Home > 2012 (Page 6)

The three most scenic sports of Japan (1): Matsushima

 ส่วนหนึ่งในหนังสือรวบรวมบทกวี Haiku ชื่อ Oku no Hosomichi ซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบแดงของ Matsuo Basho (ชื่อจริง Matsuo Munefusa) กวีเอกในสมัยเอโดะ (ค.ศ.1603-1868) ได้พรรณนาความงดงามของทัศนียภาพหมู่เกาะ Matsushima ที่แต่งขึ้นในปี 1689 เมื่อครั้งเดินเท้าท่องเที่ยวไปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นไว้ดังนี้matsushima yaa-a matsushima yamatsushima yaโครงสร้างของกวี Haiku หนึ่งบทประกอบด้วย 17 พยางค์แบ่งออกเป็นสามวรรคในลักษณะ 5-7-5 เป็นกฎเกณฑ์ที่ท้าทายทักษะ การประพันธ์ด้วยคำที่สั้น, กระชับ และเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยปรัชญาซึ่งสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของกวีต่อสิ่งที่ได้สัมผัสรับรู้ในขณะนั้น ปัจจุบัน กวี Haiku ไม่ได้จำกัดเฉพาะภายในญี่ปุ่นเท่านั้นทว่าเป็นที่นิยมในต่างประเทศซึ่งได้ดัดแปลงการแต่งกวี Haiku เป็นภาษาอังกฤษอีกด้วยความสละสลวยของกวี Haiku บทดังกล่าวข้างต้นนี้อยู่ที่การเลือกเพียงคำลงท้ายคำนาม “ya” กับคำอุทาน “a-a” มาร้อยเรียงกับ “matsushima” ของทุกวรรคซึ่งสะท้อนความประทับใจต่อทิวทัศน์ที่ประจักษ์อยู่เบื้องหน้าอันยากจะสรรหาคำวิเศษณ์ใดๆ มาอรรถาธิบายได้ท้องทะเลภายในอ่าว Matsushima เป็นเสมือนแผ่นผ้าใบสีครามผืนใหญ่ที่ธรรมชาติบรรจงแต่งแต้มสีเขียวเข้มของต้นสนญี่ปุ่นบนเกาะแก่งสีขาว-เทารูปทรงแปลกตาราวกับงานศิลปะชิ้นเอกที่ติดตรึงใจผู้มาเยือนและเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินสร้างสรรค์เพลงพื้นบ้าน,โคลงกลอน, ภาพเขียนโบราณซึ่งปรากฏหลักฐานมาแต่สมัยเฮอัน (ค.ศ.794-1192)บริบทความงามของสถานที่แห่งนี้ได้รับการสำทับอีกครั้งในบันทึกการสัญจรทั่วญี่ปุ่น (Nihon Kokujisekikou) ของ Shunsai Hayashi นักปราชญ์ ผู้ศึกษาลัทธิขงจื๊อในต้นสมัยเอโดะซึ่งระบุถึงสถานที่ 3 แห่งที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่นอันได้แก่ Matsushima, Amanohashidate และ Miyajima (ซึ่งอีก 2 แห่งหลังนั้นจะนำเสนอรายละเอียดในฉบับต่อๆ ไป)ในเวลาต่อมา Matsushima เป็นที่รู้จักไปทั่วญี่ปุ่นต่อเนื่องจวบจนทุกวันนี้และยังคงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่ต่างต้องการพิสูจน์และสัมผัสความงดงามของธรรมชาติตามคำร่ำลืออัศจรรย์ธรรมชาติของหมู่เกาะ Matsushima ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด Miyagi สันนิษฐาน ตามหลักฐานทางธรณีวิทยาว่าเดิมทีเมื่อหลายล้านปีก่อนบริเวณนี้เคยเป็นหน้าผาชายฝั่งทะเลที่เว้าแหว่งในลักษณะคล้ายกับชายฝั่งฟยอร์ด (Fjord) ของประเทศนอร์เวย์ซึ่งค่อยๆ ยุบตัวลงสู่ท้องสมุทรเบื้องล่างทีละน้อย เนื่องด้วยแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งแล้วครั้งเล่าแปรสภาพจากยอดเขาไปเป็นเกาะเหนือระดับน้ำทะเลซึ่งยืนหยัดรับแรงกัดเซาะของคลื่นและลมเป็นเวลาเนิ่นนานจนกลายเป็นผลงานประติมากรรมลอยตัวหลากรูปทรงสีนวลตา 260 เกาะที่ปกคลุมไปด้วยต้นสนญี่ปุ่น (Matsu) อันเป็นที่มาของชื่อเรียกอาณาบริเวณแถบนี้โดยการสมาสเข้ากับคำว่า Shima ที่แปลว่าเกาะด้วยลักษณะภูมิประเทศเช่นนี้การล่องเรือออกไปชมวิวหมู่เกาะรอบนอกจากท่าเรือใกล้สถานี JR Matsushima Kaikan ซึ่งใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงสร้างความตื่นตาตื่นใจท่ามกลางธรรมชาติได้ไม่แพ้วิวพาโนรามา Shitaikan จากเนินเขาที่โอบล้อมอ่าว Matsushima อยู่รอบด้านอันได้แก่ Tomiyama ทางเหนือ, Ootakamori ทางตะวันออก, Ougidani ทางตะวันตก และ Tamonzan ทางใต้ซึ่งเป็นจุดชมหมู่เกาะ Matsushima แบบสามมิติจาก 4

Read More

“ซานไจ้” จาก C&D ถึง R&D (ตอนจบ)

 พ.ศ.2555 ณ ประเทศไทย ขณะที่แรงงานพม่าหลั่งไหลเข้ามาประกอบอาชีพในดินแดนแห่งนี้นับเป็นล้านๆ คน บริษัทมือถือหัวใสเจ้าหนึ่งก็เล็งเห็นศักยภาพของตลาดผู้บริโภคที่เป็นแรงงานพม่า ออกมือถือรุ่น “อาหม่อง” ที่มีคุณสมบัติในการใช้งาน เหมาะสมกับชาวพม่าที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย เช่น แป้นพิมพ์ระบุภาษาพม่า ความสามารถในการพิมพ์-ส่งข้อความเป็นภาษาพม่ากลางฤดูร้อน พ.ศ.2550 ณ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งทางทิศตะวันออกของประเทศอินเดีย กลาง ท้องถนนที่เต็มไปด้วยกรวด หิน ดิน ทราย และก้อนหิน สายตาของ “แจ็ค จาง” หรือ “จาง เหวินเสียว์” ซีอีโอของบริษัทจีอู่ อินเตอร์เนชันแนล เจ้าของบริษัทมือถือยี่ห้อจีอู่ (G’Five) บริษัทมือถือซานไจ้ที่แม้แต่ชาวจีนก็แทบจะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม กลับ ไม่ได้จับจ้องไปที่ทิวทัศน์ของชนบทจีนเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป สิ่งที่เขาเห็นเป็นภาพชาวอินเดียในหมู่บ้านชนบทแห่งนั้นกำลังต่อแถวยาวอยู่ ณ ท้ายรถจักรยานคันหนึ่งบนท้ายรถจักรยานคันนั้นบรรทุกแบตเตอรี่รถยนต์หนึ่งลูกพร้อมกับเครื่องแปลงไฟ...ชาวบ้านในชนบทของอินเดียพากันมาต่อแถว รอคิวเพื่อเติมไฟให้กับแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือของตัวเองจากรถจักรยานคันนั้น โดยจ่ายเงิน 10 รูปี (ราว 5-6 บาท) เพื่อแลกกับการได้ชาร์จไฟให้กับโทรศัพท์ของตัวเองเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ณ เวลานั้นแจ็ค จางรู้ทันทีว่าหมู่บ้านในเขตชนบทของอินเดียนั้น ไฟกำลังดับ แต่ชาวบ้านยังคงต้องการใช้งานโทรศัพท์ เพื่อติดต่อสื่อสารเช่นปกติสำหรับเขตชนบทของประเทศที่กำลังพัฒนา เช่นอินเดีย เหตุการณ์ไฟดับเป็นครั้งคราวถือเป็นเรื่อง ปกติ และชาวบ้านก็เคยชินเสียแล้วกับชีวิตประจำวัน

Read More

ธุรกิจบริการขุดเจาะน้ำมันรวยเงียบและรุ่ง

ความสำเร็จของ Schlumberger ชี้ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงสมดุลแห่งอำนาจครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมน้ำมันเทคโนโลยีการขุดเจาะน้ำมันแบบ “directional drilling” กำลังเปลี่ยนแปลงสมดุลแห่งอำนาจในธุรกิจพลังงาน เทคโนโลยีที่ว่าสามารถควบคุมทิศทางการขุดบ่อน้ำมันเป็นเส้นตรงได้ลึกหลายกิโลเมตร และสามารถเลี้ยวหักศอกเพื่อขุดต่อไปในแนวนอน ได้อีกไกลถึง 12 กิโลเมตรลองคิดดูเล่นๆ ว่า หาก Schlumberger บริษัทให้บริการขุดเจาะน้ำมัน (oilfield services: OFS) สามารถนำเทคโนโลยีใหม่ นี้ไปประยุกต์สำหรับวางท่อส่งน้ำมันในแนวตั้งตรงดิ่งลงมาจากตึกสูงระฟ้าอย่าง Empire State จากนั้นก็หักเลี้ยวท่อน้ำมันต่อไปในแนวนอน จนไปถึงรถทุกคันที่จอดอยู่ในถนนใกล้เคียงได้ อะไรจะเกิดขึ้นเทคโนโลยีดังกล่าวช่วยขยายการทำงานของแท่นเจาะให้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่นบ่อน้ำมันที่ Schlumberger ขุดให้แก่บริษัทน้ำมันในแคนาดาแห่งหนึ่งมีความลึก 4,000 เมตร (13,000 ฟุต) บวกกับการเจาะในแนวนอนที่สามารถเจาะไปได้ไกลถึง 2,000 เมตร (6,500 ฟุต) ห่างจากแท่นเจาะนอกจากนี้อุปกรณ์ขุดเจาะที่อยู่ในเครื่องมือที่เรียกว่า drill-string ซึ่งเป็นเหล็กกล้ายังสามารถวัดและอ่านค่าต่างๆ ของสภาพแวดล้อมใต้ดินได้มากขึ้นอีกหลายสิบค่า อย่างเช่น ค่ากัมมันตภาพรังสีในหินที่อยู่โดยรอบ ค่าความต้านทานแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น นี่คือความสามารถและเทคโนโลยีขั้นเอกอุของ บริษัทประเภท OFS ซึ่งยากจะหา บริษัทใดมาเทียบได้บริษัท OFS อย่างเช่น Schlumberger เป็นเสมือนม้าใช้ที่ปิดทองหลังพระตัวจริงในอุตสาหกรรมน้ำมันโลก บริษัทเหล่านี้รับทำงานหนักส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับการสำรวจ ค้นหาและขุดเจาะน้ำมันและก๊าซเกือบทั้งหมดแต่กลับไม่เคยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก เหมือนกับบริษัทน้ำมันข้ามชาติยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้ว่าจ้าง ซึ่งเรารู้จักกันดีอย่างเช่น Exxon-Mobil หรือ BP อย่างไรก็ตาม บริษัท OFS ก็ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าจากการมีรายได้ที่งดงามและร่ำรวยมหาศาลแบบเงียบๆSchlumberger ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในปารีสและฮุสตันและ มีสำนักงาน 34 แห่งในเมือง Aberdeen เมืองน้ำมันในสกอตแลนด์ มีผลกำไรสุทธิ 5,000 ล้านดอลลาร์ จากรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย 40,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีกลาย (2011)

Read More

ยุทธศาสตร์ประเทศไทย ฉบับ “ธนินท์ เจียรวนนท์”

 หากถามว่าใครเป็นนักธุรกิจที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อสังคมไทยมากที่สุด เชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อของธนินท์ เจียรวนนท์ เป็นหนึ่งในชื่อต้นๆ ที่ทุกคนนึกถึง เพราะเขาเป็นผู้ที่ผลิตสร้างวาทกรรมว่าด้วยยุทธศาสตร์ประเทศไทยมากที่สุดคนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้กล่าวถึงยุทธศาสตร์ประเทศไทยใน การรับมือกับเศรษฐกิจโลกใหม่ว่า ภาคการเกษตรยังถือเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญ เพราะมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตร รวมเกษตรอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ยางสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นอันดับหนึ่ง ปีละ 1.67 ล้านล้านบาท และภาคเกษตรของไทย จะมีบทบาทมากกว่านี้ถ้ารัฐบาลให้ความสนใจและมีนโยบายที่ถูกต้อง เพราะไม่ว่าจะเกิดวิกฤติอย่างไร คนทั่วโลกก็ยังต้องบริโภค อาหารภาคเกษตรจึงเต็มไปด้วยโอกาส รองลงมาเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมยานยนต์“หากรัฐบาลมีนโยบายดูแลธุรกิจจิ๋ว เล็ก กลางที่ชัดเจน ก็จะทำให้ธุรกิจเหล่านี้ก้าวไปได้ไกลพัฒนาเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ต่อไปในอนาคต เป็นพลังสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทย”ยางพาราเป็นตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศไทย สร้างรายได้เข้าประเทศปีละ 650,000 ล้านบาท เชื่อว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ไม่มีอะไรมาทดแทน ยางได้ เพราะถ้าน้ำมันยิ่งแพง ยางเทียมก็จะแพงไปด้วย หากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมซึ่งไม่ใช่แค่ปลูกยางพาราอย่างเดียว แต่ส่งเสริมให้คนอยู่ในท้องถิ่นทำยางแท่ง แปรสภาพยางเป็นยางสำเร็จรูป เพิ่มมูลค่าแล้วชวนชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนลดภาษีเงินได้ให้เท่ากับฮ่องกง สิงคโปร์ ใครๆ ก็อยากเข้ามาลงทุนในเมืองไทย“ที่สำคัญเมืองไทยยังมีแรงงาน โดยเฉพาะภาคอีสาน ถ้าส่งเสริมให้มีการปลูกยางพารามากๆ อีสานจะเป็นสีเขียว ฝนจะชุกมาก ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ ทำให้คนอีสานอยู่ในท้องถิ่นมากขึ้นไม่ต้องไปทำงานต่างประเทศ”อ้อยก็เป็นอีกธุรกิจที่ไทยส่งออกนอกเป็นที่สองของโลก

Read More

“พันธุ์ข้าว” ยุทธศาสตร์รองรับ AEC

 ข้าว เป็นพืชอาหารที่มีคนนิยมบริโภคเป็นอันดับต้นๆ ของ โลก และเป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้มหาศาลเข้าประเทศแม้ไทยครองแชมป์อันดับหนึ่งในการส่งออกข้าวมาตลอด แต่เมื่อเปรียบเทียบขีดความสามารถในการผลิตข้าวพบว่าผลผลิต เฉลี่ยข้าวไทยอยู่ที่ 461 กิโลกรัม/ไร่ ขณะที่ผลผลิตเฉลี่ยข้าวของเวียดนามอยู่ที่ 875 กิโลกรัม/ไร่ อินโดเนีเซีย 774 กิโลกรัม/ไร่  และจีน 1,054 กิโลกรัม/ไร่ ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นชัดว่าแม้ไทยจะส่งออกข้าวเป็นอันดับต้นๆ ของโลกก็ตาม แต่ผลผลิตข้าวของไทยต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ด้วยกันเอนก ศิลปพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหารสายงานวิจัย และพัฒนา กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้ข้อสังเกตว่า ไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวมากกว่าเวียดนามถึง 30% แต่เวียดนามสามารถส่งออกข้าวได้เป็นอันดับ 2 ของโลกเป็นรองไทย อยู่แค่ 2.3 ล้านตัน เห็นได้ว่าประเทศไทยมีขีดความสามารถในการผลิตข้าวต่ำกว่าเวียดนามเกือบ 1 เท่าตัว เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อนาคตข้าวไทยจะเป็นอย่างไร โอกาสที่ประเทศไทยจะเสียแชมป์ให้กับเวียดนามจึงมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงไทยจะก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) อย่างเต็มตัวในปี 2558 ซึ่งประเทศในกลุ่มอาเซียนเดิมคือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย

Read More

Big Cola ขยายหุ้นกู้ 300 ล้านเหรียญ

 บริษัท อาเจ กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลม บิ๊กโคล่าทั่วโลก เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจโดยประกาศความสำเร็จในการออกการจำหน่ายหุ้น 300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 9,300 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ย 6.50% ต่อปีบริษัท อาเจไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ บิ๊กโคล่าในประเทศไทย เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆ นี้ กอนซาโล เบกาโซ รองประธานบริหาร สายงานบริหารและการเงินของบริษัท อาเจ กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมแบรนด์บิ๊กโคล่าทั่วโลก รวมถึงเครื่องดื่มแบรนด์ Cifrut, Big Citrus, Pulp, Sporade, Cielo, Cool Tea ซึ่งครองตลาดแถบละตินอเมริกาและเม็กซิโก ประกาศความสำเร็จในการออกจำหน่ายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มี หลักประกัน (senior unsecured notes) อายุ 10 ปี รวมมูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 9,300 ล้านบาท โดยให้ผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนด้วยอัตรา 6.50%

Read More

สำนักพิมพ์ทรูไลฟ์ ดึง “ออนไลน์” สู่ “ออฟไลน์”

ขณะที่ผู้สันทัดกรณีต่างคาดการณ์กันว่า กระแสดิจิตอล จะเข้ามายึดครองพฤติกรรมการอ่านแบบเดิมๆ จนกระทั่งสื่อสิ่งพิมพ์หลายค่ายต้องเร่งปรับตัวก้าวเข้าสู่โลกใหม่อย่างเต็มตัว แต่ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” กลับมอง “หนังสือ” ยังต้องอยู่กับคนไทยอีกที่สำคัญ ตลาดรวมอุตสาหกรรมหนังสือและสิ่งพิมพ์ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้หยุดชะงักไปเมื่อปีก่อนจากผลกระทบ น้ำท่วม เฉพาะปี 2555 มูลค่าทั้งตลาดจะสูงถึง 22,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2,000 ล้านบาทมนสินี นาคปนันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ และผู้จัดการทั่วไป ทรูไลฟ์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทรูไลฟ์ขยายกลุ่มธุรกิจใหม่คือ สำนักพิมพ์ทรูไลฟ์ เพื่อเชื่อมระหว่างโลกออนไลน์กับออฟไลน์ โดยดึงนักเขียนหรือคนที่ได้รับความนิยมในโลกออนไลน์เข้ามาสู่โลกออฟไลน์ในรูปแบบหนังสือ เพื่อเติมเต็มความครบเครื่องของทรูไลฟ์ ซึ่งเป็นหนึ่งกลุ่ม ธุรกิจของทรู คอร์ปอเรชั่น ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยในหลากหลายรูปแบบผ่านสื่อทุกแพลทฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นทีวี สิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น และโมบายล์สำนักพิมพ์แห่งนี้เริ่มทดลองตลาด โดยนำเสนอพ็อกเก็ต บุ๊กเล่มแรก เรื่อง “สมาคมมุขเสี่ยว” ของผู้เขียนที่ก่อตั้งสมาคมมุขเสี่ยวๆ แห่งประเทศไทย รูปแบบ Fan Page ใน Facebook ที่มีผู้คนเข้ามาอ่านและกด Like หลายแสนคน ปรากฏว่าหนังสือได้รับความนิยมและสร้างยอดขายติดท็อปเท็นของบุ๊คสไมล์ในร้าน เซเว่นอีเลฟเว่น ต้องจัดพิมพ์เป็นครั้งที่

Read More

“เพย์ทีวี” เต็มรูปแบบ

 ภายในปีนี้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะออก ใบอนุญาตทีวีดาวเทียม ซึ่งผู้ประกอบการค่ายใหญ่ๆ ทั้งจีเอ็ม เอ็มแกรมมี่ อาร์เอส เตรียมตบเท้ายื่นขอใบอนุญาตเพื่อก้าวสู่การเป็น “เพย์ทีวี” อย่างเต็มรูปแบบขณะเดียวกันในจำนวนครัวเรือนที่มีโทรทัศน์กว่า 20 ล้านครัวเรือน มีการรับชมโทรทัศน์ผ่านจานรับสัญญาณดาว เทียม 10 ล้านครัวเรือน เคเบิลทีวีท้องถิ่น 5 ล้านครัวเรือน และสมาชิกทรูวิชั่น 2 ล้านครอบครัว มีแนวโน้มว่าทุกครัวเรือนในประเทศจะมีโทรทัศน์มากกว่า 2 เครื่องต่อครอบครัวและมากกว่า 25% มีสูงสุดเกือบ 4 เครื่อง ทำให้ธุรกิจบันเทิงหลายค่ายเริ่มเข้ามาจับจองส่วนแบ่งตลาดทีวีดาวเทียมผ่านกล่องรับสัญญาณ ซึ่งมีโอกาสขยายได้มากถึง 20 ล้านกล่อง และไม่ใช่การดูฟรีแบบเดิมๆ แต่เป็นยุค “เพย์ทีวี” ที่ลูกค้าต้องจ่าย เพื่อซื้อคอนเทนต์พิเศษที่ไม่ได้มีให้ดูทั่วไปทีวีดาวเทียมที่มีมากกว่าร้อยช่องเอาเข้าจริงมีเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่น่าสนใจไม่ถึงสิบช่อง ที่เหลือเป็นช่องทางการขายสินค้า และรายการรีรันเนื้อหาเมื่อหลายสิบปีก่อนการแข่งขันในตลาดทีวีดาวเทียมปัจจุบันจึงเปลี่ยนผ่านจาก จุดขายเรื่องราคา ไม่มีค่ารายเดือนและจำนวนช่องมาอยู่ที่ “คอนเทนต์” และคอนเทนต์ที่เป็นตัวขายหลักก็คือ “กีฬา” ซึ่งเป็น  รายการยอดนิยมที่คนไทยยอมจ่ายเงินเพื่อบริโภคความบันเทิงสูงสุดนั่นทำให้ปัญหา “จอดำ” ในรายการแข่งขันฟุตบอลยูโร ถูกหยิบยกขึ้นเป็นประเด็นสำคัญตั้งแต่เริ่มต้นจนจบฤดูกาล ซึ่งจุดนี้เองที่บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) จับมาเป็นกลยุทธ์เข้าสู่ตลาดกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม เปิดตัวกล่องรับสัญญาณดาวเทียมSUNBOX ที่รองรับการเข้ารหัสสัญญาณทั้งแบบมีเงื่อนไข และไม่มีเงื่อนไข

Read More

“เซ็นทรัล-อิออน” ปักธงขยายตลาดอาเซียน

 ธุรกิจค้าปลีกเริ่มปักธงขับเคลื่อนแผนขยายตลาดอาเซียนรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ล่าสุด บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ลงนามเซ็นสัญญากับ บริษัท พีที แกรนด์ อินโดนีเซีย เพื่อเช่าพื้นที่ฝั่งตะวันออกของศูนย์การค้าแกรนด์ อินโดนีเซีย ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ระดับไฮเอนด์ ใจกลางกรุงจาการ์ตา จำนวน 4 ชั้น รวมพื้นที่ 21,000 ตารางเมตร เงินลงทุนกว่า 600 ล้านบาททศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ระบุว่า การเลือกอินโดนีเซียเป็นด่านแรก ในการรุกตลาดอาเซียน เนื่องจากเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดและมีจำนวนประชากรมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เฉพาะกรุงจาการ์ตานี้มีประชากรมากถึง 10 ล้านคน การเลือก “แกรนด์ อินโดนีเซีย” สาขาแรก เพราะที่นี่เป็นชอปปิ้งคอมเพล็กซ์ ขนาดใหญ่ใจกลางเขตเศรษฐกิจของกรุงจาการ์ตา บนถนน MH. Thamrin ถนนสายธุรกิจอันดับ 1 ของอินโดนีเซีย มี Selamat Datang

Read More

VDO : Towards Mega Portal Digital Contents

การเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นที่ "ผู้จัดการ" ดูเหมือนว่าได้กลายเป็น talk of the town ที่ดำเนินผ่านการคาดการณ์และขยายผลไปอย่างรวดเร็ว ประกอบส่วนด้วยข้อเท็จจริงมากบ้างน้อยบ้างไปในทิศทางต่างๆ ตามแต่ความสามารถในการรับรู้และเป้าประสงค์ของผู้สื่อสาร

Read More