เชื่อ EEC ฉุดเศรษฐกิจโต หลังบริษัทยักษ์ใหญ่แห่ร่วมวง
ความเป็นไปของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กำลังเป็นประหนึ่งยาชูกำลังให้รัฐบาลไทยเดินหน้าและมั่นใจกับผลงานชิ้นเอกทางเศรษฐกิจที่หมายมั่นจะให้เป็นกลไกหนุนนำภาวะเศรษฐกิจของชาติในยุคสมัยถัดไปจากนี้ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้พระราชบัญญัติเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำให้หลายฝ่ายเชื่อมั่นว่า โครงการ EEC จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวไปสู่ระดับร้อยละ 5 ได้ไม่ช้า เมื่อมูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ EEC สามารถเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 3 แสนล้านบาท โดยล่าสุดมีนักลงทุนจากหลายประเทศให้ความสนใจเข้าลงทุนในพื้นที่เป้าหมายนี้ ความน่าสนใจที่น่าจับตามองจากปรากฏการณ์ความเคลื่อนไหวของผู้ลงทุนจากต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่การประกาศเจตจำนงของบริษัท เอ็กซอน โมบิลฯ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ที่จะขยายการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยมีความประสงค์จะตั้งโรงงานปิโตรเคมีขนาดใหญ่ มูลค่าการลงทุนประมาณ 2 แสนล้านบาท เพื่อผลิตปิโตรเคมีและส่งออกให้กับลูกค้าในต่างประเทศเป็นหลัก จากที่ในปัจจุบัน บริษัทในเครืออย่างบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีการตั้งโรงงานกลั่นน้ำมันอยู่ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี อยู่แล้ว การขยายลงทุนครั้งใหม่ของเอ็กซอนโมบิลดำเนินไปท่ามกลางเงื่อนไขที่ว่า เอ็กซอนโมบิลต้องการใช้พื้นที่มากถึง 600-900 ไร่ และอยู่ใกล้กับท่าเรือของโรงกลั่นเอสโซ่ เพื่อดำเนินการต่อท่อรับและขนถ่ายวัตถุดิบใช้ในการผลิต แต่พื้นที่ของโรงกลั่นเอสโซ่ปัจจุบันค่อนข้างมีจำกัด เอ็กซอนโมบิลจึงขอให้รัฐบาลดำเนินการจัดหาที่ดินตั้งโรงงานดังกล่าวให้ ล่าสุดสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) ได้รับมอบหมายให้ไปดำเนินการเร่งหาที่ดินให้เป็นไปตามความประสงค์ของเอ็กซอนโมบิล เพื่อลงทุนโครงการก่อสร้างปิโตรเคมีส่วนต่อขยาย โดยปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่กำลังการผลิต 1.74 แสนบาร์เรลต่อวัน ที่มีอยู่ปัจจุบัน ให้ได้แนฟทาเป็นวัตถุดิบป้อนให้กับโรงงานแครกเกอร์
Read More