค้าส่งแบบชำระเงินสดและบริการตนเอง “สยามแม็คโคร” 34% และธุรกิจอื่นๆ อีก 7%

ด้านคู่แข่งหลักอย่าง “แฟมิลี่มาร์ท” แม้มีข้อเสียเปรียบในแง่เครือข่ายสาขาและการรับรู้แบรนด์ แต่พยายามเพิ่มจุดขายด้านสินค้าและบริการ โดยล่าสุด บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ใช้แผนผลักดันแบรนด์ท็อปส์เดลี่เสริมความเป็นคอนวีเนียนสโตร์ร่วมกับแฟมิลี่มาร์ท เพื่อเป็น Third Place ที่ลูกค้าสามารถมาใช้บริการหลากหลายในเวลาเดียวกัน

ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ประกาศจับมือกับ Clean Pro Express (คลีนโปรเอ็กซเพรส), The M SoulLaundromate (เดอะ เอ็ม โซล ลอนโดรเมท) และ Otteri wash & dry (อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย) เปิดตัวบริการสะดวกซัก 24 ชั่วโมงกับเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เน้นกลุ่มผู้อยู่อาศัยตามคอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ นำร่องในร้านแฟมิลี่มาร์ท 4 สาขา ได้แก่ สาขาประชาราษฎร์บำเพ็ญ 11, รามอินทรา ซอย 34, พัทยาสราญชล ซอย 2, นาจอมเทียน ซอย 2 และมีแผนขยายบริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ซัก-อบ จบที่เดียว ตลอด 24 ชม. เพิ่มอีกกว่า 20 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา สมุย และขอนแก่น

ต้องยอมรับว่า กลุ่มธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์มีศักยภาพพลิกวิกฤตได้ง่ายและดีกว่ากลุ่มไฮเปอร์มาร์เกต เนื่องจากเข้าถึงกลุ่มลูกค้าง่ายกว่าและมากกว่า นั่นทำให้กลุ่มไฮเปอร์มาร์เกต เช่น เทสโก้โลตัส ต้องเร่งพัฒนาโมเดลโลตัสเอ็กซ์เพรส ทั้งกลุ่มสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น นอกเหนือจากการแข่งขันด้านสงครามราคา

แต่ปฏิเสธไม่ได้ถึงสถานการณ์เชื้อไวรัส “โควิด-19” มีโจทย์ข้อใหญ่อยู่ที่การหยุดยั้งการแพร่ระบาด เพื่อเร่งความเชื่อมั่น ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.– 3 มี.ค. 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 3,680 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 104 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 3,576 ราย อนุญาตให้กลับบ้านแล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 2,435 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,545 ราย

ด้านสถานการณ์ทั่วโลกใน 75 ประเทศ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.-4 มี.ค. 2563 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 92,321 ราย เสียชีวิต 3,137 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 80,152 ราย เสียชีวิต 2,945 ราย

หลายฝ่ายจึงต่างจับตาว่า ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ซึ่งประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูร้อน หากสถานการณ์ไวรัสอันตราย “โควิด-19” หยุดการแพร่ระบาด รัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่นในการควบคุมไม่ให้มีการติดเชื้อซ้ำอีก ถึงเวลานั้นเศรษฐกิจไทยน่าจะพลิกฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง.

ใส่ความเห็น