พหุสังคม
การเดินทางเยือนศรีลังกาอย่างเป็นทางการขององค์พระสันตะปาปา Francis (Pope Francis) แห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก หากประเมินอย่างเพียงผิวเผิน ก็คงเป็นเพียงพิธีกรรมการเยือนที่ไม่น่าจะมีสิ่งใดให้ตื่นตาตื่นใจมากนัก และก็คงเป็นเพียงวงรอบของการเยือนที่ผูกพันอยู่กับแบบพิธีทางการทูตเท่านั้น แต่หากประเมินจากห้วงเวลาและสถานการณ์ระดับนานาชาติที่ปรากฏเป็นข่าวตลอดช่วงสัปดาห์ก่อนและหลังการเยือนเอเชีย 6 วัน (ศรีลังกาและฟิลิปปินส์) ดูเหมือนว่าทั่วโลกต่างให้ความสนใจกับการเสด็จเยือนศรีลังกาขององค์สมเด็จพระสันตะปาปาไม่น้อยเลย ในด้านหนึ่งเพราะศรีลังกาเพิ่งผ่านการเลือกตั้งประธานาธิบดีก่อนหน้าการเสด็จเยือนได้เพียง 3 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้กำหนดการดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นความพยายามที่จะให้การรับรองและสร้างความชอบธรรมให้ผลการเลือกตั้งที่คาดหมายว่า Mahinda Rajapaksa อดีตประธานาธิบดีจะได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาอย่างง่ายดาย แต่ผลการเลือกตั้งกลับไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันด้วยเหตุที่ศรีลังกาเป็นพหุสังคมที่มีความแตกต่างหลากหลายทั้งในมิติของเชื้อชาติ และความเชื่อทางศาสนาวัฒนธรรม แม้จะมีพื้นฐานจากสังคมพุทธที่แน่นหนาก็ตาม ทำให้ประเด็นการเยือนของสันตะปาปาในห้วงยามที่โลกกำลังระอุไปด้วยทัศนะที่แตกต่างทางความเชื่อและความชิงชังระหว่างผู้ที่อยู่ต่างวัฒนธรรมได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ความน่าสนใจของการเยือนครั้งนี้ในด้านหนึ่งอยู่ที่การเชิญผู้นำทางศาสนาหลักๆ ทุกศาสนาในศรีลังกาเข้าร่วมอยู่บนเวทีเดียวกับองค์สันตะปาปา โดยมีฉากหลังเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาพุทธ ฮินดู อิสลาม และคริสต์ ปรากฏอย่างเด่นชัดและเป็นภาพที่ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อความในสุนทรพจน์ที่องค์สันตะปาปามีต่อสาธารณชนที่ให้การต้อนรับ ได้สะท้อนวิถีความคิดว่าด้วยการดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการสร้างความปรองดองท่ามกลางความแตกต่างในความเชื่อและวัฒนธรรมที่ทรงพลังและเป็นแรงบันดาลใจ ไม่เฉพาะกับศรีลังกาที่ดำรงอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งและสงครามกลางเมืองมานานเกือบ 3 ทศวรรษเท่านั้น หากแต่เป็นการสื่อสารไปถึงพลโลกในยุคพหุสังคม ที่กำลังขาดแคลนความเข้าใจในวัฒนธรรมที่หลากหลายรอบข้างด้วย ประวัติการณ์แห่งความเป็นมาและเป็นไปของดินแดนที่เรียกว่าศรีลังกาในปัจจุบันที่สืบย้อนไปได้ไกลนับพันนับหมื่นปี ประกอบกับสภาพภูมิประเทศที่เป็นประหนึ่งจุดยุทธศาสตร์ในการเดินเรือตามเส้นทางการค้า ทำให้ศรีลังกากลายเป็นที่ต้องการและเป็นเวทีประลองกำลังของชาติมหาอำนาจมาอย่างต่อเนื่อง ไล่เรียงจากโปรตุเกส มาสู่ดัตช์ ก่อนที่อังกฤษจะเบียดแทรกเข้ามาครอบครองและดูดซับความมั่งคั่งจากดินแดนแห่งนี้อย่างยาวนาน ซึ่งต่างทำให้เกิดพหุสังคมที่มีความหลากหลายทั้งในมิติของชาติพันธุ์ ศาสนาและวัฒนธรรมบนดินแดนแห่งนี้ จำนวนประชากรศรีลังกาที่มีอยู่ประมาณ 22 ล้านคน ดำเนินไปท่ามกลางความหลากหลายทั้งในมิติของชาติพันธุ์ ซึ่งประกอบด้วยชาวสิงหล (ร้อยละ 74.88) ชาวศรีลังกาทมิฬ (ร้อยละ 11.2) ศรีลังกันมัวร์
Read More