พิษสงครามรัสเซีย-ยูเครน ลามไทย ผลักค่าครองชีพ-เงินเฟ้อสูงขึ้น
ดูเหมือนว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ จะสร้างผลกระทบให้แก่เศรษฐกิจทั่วโลก ที่เห็นได้ชัดเจนคือราคาขายน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น แน่นอนว่านั่นส่งผลโดยตรงต่อราคาขายปลีกในหลายประเทศด้วยเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกส่งผลให้ราคาทองในตลาดมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เราจึงได้เห็นปรากฏการณ์นักลงทุนทองคำทยอยเทขายทองในมือหลังจากที่ถือเพื่อเก็งกำไรกันจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีประชาชนจำนวนไม่น้อยต่อคิวเพื่อนำทองที่ซื้อไว้เพื่อสะสม เพื่อเก็งกำไรออกมาขาย เมื่อทั้งทองรูปพรรณและทองแท่งรับซื้อคืนบาทละกว่าสามหมื่นบาท สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอีกซีกโลก นักวิเคราะห์มองว่านี่อาจยังไม่ถึงขั้นที่จะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ทว่า สถานการณ์หลายด้านก็ส่งผลร้ายตามมา ทั้งความมั่นคงในด้านภูมิรัฐศาสตร์ของทั้งสองชาติ รวมไปถึงชาติพันธมิตรของทั้งสองฝ่าย การคว่ำบาตรที่เกิดขึ้นไปแล้วนั้นส่งผลกระทบดั่งระลอกคลื่นที่ยังมองไม่ออกว่าผลร้ายที่จะตามมานั้นจะสิ้นสุดลงเมื่อใด แม้ว่าจะยังมีความพยายามที่เจรจาหาสันติภาพให้เกิดขึ้นในเร็ววันก็ตาม ล่าสุด ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลกระทบจากกรณีพิพาทรัสเซีย-ยูเครนที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ว่าได้ประเมินมูลค่าความเสียหายจากกรณีพิพาทฯ ที่มีต่อเศรษฐกิจไทยในกรณีแย่ที่สุด ความขัดแย้งยืดเยื้อทั้งปี 2565 จะทำให้การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนเสียหาย 78,800 ล้านบาท การนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น เสียหาย 60,500 ล้านบาท การส่งออกสินค้าเสียหาย 54,800 ล้านบาท รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศเสียหาย 50,400 ล้านบาท รายได้จากการส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศเสียหาย 250 ล้านบาท รวมความเสียหายทั้งหมด 244,750 ล้านบาท หรือกระทบต่อจีดีพี 1.5% ส่งผลต่อจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 2.7% และเงินเฟ้อสูงถึง 4.5-5.5% หรือกรณีที่ความขัดแย้งจบใน 6
Read More