รัฐประหารเมียนมากระทบรอบด้าน ค้าชายแดนไทย-เมียนมาหดตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 คือการทำรัฐประหารอย่างเงียบๆ ในเมียนมา ภายใต้การดำเนินการของกองทัพเมียนมา โดย อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐถูกควบคุมตัว เช่นเดียวกับผู้นำคนอื่นๆ ของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา กองทัพเมียนมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและถ่ายโอนอำนาจให้แก่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สิ่งที่เกิดขึ้นกับการเมืองภายในประเทศเมียนมาเป็นผลให้การค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านถูกปิดด่านเป็นการชั่วคราว และเปิดให้ทำการขนส่งสินค้ากันได้อีกครั้งหลังจาก 4 ชั่วโมงผ่านไป ประธานหอการค้าอำเภอแม่สาย ผกายมาศ เวียร์รา เปิดเผยว่า แม้จะเกิดความตื่นตระหนกในหมู่ผู้ค้าชายแดนอยู่บ้าง แต่ไม่กระทบต่อการค้าชายแดน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งภายในของเมียนมา และเมียนมายังให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อสินค้าไทยยังเป็นที่ต้องการของประชากรเมียนมา ด้านประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก ชัยวัฒน์ วิทิตธรรมวงศ์ กล่าวว่า การปฏิวัติในเมียนมาไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจการค้าชายแดนกับฝั่งไทย ในส่วนของภาคอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ นักลงทุนยังคงดำเนินกิจการได้ตามปกติ แน่นอนว่า การประเมินดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการทำรัฐประหารได้ไม่นาน และกระแสจากประชาชนเมียนมามีเพียงการประท้วงที่สงบสุข กระทั่งวานนี้ที่สถานการณ์การประท้วงเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาคืนอำนาจให้ประชาชน และปล่อยตัว อองซานซูจี รวมไปถึงผู้นำพรรคเอ็นแอลดีคนอื่นๆ เริ่มบานปลายและมีความรุนแรงมากขึ้น แม้ว่ากองทัพจะระบุว่า จะใช้เวลาในการยึดอำนาจเพียง 1 ปี และจะให้มีการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ปัญหาภายในประเทศของเมียนมา ไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ดี คงทำได้เพียงแค่มองและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเงียบๆ โดยมิควรก้าวล่วง
Read More