ออร์แกนิกมาร์เก็ต ดาวรุ่งพุ่งแรง สวนการเมืองพิษพาราควอต
แม้การเมืองพิษพาราควอตยังคุกรุ่น หลังคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน มีมติยืดการแบนสารเคมีพาราควอตและคลอร์ไพรีฟอส และจำกัดการใช้สารไกลโฟเสต สวนทางกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนหลัก ผลักดันห้ามใช้สารเคมีทั้ง 3 ตัว แต่ข้อมูลเรื่องอันตรายของสารเคมีในพืชผักผลไม้ที่หลั่งไหลออกสู่สาธารณะส่งผลให้ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์หรือ “ออร์แกนิก” คึกคักและมีแนวโน้มติดธุรกิจดาวรุ่งในปี 2563 ขณะเดียวกัน ตลาดสินค้าออร์แกนิกในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เมื่อเทียบกับตลาดทั่วโลกที่มีมูลค่าสูงถึง 104,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราขยายตัวปีละ 20% โดยกลุ่มยุโรปและอเมริกาเหนือถือเป็นตลาดเกษตรอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุด มีมูลค่ารวมกันคิดเป็น 90% แบ่งเป็นตลาดสหรัฐอเมริกา มีมูลค่า 45,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามด้วยตลาดเยอรมนี มูลค่า 10,040 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันตลาดเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทยมีมูลค่าเม็ดเงินราว 3,000 ล้านบาท และเป็นมูลค่าการส่งออกราว 2,100 ล้านบาท อัตราเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์หลังจากนี้ความต้องการจะมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งนี้ หากย้อนรอยตลาดเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย เริ่มชัดเจนระหว่างปี 2533-2534 จากกระแสความตื่นตัวด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเทรนด์การบริโภค “อาหารเพื่อสุขภาพ” จนทำให้ธุรกิจอาหารสุขภาพเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และตลาดผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์เริ่มเปิดตัว โดยร้านค้ายุคแรกที่รู้จักกัน
Read More