สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ พร้อมฉุดเศรษฐกิจไทยร่วง
ตัวเลข GDP ไตรมาสแรกของปี 2561 ที่เติบโตสูงสุดในรอบ 5 ปี ที่ 4.8 เปอร์เซ็นต์ ดูจะทำให้หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พอใจและยินดีในผลงานไม่น้อย เพราะมันคือภาพสะท้อนว่าเศรษฐกิจในทุกๆ ด้านกำลังดำเนินไปข้างหน้าด้วยอัตราเร่งที่ดี ทั้งการลงทุนของภาคเอกชน ภาคการเกษตร การส่งออก การท่องเที่ยว และรวมไปถึงการลงทุนจากภาครัฐ และผลของภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นย่อมส่งผลให้ความมั่นใจจากนักลงทุนต่างชาติที่กำลังอยู่ในช่วงที่กำลังตัดสินใจว่าจะเลือกไทยเป็นฐานการลงทุนดีหรือไม่ ให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ทุกอย่างดูจะเหมาะเจาะลงตัวไปเสียทุกด้าน หลายคนอาจจะมองภาพไม่ออกนักว่า เรื่องสิ่งแวดล้อมกับเศรษฐกิจไทยจะเกี่ยวเนื่องหรือผสานกันได้อย่างไร การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยไม่ว่าด้านใดก็ตาม รวมไปถึงตัวเลข GDP ที่ขยายตัวขึ้น นั่นหมายถึงความเสื่อมถอยที่สามารถเกิดขึ้นได้กับสิ่งแวดล้อม ภาพที่เห็นได้ชัดคือภาคอุตสาหกรรม หากมีการขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นหมายถึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้น ทำลายสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แน่นอนว่าทั้งภาครัฐและเอกชนคงจะไม่นิ่งนอนใจ และมัวแต่เพิ่มอัตรากำลังเร่งเพื่อผลผลิตที่สร้างแต่กำไรเพียงอย่างเดียว “ไทยแลนด์ 4.0” คือการที่สังคมไทยจะต้องเดินหน้าก้าวสู่การนำเอานวัตกรรม เทคโนโลยีเข้ามา และทำให้ประเทศพัฒนามากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวเลข 4.0 จะต้องขนาบข้างไปกับทุกหน่วยงาน ทุกกรมกอง ข้อดีของการปรับเปลี่ยนให้ประเทศไทยเข้าสู่ประเทศ 4.0 เหมือนเป็นการบังคับทางอ้อมว่า ทุกภาคส่วนต้องหยิบจับเอาเทคโนโลยี และรวมไปถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้งานให้มากกว่าที่ผ่านมา และดูจะมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ว่า บรรดาภาคอุตสาหกรรมจะไม่เพียงสักแต่ว่าเพิ่มอัตราความเร็วในการสร้างผลผลิต หากแต่จะหยิบเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ที่มีผลดีต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ที่ภาครัฐมองจะเห็นเพียงความก้าวหน้าที่ชวนให้ปลื้มปริ่มกับผลที่ออกมาหลังจากลงทุนลงแรงไป
Read More