โอกินาวา
แม้ว่าญี่ปุ่นจะได้ชื่อว่าเป็นสังคมที่มีรากทางวัฒนธรรมเข้มแข็งและเด่นชัด แต่คงไม่มีดินแดนของญี่ปุ่นส่วนใดที่จะให้ความรู้สึกแปลกแตกต่างออกไปจากความเป็นญี่ปุ่นได้มากเท่ากับหมู่เกาะทางตอนใต้ ที่ชื่อ โอกินาวา เป็นแน่ เพราะด้วยระยะทางที่ไกลโพ้นออกไปจากผืนแผ่นดินส่วนใหญ่ของญี่ปุ่น และประวัติศาสตร์ความเป็นมาในอดีตของหมู่เกาะกว่า 100 เกาะที่ทอดตัวยาวรวมระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตรแห่งนี้ และทำให้การไปเยือนโอกินาวาในความรู้สึกของคนญี่ปุ่นกลายประหนึ่งเดินทางไปต่างประเทศเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นต่างประเทศเสียยิ่งกว่าการเดินทางไปเที่ยวเกาหลี หรือเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยซ้ำ แม้ความเป็นมาของโอกินาวาอาจสืบย้อนกลับไปได้ไกลถึงคริสต์ศตวรรษที่ 7-8 แต่โอกินาวาเพิ่งถูกผนวกรวมเข้ามามีสถานะที่เป็นส่วนหนึ่งของญี่ปุ่นอย่างจริงจังก็เมื่อสมัยเมจิ (1868-1912) โดยได้รับการสถาปนาให้เป็นจังหวัดโอกินาวา เมื่อปี 1879 หรือเมื่อร้อยกว่าปีมานี้เอง หลังจากดินแดนแห่งนี้ถูกช่วงชิงสิทธิในการถือครองทั้งจากจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น มาเนิ่นนาน ความสำคัญของโอกินาวาปรากฏให้เห็นเด่นชัดในช่วงใกล้สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อหมู่เกาะน้อยใหญ่ของโอกินาวากลายเป็นสมรภูมิการรบพุ่งระหว่างกองกำลังของสหรัฐอเมริกาและกองทัพของจักรพรรดิญี่ปุ่น ที่ดุเดือดและเข้มข้นที่สุดแห่งหนึ่งของประวัติศาสตร์สงคราม ความปราชัยของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้โอกินาวาต้องตกอยู่ภายใต้การครอบครองของสหรัฐอเมริกานานกว่า 27 ปี และทำให้โอกินาวากลายเป็นที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐอเมริกา ในการก่อสงครามทั้งในคาบสมุทรเกาหลี (1950-1953) หรือแม้กระทั่งในสงครามเวียดนาม (1965-1972) ด้วย และแม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมอบคืนอำนาจอธิปไตยของโอกินาวาให้กลับคืนสู่ญี่ปุ่นในปี 1972 แต่สหรัฐอเมริกาก็ยังคงฐานทัพอยู่ในโอกินาวา แต่ประวัติการณ์ของโอกินาวา ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องของสงครามนะคะ เพราะด้วยเหตุของทำเลที่ตั้งทำให้โอกินาวามีสถานะเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรมหลากหลายไล่เรียงตั้งแต่พ่อค้าจากแผ่นดินใหญ่ของจีนไปจนจรดผู้คนจากหมู่เกาะทะเลใต้ รวมถึงชาวมาเลย์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และแน่นอนว่าต้องมีไทยด้วย มรดกทางวัฒนธรรมที่โอกินาวาได้รับจากการติดต่อสัมพันธ์กับผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์ ไม่ได้ทำให้โอกินาวาสูญเสียเอกลักษณ์ดั้งเดิมแต่อย่างใด หากแต่กลายเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนเสริมต่อเติมให้เกิดสิ่งใหม่ในฐานะที่เป็นวัฒนธรรมแบบโอกินาวาขึ้นมาเองอีกต่างหาก ความใกล้ชิดระหว่างโอกินาวากับจีนส่งผลให้วัฒนธรรมของโอกินาวามีกลิ่นอายความเป็นจีนแทรกอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดนตรี เครื่องเคลือบ หรือแม้แต่คาราเต้ (Karate) ที่แปลว่ามือเปล่า
Read More