Home > 2019 (Page 39)

บ้านปูฯ เปิดตัวสำนักงาน ณ แหล่งผลิตที่สหรัฐอเมริกา พร้อมต่อยอดความสำเร็จในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจร

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งเอเชีย-แปซิฟิก ประกาศเปิดตัว สำนักงาน ณ แหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติ ณ เมือง ทังค์แคนน็อค มลรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้รับเกียรติจากนางสาวบุศรา กาญจนาลัย อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน และ นายนิพนธ์ เพ็ชรพรประภาส กงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก ร่วมเป็นสักขีพยาน ในการนี้ยังมีผู้นำท้องถิ่นและพันธมิตรทางธุรกิจมาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ประกอบด้วย มร. นอร์แมน บอล นายกเทศมนตรีเมืองทังค์แคนน็อค นางเคเรน โบแบค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มลรัฐเพนซิลเวเนีย มร. เคิร์ท คอคโคดริลลี ผู้อำนวยการ USDA มลรัฐเพนซิลเวเนีย รวมถึงผู้บริหารและพนักงานบริษัทบริหารจัดการกองทุน Kalnin Ventures นับเป็นอีกก้าวสำคัญของกลุ่มบ้านปูฯ ที่แสดงถึงความพร้อมในการต่อยอดความสำเร็จจากการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน และตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรอีกด้วย ที่ผ่านมา บ้านปูฯ ได้เริ่มเข้าไปลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ

Read More

เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ จับมือ ดีเคเอสเอช เปิดตัวแฟล็กชิพสโตร์ Famous Amos คุกกี้แบรนด์ดังนำเข้าจากอเมริกา ส่งมอบความอร่อยอบสดใหม่จากเตาทุกวัน

เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ตอกย้ำความเป็นศูนย์รวมความอร่อยเดินหน้าพาเหรดแบรนด์อาหารและร้านดังเจ้าอร่อยมาไว้ในแห่งเดียว ดึงดูดลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติสู่จุดหมายปลายทางความอร่อย (FOOD DESTINATION) โดยล่าสุดจับมือ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวแฟลกชิพสโตร์ (Flagship Store) สาขาแรกในประเทศไทยของร้าน “เฟมัส เอมอส” (Famous Amos) คุกกี้แบรนด์นำเข้าจากอเมริกา ซึ่งคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศผ่านกรรมวิธีการอบสดใหม่หอมกรุ่นจากเตาทุกวัน พร้อมส่งมอบความอร่อยแล้ววันนี้ที่ชั้น 5 โซน A และยังอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าด้วยจุดจำหน่ายอีกแห่งที่โซน TAKE HOME ชั้น G ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ www.mbk-center.co.th และ www.facebook.com/mbkcenterth

Read More

สกว.หนุนวางแผนเมืองนิเวศกทม.-ปริมณฑล ส่งเสริมพลวัตของภูมิอากาศแบบมีส่วนร่วม

ปัจจุบันเมืองต่างๆ ของไทยมีความเปราะบางต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การส่งเสริมให้เมืองมีความปลอดภัยและมีความพลวัตต่อการเปลี่ยนแปลงให้ได้มากที่สุดนั้น จำเป็นที่หน่วยงานระดับท้องถิ่นและระดับประเทศจะต้องให้ความสำคัญกับนโยบายเหล่านี้ รวมถึงการวางแผนเพื่อส่งเสริมเมืองพลวัตให้เป็นไปอย่างมีส่วนร่วมและทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤติต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ในประเทศที่มีความเสี่ยงและประชากรส่วนใหญ่ยังมีรายได้น้อยหรือปานกลาง อีกทั้งมีความไม่เท่าเทียมอยู่ การวางแผนเมืองอย่างมีส่วนร่วมยังถือว่าเป็นเรื่องท้าทายมาก หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นอาจจะยังขาดเครื่องมือและขีดความสามารถในการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมกับประชาชนทุกคน ความท้าทายสำคัญคือ การสื่อสารข้อมูลถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ซึ่งสามารถเตรียมการวางแผนเพื่อปรับตัวไว้ล่วงหน้า แทนที่จะเป็นการรับมืออย่างเดียว คณะวิจัยจากหน่วยวิจัยอนาคตเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงได้พัฒนาชุดเครื่องมือ “กินดี..อยู่ดี” เพื่อใช้ทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นและมีเป้าหมายในการช่วยให้เกิดความตระหนักรู้ถึงสินทรัพย์ที่มีในชุมชนว่าจะช่วยสร้างความพลวัตรองรับภาวะวิกฤติในอนาคตทั้งระดับส่วนตัวและระดับส่วนรวมได้หรือไม่ โดยจำลองภาวะวิกฤติทางภูมิอากาศและวิกฤติเศรษฐกิจ ล่าสุดหน่วยวิจัยอนาคตเมืองฯ ได้ร่วมกับ Internation Institute for Environment and Development (IIED) สหราชอาณาจักร ภายใต้การสนับสนุนของโครงการพัฒนาเครือข่ายวิจัยนานาชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการ “การวางแผนเพื่อเมืองนิเวศและสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความพลวัตของภุมิอากาศ: การเสริมสร้างขีดความสามารถเพื่อการวางแผนอย่างมีส่วนร่วมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล” เพื่อนำเสนอองค์ความรู้จากงานวิจัย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ผู้นำหรือตัวแทนชุมชนเครือข่าย โดยใช้เครื่องมือกินดีอยู่ดีในการส่งเสริมการวางแผนเมืองอย่างมีส่วนร่วม “ทีมวิจัยเราสนใจการพัฒนาเมืองแบบมีส่วนร่วมจึงจำเป็นต้องมีเครือข่ายจำนวนมากเพื่อที่จะตอบโจทย์ท้องถิ่นและเขตที่ดูแลได้ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอาจเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับประชาชนและหน่วยงานภาครัฐและอยากให้เห็นว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด ฝนตกหนักนอกฤดูและถี่ขึ้น จะจัดการแบบเดิมๆ หรือร่วมกันวางแผนหากเกิดบ่อยขึ้นในอนาคต เพราะจะกระทบต่อน้ำท่วม น้ำแล้ง การกัดเซาะของน้ำทะเล ฯลฯ โดยการออกแบบที่อยู่อาศัย สินทรัพย์ การออมทรัพย์

Read More

ปฏิรูปเศรษฐกิจไทย ภารกิจหลักหลังเลือกตั้ง?

แม้ว่าพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 จะประกาศใช้และทำให้กรณีว่าด้วยเรื่องกำหนดวันเลือกตั้งที่เคยคลุมเครือมาก่อนหน้านี้ มีความชัดเจนมากขึ้น หากแต่ในอีกด้านหนึ่งของสังคมไทย กรณีว่าด้วยทิศทางและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทย นับจากนี้จะเป็นอย่างไร ดูเหมือนจะเป็นประเด็นที่ยังปราศจากความชัดเจนอยู่ไม่น้อย เพราะในขณะที่ธนาคารโลก ได้ระบุว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงปี 2562-2563 จะเติบโตในลักษณะชะลอตัว จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนตุลาคม 2561 ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2562 จะเติบโตในอัตราร้อยละ 3.9 ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ลงมาเหลือการเติบโตในระดับร้อยละ 3.8 และอาจจะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในปี 2563 โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจะดำเนินไปภายใต้การพึ่งพาการบริโภคจากภายในประเทศ เนื่องจากการส่งออกได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ของตลาดโลกที่ลดลง หากแต่กลไกภาครัฐกลับแสดงความพึงพอใจกับการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยของธนาคารโลกดังกล่าว โดยประเมินว่าการคาดการณ์ของธนาคารโลกสะท้อนความเชื่อมั่นและมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างแข็งแรง ซึ่งสะท้อนจากรายงานตามติดเศรษฐกิจไทย : ความเหลื่อมล้ำ โอกาส และทุนมนุษย์ โดยระบุว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ถือว่าเติบโตได้ดีมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และสิ่งสำคัญที่สุดคือการเติบโตนั้น มาจากอุปสงค์ภายในประเทศมากขึ้น ทั้งการบริโภคและการลงทุนของเอกชน ตลอดจนการลงทุนภาครัฐ ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจจากข้อมูลของธนาคารโลกอีกด้านหนึ่งอยู่ที่ การระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านซึ่งเติบโตช้ากว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน จะชะลอตัวลงในปี พ.ศ.2562-2563 เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศที่เข้มแข็งเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถชดเชยการชะลอตัวของการส่งออกสุทธิได้ ซึ่งนโยบายกีดกันการค้าและความผันผวนของตลาดเงินจะส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะกลาง อีกทั้งจะส่งผลลบต่อกลุ่มคนยากจนที่สุดและกลุ่มเปราะบางในช่วงเวลานี้ โดยผู้กําหนดนโยบายควรใช้ความระมัดระวัง เตรียมความพร้อม และสร้างความยืดหยุ่นไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ประเทศสามารถรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจได้ ภายใต้สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงเช่นนี้

Read More

ก้าวย่างสำคัญของ Rightman ในยุค Digital Disruption

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่อยู่ในภาวะไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แม้ว่าภาครัฐจะแถลงตัวเลขในแต่ละไตรมาสว่า เหนือกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ และมีทิศทางการเติบโตที่ดี มีแนวโน้มที่สดใส ซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นจริงที่ประชาชนทุกหย่อมหญ้าล้วนโอดครวญ แน่นอนว่าทุกธุรกิจล้วนได้รับผลกระทบไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ขณะที่ประชาชนกำลังเฝ้ารอให้ภาครัฐมีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยหวังให้สถานการณ์ฟื้นตัวเร็วขึ้น กระนั้นการเฝ้ารอความช่วยเหลือจากภาครัฐคงไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก ความเที่ยงตรงของเวลาทำให้ภาคประชาชนจำต้องหาทางออกด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะกลวิธีการปรับตัวเพื่อให้สามารถยืนหยัดอยู่ท่ามกลางพายุทางเศรษฐกิจที่กระหน่ำอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจที่มีความอ่อนไหวง่ายต่อสถานการณ์ความไม่มั่นคงต่างๆ อย่างธุรกิจอีเวนต์ ที่มักได้รับผลกระทบทางตรง ไม่ว่าในห้วงยามนั้นประเทศไทยจะอยู่ในภาวะใด ทั้งช่วงเวลาความขัดแย้งทางการเมือง อิทธิพลจากเศรษฐกิจโลก หรือเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศอยู่ในช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้า ล้วนเป็นเหตุให้เกิดการชะลอตัวของธุรกิจอีเวนต์แทบทั้งสิ้น แม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์หลายด้านเริ่มคลี่คลาย และมองเห็นสัญญาณอันเป็นนิมิตหมายที่ดี พอจะมองเห็นความสดใสที่ทำให้ธุรกิจอีเวนต์กระเตื้องขึ้นมาได้บ้าง ทว่า การเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย กลายเป็นวิกฤตแห่งบททดสอบครั้งสำคัญอีกครั้งต่อธุรกิจอีเวนต์ ว่านักธุรกิจ นักการตลาดจะใช้กลยุทธ์ใด หรือมีความแข็งแกร่งเพียงไหนที่จะก้าวผ่านช่วงเวลาที่เรียกว่า Digital Disruption ไปได้หรือไม่ การมาถึงของยุค Digital ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องพยายามปรับตัวด้วยอัตราเร่งที่เกือบจะไร้เวลาในการเตรียมความพร้อม ทั้งธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ถูกคลื่นสึนามิ Digital กลืนหายไปจากแวดวงด้วยความรวดเร็วอย่างน่าใจหาย และที่ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีคือ ธุรกิจธนาคาร ที่ถูกกระแส Digital สร้างผลกระทบให้ไม่แตกต่างกัน จนทำให้หลายธนาคารต้องหามาตรการเพื่อรับมือ จนท้ายที่สุด การปิดสาขาดูจะเป็นคำตอบและทางออกที่ดีที่สุดในการลดต้นทุน เป็นที่แน่นอนว่าอีกหนึ่งธุรกิจที่ไม่อาจหลีกหนีสถานการณ์นี้ได้คือ ธุรกิจอีเวนต์ ที่ต่างต้องเผชิญกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงนี้ และหาทางปรับตัว ซึ่งบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด (Rightman Co., Ltd.) เป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังศูนย์การเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์มากมาย

Read More

ลาล่ามูฟ ประเทศไทย เผยผลการดำเนินงานในปี 2562

ลาล่ามูฟ โต 123% ขึ้นแท่นผู้บริการขนส่งสินค้าอันดับหนึ่งพร้อมพัฒนาแพลทฟอร์ม สร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในโลกดิจิตอล รองรับการขยายตัวของธุรกิจขนส่งสินค้าอย่างครบวงจร ลาล่ามูฟ ประเทศไทย (Lalamove Thailand) ผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นขนส่งสินค้าแบบ On-demand Delivery เผยผลประกอบการปี 2561 เติบโต 123% ขึ้นแท่นผู้บริการขนส่งสินค้าอันดับหนึ่ง ด้วยมูลค่าการทำธุรกรรมรวมกว่า 1,200 ล้านบาท เล็งขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในปี 2562 เพิ่มไซส์รถขนส่งสินค้า รุกพื้นที่ทุกภูมิภาคทั่วไทย พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ตอบโจทย์การบริการครบวงจร นายชานนท์ กล้าหาญ กรรมการผู้จัดการ ลาล่ามูฟ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ในปี 2561 ที่ผ่านมา ลาล่ามูฟ ประเทศไทย ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเปรียบเทียบจากอัตราการเติบโตของมูลค่าการทำธุรกรรม (Transaction Value) ใน 4 ปีที่ผ่านมา (2558 - 2561) เริ่มจากในปี 2558 - 2559

Read More

ลูร์ดส์ เมืองพระแม่มารี

Column: From Paris แบร์นาแดต ซูบีรูส์ (Bernadette Soubirous) เกิดที่มูแลง เดอ โบลี (Moulin de Boly) ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1858 ไปเก็บใบไม้แห้งในป่าพร้อมกับพี่และเพื่อน สองคนหลังเดินไปที่อื่น แบร์นาแดตได้ยินเสียงลม จึงเดินไปที่ถ้ำมัสซาเบียล (Grotte de Massabielle) และได้เห็นสตรีสวมชุดขาวผู้หนึ่ง คลุมผมด้วยผ้าขาวเช่นกัน คาดเอวด้วยผ้าสีฟ้า ที่เท้าแต่ละข้างมีดอกกุหลาบสีเหลือง เธอจึงทำเครื่องหมายไม้กางเขนและเริ่มสวดมนต์ พอสวดจบ สตรีผู้นั้นก็หายไป ต่อมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ แบร์นาแดตกลับไปที่ถ้ำอีก และสวดมนต์ไปได้สิบกว่าจบ สตรีในชุดขาวปรากฏให้เห็นอีก เธอพรมน้ำมนต์ไปที่ร่างของสตรีผู้นั้น ซึ่งยิ้มและพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะหายตัวไป ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ แบร์นาแดตขอให้สตรีชุดขาวเขียนชื่อบนกระดานชนวน ก็ได้รับคำตอบว่าไม่จำเป็น และกล่าวว่า ข้าไม่ขอสัญญาว่าจะทำให้เจ้ามีความสุขในชาตินี้ แต่ในชาติอื่นๆ และขอให้แบร์นาแดตมาที่ถ้ำอีกเป็นเวลา 15 วัน แบร์นาแดตจึงกลับไปในวันที่ 19

Read More

‘ดุสิตธานี’ เดินหน้าสร้างความเติบโตให้ธุรกิจอาหารเข้าซื้อหุ้น ‘เอ็บเพอคิวร์’

‘ดุสิตธานี’ เดินหน้าสร้างความเติบโตให้ธุรกิจอาหาร เข้าซื้อหุ้น ‘เอ็บเพอคิวร์’ ผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มโรงเรียนนานาชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อขยายธุรกิจ ‘เคเทอริ่ง’ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC ประกาศเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 51% ในบริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง จำกัด (ECC) ผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มโรงเรียนนานาชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านบริษัทดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ DTC เพื่อขยายโอกาสการลงทุนตามยุทธศาสตร์กระจายการลงทุน แสวงหาโอกาสและผลตอบแทนจากการลงทุน ตอกย้ำการสร้างธุรกิจอาหารให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพการบริการที่ครบวงจรให้กับกลุ่มบริษัทฯ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการลงทุนครั้งนี้เป็นการเดินตามยุทธศาสตร์การเติบโตในส่วนของการกระจายการลงทุน หลังจากที่ดุสิตธานีได้ขยายไปสู่การลงทุนในธุรกิจอาหารผ่านบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ เพื่อลงทุนในบริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โพรดิวซ์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน เครื่องปรุงรส ซอส เครื่องดื่มและน้ำผลไม้ และจัดตั้งบริษัท ดุสิต กูร์เมต์ เพื่อต่อยอดการทำการตลาดผลิตภัณฑ์อาหารภายใต้แบรนด์ของดุสิตในช่วงก่อนหน้านี้ และดังนั้นการลงทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำว่า

Read More

มลพิษฝุ่นเมือง: การพัฒนาพร่องการจัดการ

สถานการณ์ฝุ่นละอองพิษ PM2.5 หรืออนุภาคในอากาศขนาดเล็กต่ำกว่า 2.5 ไมโครเมตร (PM2.5) ซึ่งเล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ถึง 36 เท่า ที่มีปริมาณเกินค่ามาตรฐานที่ปกคลุมในหลายเขตพื้นที่ทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณทล รวมถึงหัวเมืองหลายจังหวัด กำลังเป็นภาพสะท้อนวิกฤตมลภาวะและการควบคุมมลพิษของสังคมไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในต้นทุนทางสังคมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะถัดไปจากนี้ ความกังวลใจเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพ ที่มีมากกว่าผลต่อระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากฝุ่นเหล่านี้เล็กมากพอที่จะดูดซึมเข้ากระแสเลือดผ่านปอดและนำไปสู่โรคหัวใจหรือโรคทางสมอง ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกต่อความอันตรายของฝุ่นพิษนี้ จนนำไปสู่ความตื่นตัวในสาธารณชนวงกว้างนำไปสู่การรณรงค์ให้สวมใส่ “หน้ากากอนามัย” ที่กรองอนุภาคขนาดใหญ่กว่า 3 ไมโครเมตร ไปจนถึงการสวมใส่หน้ากากที่สามารถกรองอนุภาคใหญ่กว่า 0.3 ไมโครเมตร หรือ “หน้ากาก N95” เป็นมาตรการระยะเร่งด่วน ภาพของผู้คนสัญจรเดินถนนที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองจากฝุ่นพิษ PM2.5 จึงกลายเป็นปรากฏการณ์เจนตาในช่วงกว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และทำให้สังคมไทยกลายเป็นสังคมปิดปากปิดจมูก นอกเหนือจากที่เป็นสังคมปิดหูปิดตามาในช่วงก่อนหน้าเพิ่มขึ้นไปอีก สาเหตุหลักของการเกิดฝุ่นพิษได้รับการประเมินว่าเป็นผลมาจากฝุ่นที่เกิดจากยานพาหนะ ในกิจกรรมการคมนาคมขนส่ง การผลิตไฟฟ้า การเผาในที่โล่งและอุตสาหกรรมการผลิต ในโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีกระบวนการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ และนำไปสู่ปฏิกิริยาเคมีในบรรยากาศโดยมีสารกลุ่มซัลเฟอร์หรือกลุ่มไนโตรเจนและแอมโมเนียเป็นสารตั้งต้น ก่อนที่ซัลเฟอร์ไดออกไซด์และออกไซด์ของไนโตรเจนจากแหล่งกำเนิดต่างๆ จะรวมตัวกันในบรรยากาศและนำไปสู่ฝุ่นละอองพิษ PM2.5 ในเวลาต่อมา ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจประการหนึ่งก็คือ ภาวะมลพิษจากฝุ่นพิษ PM2.5 มิได้เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เพิ่งเกิดขึ้นในประเทศไทยแบบป้องกันไม่ได้ เพราะในความเป็นจริงก่อนหน้านี้ ประเทศไทยเคยเผชิญกับปัญหาดังกล่าวมาแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560

Read More

อาหารกระตุ้นโรควิตกกังวล

Column: Well – Being คุณเคยรู้หรือไม่ว่า สิ่งที่คุณรับประทานสามารถส่งผลต่ออารมณ์และโรควิตกกังวลของคุณได้เช่นกัน ดังที่นิตยสาร Prevention :Relieve Anxiety Naturally แจกแจงดังนี้ พาสต้า คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดขาว เช่น พาสต้าสีขาว ขนมปังขาว โดนัท ลูกกวาด และเครื่องดื่มใส่น้ำตาล สามารถทำลายอารมณ์ของคุณด้วยการทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นและลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มนักวิจัยประจำมหาวิทยาลัยโคลัมเบียพบว่า ยิ่งผู้หญิงที่บริโภคน้ำตาลและธัญพืชขัดขาวแล้วมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้นเท่านั้น และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันยังพบด้วยว่า หนูที่เลี้ยงด้วยอาหารรสหวานจะมีอาการตื่นตระหนกและวิตกกังวลเมื่อดึงน้ำตาลออกจากอาหาร ซึ่งคล้ายกับประสบการณ์ของคนเมื่อถูกให้ถอนตัวจากยาเสพติด อย่างไรก็ตาม ข่าวดีคือ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียยังพบด้วยว่า อาหารที่มีธัญพืชเต็มเมล็ดสูง (เช่น ข้าวกล้อง และควินัว) รวมทั้งมีผักและผลไม้หลากหลายชนิด ยังช่วยลดความเสี่ยงของผู้หญิงจากโรคซึมเศร้าได้ กาแฟ เราไม่ได้บอกให้คุณหยุดดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มกาเฟอีนอื่นๆ แต่ถ้าคุณรู้สึกวิตกกังวลอาจโทษว่าเป็นเพราะการดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้หลายๆ แก้วติดต่อกันก็ได้ อาลี มิลเลอร์ นักกำหนดอาหาร อธิบายว่า กาเฟอีนมีผลกระตุ้นระบบประสาท ทั้งยังเป็นสาเหตุให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียด คือ คอร์ติซอล ที่ทำให้โรควิตกกังวลแย่ลง และทำให้มีปัญหาการนอน โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคตื่นตระหนกและโรคกลัวการเข้าสังคม แม้จะมีข้อเท็จจริงอันหนึ่งที่กล่าวว่า กาเฟอีนช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเซโรโทนินที่ทำให้คุณรู้สึกดี แต่การหลั่งเซโรโทนินตลอดเวลาอันเป็นผลจากการบริโภคกาแฟมากเกินไปในช่วงเวลาหนึ่งนั้น แท้จริงแล้วสามารถทำให้คุณเกิดอาการสารสื่อประสาทด้อยประสิทธิภาพได้ จึงควรลดอิทธิพลของกาเฟอีนด้วยการดื่มกาแฟถ้วยขนาด

Read More