จากทัวร์ศูนย์เหรียญ-ทัวร์อั้งยี่ สู่อาณานิคมของนักลงทุนจีนในไทย
ในระดับมหภาคเศรษฐกิจไทยกำลังขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีขึ้น แม้จะมีปัจจัยอยู่บ้าง แต่เป็นปัจจัยที่มิอาจควบคุมได้ เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน กระนั้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายด้านยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มเห็นสัญญาณบวกตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ขณะที่ปีนี้กระแสนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่ขาดสาย นักท่องเที่ยวจากจีนยังคงเป็นเป้าหมายหลักและความคาดหวังของผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทย ทว่า สิ่งหนึ่งที่หลายฝ่ายเริ่มเป็นกังวลคือ การขยายตัวของทุนจีน ที่เริ่มจากทัวร์ศูนย์เหรียญ สู่ทัวร์อั้งยี่ จนถึงการสร้างอาณานิคมทางเศรษฐกิจของชาวจีนอพยพใหม่ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาที่อาจจะกระทบกับรายได้ของภาคการท่องเที่ยวไทยเท่านั้น เมื่อนักลงทุนจากจีนเริ่มขยายธุรกิจออกไปในวงกว้าง ทั้งในภาคการท่องเที่ยว ภาคอสังหาริมทรัพย์ และการค้า ที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น หลายฝ่ายอาจมองว่า การที่มีนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาน่าจะช่วยให้เศรษฐกิจหมุนเวียน จำนวนเงินสะพัดในตลาดนั้นๆ เพิ่มมากขึ้น ภาพที่ฉาบจากด้านนอกอาจเป็นเช่นนั้น ทว่า ความจริงอาจเป็นขั้วตรงข้ามโดยสิ้นเชิง เริ่มจากปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญที่เคยสร้างปัญหาให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยมาแล้วก่อนหน้า ซึ่งทัวร์ศูนย์เหรียญคือ นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังไทย โดยซื้อทัวร์จากประเทศตัวเองในราคาต่ำกว่าต้นทุน จากนั้นบริษัททัวร์เหล่านั้นจะส่งลูกทัวร์ทั้งหมดมาให้บริษัททัวร์ในไทย โดยไม่ต้องจ่ายค่าทัวร์แฟร์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการพาเที่ยวที่เก็บมาจากลูกทัวร์ให้กับเอเยนต์ฝ่ายไทยแม้แต่เหรียญเดียว แม้ว่าไทยจะยังมีรายได้จากนักท่องเที่ยวอยู่บ้าง จากการใช้จ่ายซื้อของกิน ของที่ระลึก รูปแบบทัวร์นี้จะสร้างผลกระทบในระยะยาว ปัญหาต่อมาคือ ทัวร์อั้งยี่ ที่คาบเกี่ยวกับปัญหาทุนสีเทา เป็นการท่องเที่ยวแบบผูกขาด เช่น ไกด์นำเที่ยวเถื่อนที่เป็นชาวจีน หรือการนำนักท่องเที่ยวไปใช้บริการร้านอาหาร หรือซื้อสินค้าจากร้านของนักลงทุนจากชาติเดียวกัน ประเด็นนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมองว่า หากร้าน หรือบริษัทนั้นๆ ดำเนินธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายของไทยก็ไม่น่ากังวล ชาวจีนอพยพมาไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา เยาวราช หรือไชน่าทาวน์ เกิดขึ้นเมื่อปี 1892
Read More